วันพฤหัสบดี, มกราคม 07, 2564

เอกชัย-สมยศนำผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนไทยเรียกร้อง EU ให้งดวีซ่า-อายัดทรัพย์สิน รัฐบาลประยุทธ์



เอกชัย-สมยศนำผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนไทยเรียกร้อง EU ให้งดวีซ่า-อายัดทรัพย์สิน รัฐบาลประยุทธ์

BY KANOKWAN KANKAW
January 6, 2021

จากการที่ประเทศสหภาพยุโรป (The European Union – EU)ได้ออกกฎหมาย เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ว่าด้วยการตอบโต้การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยได้กำหนดมาตรการลงโทษไว้กับผู้ที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ทั้งในระดับบุคคลและในระดับองค์กรที่เป็นนิติบุคคล โดยในข้อ 2 ของกฎหมายฉบับนี้ได้ครอบคลุมกรอบการทำความผิด ที่รวมถึงการละเมิดเสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคมโดยสงบ และ/หรือในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกของบุคคลในช่องทางต่างๆด้วย และเราสามารถแจ้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนย้อนหลังเกี่ยวกับคดีในอดีตต่ออียูได้ด้วย

โดยนายเอกชัย หงส์กังวาน ได้นำผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิกรณีถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 และ 116 อาทิเช่น นางอัญชัญ ปรีเลิศ นางณัฐธิดา มีวังปลา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ธานี สุขสม จิรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล ฯลฯ เข้ายื่นหนังสือต่อสหภาพยุโรปโดยมีนาย Christain Begue เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของ EU เป็นผู้มารับหนังสือดังกล่าว โดยระบุว่า รัฐบาลประยุทธ์ มาจากรัฐธรรมนูญ ที่ร่างโดยคณะรัฐประหารปี 2557 ทำประชามติแบบยัดเยียดและบีบบังคับคนไทย ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนการแสดงความคิดเห็นและสิทธิการชุมนุมโดยสงบ ด้วยการดำเนินคดีตามมาตรา112 และเรียกเข้าปรับทัศนคติ ในขณะที่เมื่อคณะราษฎร 2563 ได้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปกษัตริย์ รัฐบาลประยุทธ์ได้ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำผสมสารเคมีที่อันตราย รวมทั้งการใช้แก๊สน้ำตาอย่างรุนแรงจนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และได้ใช้คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือมาตรา 112 ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นและสิทธิการชุมนุมโดยสงบ มีผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรา112ไปแล้ว 42 คนด้วยกัน

ในหนังสือยังระบุเรียกร้องให้ EU งดเว้นการออกหนังสือเดินทางหรือ วีซ่า และ ทำการอายัดทรัพย์สินหรือธุรกรรม ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐบาล นายตำรวจและผู้ที่กล่าวหาในการใช้มาตรา 112 และ 116 คุกคามแกนนำคณะราษฎร 2563

ทางด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตนักโทษการเมืองม.112 ซึ่งเคยถูกจำคุกมาแล้ว 7 ปี และเป็นแกนนำคณะราษฎร 2563 ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จากการปราศรัยถึงสองครั้งด้วยกันกล่าวว่า หากพิสูจน์ได้ว่ารัฐไทยรวมถึงผู้ออกคำสั่งใดๆที่ขัดขวางการชุมนุมโดยสงบ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการชุมนุมโดยสงบ ตั้งแต่คนที่ไปแจ้งความคนอื่นในคดีม. 112 และหรือ 116 กับตำรวจ ตำรวจที่รับแจ้งความ อัยการที่รับทำคดี ทนายที่เป็นฝ่ายโจทก์ ศาลที่เป็นผู้ตัดสินว่าจำเลยต้องโทษในคดี ล้วนถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จะต้องถูกลงโทษจากสหภาพยุโรป ด้วยการจำกัดการเดินทางเข้า-ออกสหภาพยุโรป รวมไปจนถึงมาตรการอายัดทรัพย์สินใดๆ ที่เกี่ยวพันกับสหภาพยุโรปได้ รวมถึงในอเมริกาที่มีกฎหมายทำนองเดียวกันอยู่ ในขณะเดียวกัน อียูก็ได้ชักชวนให้ประเทศอื่นเข้าร่วมใช้มาตรการลงโทษบุคคลหรือองค์กรที่ทำการหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบเดียวกับที่อียูใช้ด้วย

ดังนั้นการที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการให้ตำรวจดำเนินคดีแกนนำคณะราษฎร ตามมาตรา 112 มีจำนวนถึง 42 คนนั้น ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่รุนแรง โดยนานาชาติต่างรับทราบและตระหนักดีแล้วว่ามาตรา 112 เป็นกฎหมายล้าหลัง ป่าเถื่อน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจะทำการรวมรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดพร้อมพยานหลักฐานมายื่นต่อ EU เพิ่มเติมและจะประสานงานองค์กรสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะที่ประเทศเยอรมันให้ตรวจสอบในเรื่องที่ได้ร้องเรียนนี้อย่างจริงจัง ซึ่ง ขณะนี้ สมาคมนักประชาธิปไตยไร้พรมแดนที่มีอาจารย์จรัล ดิษฐาอภิชัยเป็นประธานและ ผู้ลี้ภัยในยุโรปคนอื่นๆจะทำการยื่นข้อมูลกรณีการอุ้มฆ่าผู้ลี้ภัยจำนวนทั้งหมด 8 คน ต่อEU อีกด้วย

(อ้างอิง https://www.facebook.com/ThaiEUDem/photos/a.100833008485602/157301562838746/)