วันศุกร์, มกราคม 22, 2564

'ตุ้มเป๊ะ' จากวัคซีนไม่ถ้วนหน้า ถึงรถไฟฟ้าเพื่อเจ้าหนี้ กทม. อ๋อเพราะตู่จะไม่อยู่แล้วนี่เอง


ขณะที่ประชากร รุ่นใหม่สายการเมือง ถามไม่ตรงคำตอบเรื่องบริหารจัดการวัคซีนโควิด แล้วโดนข้อหา ๑๑๒ วันนี้ (๒๒ มกรา) สายม็อบไปกันที่หน้ากระทรวงการคลัง ทวงเรื่องงบประมาณที่ไปใช้กับราชวงศ์และขุนศึก เปลี่ยนมาใช้เยียวยาประชาชนได้ไหม

ไม้ค์ ระยอง สมาชิกแถวหน้าคณะราษฎร ซึ่งไปเป็นหัวหอกแห่งการนั้น ก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับ โด๊ส๑๑๒ ไปแล้วเช่นกัน เฉกเช่นการ์ตูนของ sukhumvit_dangerous สัพยอกไว้ในนิตยสาร เวย์ ว่า “คนละครึ่งหรือจะสู้คนละโดส”

'คนละครึ่ง' กำลังเป็นตัวปัญหาของความลักลั่นในการบริหารจัดการสาธารสุขอย่าง ไม่ถ้วนหน้า ของรัฐบาลตู่ ในเมื่อ ๓,๕๐๐ บาท ไทยๆ ชนะ อ้างโน่นอ้างนี่ให้เป็นตัวเงินสดไม่ได้ กลัวว่าจะเอาไปซื้อเหล้าบ้างละ กับที่ว่าเดี๋ยวเชื้อโควิดติดจากธนบัตรนั่น ไม่รู้คิดได้ไง


เครือข่ายรามคำแหงถึงได้ต้องแห่กันไปหน้าตึกรัฐสภา เรียกร้องความผ่องใสของมาตรการแก้ไขวิกฤตโควิด “แนะรัฐบาลให้เงินสดเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มเสมอภาค เลิกให้สวัสดิการแบบชิงโชค” ทีตอนเก็บภาษีประชาชนต้อง จ่ายแบบบังคับ

อีกอย่างของความฟุ่มเฟือยในการใช้งบประมาณมากมายไปกับการ อวย และ อำนวย สถาบันกษัตริย์เสียจนล้นพ้น ได้แก่ “ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพระราชฐานที่ประทับ” ซึ่ง iLaw เผยว่า “เป็นจำนวนหลักพันล้านบาทอย่างน้อย ๕ ปีติดต่อกัน”

ปี ๖๐ อยู่ที่ ๑,๒๖๙ ล้านบาท พอปี ๖๑ กระโดดไป ๑,๙๙๙ ล้านบาท แล้วไม่มีเพลามือ พอถึง ๖๒ จึงเพิ่มเป็น ๒,๒๗๖ ล้าน ตามด้วยปี ๖๓ ตั้งงบฯ อุ้มกษัตริย์ไว้สูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบสิบปีที่ ๒,๓๗๘ ล้าน ก่อนจะมาลดลงเล้กน้อยในปีนี้ ที่ ๑,๗๐๐ ล้านบาท

อันนั้นต้องทำความเข้าใจด้วยนะว่า ใช้เฉพาะใน “โครงการสนับสนุนกิจกรรมพิเศษหลวง” ซึ่ง “นอกจากงบเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานที่ประทับที่ปรากฏอยู่ในงบประมาณของสำนักพระราชวังแล้ว กรมโยธาธิการและผังเมือง” ก็ได้รับเช่นกัน

ไอลอว์ยังมีข้อสังเกตุให้ตระหนักว่า “งบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๘...จนถึงปีงบประมาณ ๒๕๖๔... ไม่ได้แจกแจงอย่างละเอียด ว่าใช้งบประมาณสำหรับโครงการใด พระราชวังใด แต่ใช้วิธีการอธิบายรวมๆ” หยวนเอา

ขณะที่ประชากรแบกรับภาระและความค่นแค้นต่อความลำเอียง เลือกปฏิบัติ และร้ายที่สุดเป็นการเผชิญความอดอยากปากแห้ง แม้นรัฐบาลตู่ประโคมนักหนาว่า เราชนะทั้งที่ประชาชนไม่ว่าชั้นล่าง ชั้นกลาง ต้องแบกภาะให้รัฐกิจอยู่รอด

ต่อกรณีทางการ กทม.ขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวขึ้นไปเป็น ๑๐๔ บาทต่อเที่ยว ผู้คนร้องแรกแหกกะเฌอกันหลายวันแล้วว่าแพงไป สู้ไม่ไหว จนมี ส.ส.พวก ก้าวเอาไปอภิปรายในสภา แล้วกรรมาธิการคมนาคม ลงมติให้ชลอราคาใหม่ไปก่อน

เช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคมพยายามไม่ขัดใจมวลชนม็อบ “มีหนังสือให้ กทม. ชะลอการเก็บค่าโดยสารออกไปก่อน” ร้อนถึงผู้ว่า กทม.คนเดียวกับที่ คสช.ใช้อาญาสิทธิส่งมา รีบโต้ทันใด “เขาก็มีเหตุผลของเขา แต่ กทม.ก็มีเหตุผลเหมือนกัน”


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง พูดเสียงกร้าว “ถ้าชะลอออกไปอีก จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้เอกชน...ยืนยัน วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์นี้ จะเก็บค่าโดยสารในอัตราใหม่แน่นอน” ทั้งยังอ้างด้วยว่าสายอื่นๆ แพงกว่า สีเขียว ที่กำลังขึ้นราคานี้

ลักษณะ ข่มเขาโคให้กินหญ้าอย่างนี้แหละที่ทำให้เวียตนามแซงหน้าไทย ไม่ต้องมาถาม “เพราะอะไร” มีแต่คนตอบว่าเพราะมะรึง ทั้งนั้น อาการมั่วซั่วปรากฏโดดเด่นเสียจนมีการช่วงชิงกันเองในฟากเดียวกัน เพื่อจะได้กุม กทม.รุ่นต่อเนื่อง

โดยปีก กปปส.ออกมาช่วงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.กับปีก คสช.กันแล้ว ช่วงสองสามเดือนมานี่เป็นที่รับรู้ชนิดถ้วนหน้า ว่า อดีต ผบ.ตร.จะเข้าชิงตำแหน่ง สำหรับพรรคพวก สืบทอดอำนาจแต่แล้ว ทยา ทีปสุวรรณ ตุนาหงันของรัฐมนตรีศึกษาฯ ประกาศตัว

อ้างสรรพคุณ “เรามีคนที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐและเข้าใจงานการเมือง เช่น นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งตอนนี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล” เสริมทัพให้กับเมียณัฏฐพล

“ถ้าพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะส่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผมก็จะให้นางทยา ลงชน” รมว.กปปส.ประกาศจะไปคุยกับพี่ใหญ่ คสช. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย คุยกันแล้วเฮียป้อมไม่ยี่หระ ส่งใครก็ส่งไป แต่ผมไม่รู้เรื่อง จะตอบได้อย่างไร ตามท้อปฟอร์ม

หากแต่มีพัฒนาการใหม่ให้ครื้นเครงจากถ้อยคำของณัฏฐพล ที่บอกว่าจะไปแจ้งเฮียป้อมถึง “ความพร้อมในการส่งภรรยาผมลงผู้ว่า กทม. และครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่เล่นการเมืองแล้ว และก็ไม่รู้จะมีพรรคพลังประชารัฐอีกหรือไม่”

(https://www.pptvhd36.com/.../%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0.../140533, https://www.ilaw.or.th/node/5807,  https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/918663?aoj= และ https://www.facebook.com/waymagazine/posts/10157534994651456)