วันพฤหัสบดี, มกราคม 28, 2564

ฉิบหายกันถ้วนหน้า ทำใจเย็นรอสยามไบโอผลิตวัคซีน ล็อตแรกเดือนมิถุนา 64 แพงด้วย


Atukkit Sawangsuk
6h ·

ชำแหละคำตอบ 7 ข้อของอนุทิน ซึ่งน่าจะเรียบเรียงโดยพวกหมอในกระทรวงสาธารณสุข ที่เขียนได้เนียนจนคนไม่ติดตามก็จับประเด็นไม่ถูก ว่าสาระสำคัญมันอยุ่ที่ข้อ 4 ข้อ 5
..............................
แต่ไล่ให้ฟังทีละข้อแล้วกัน
:
ข้อแรก ประเทศไทยไม่สามารถจองซื้อวัคซีนตั้งแต่เริ่มผลิต เพราะต้องร่วมเสี่ยง ถ้าผลิตไม่สำเร็จเสียเงินฟรี แม้จะได้ก่อน และได้ราคาถูกกว่า แต่กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้แทงหวย
:
ก็พอฟังได้ แต่ไม่มีรายละเอียดว่าที่ต้องเสี่ยงนั้นเราต้องลงขันเท่าไหร่กับใคร น่าจะคุ้มไหม กฎหมายล้าหลังหรือถูกแล้ว เพราะพวกที่ลงขันเขาได้ทั้งนั้นไม่เห็นมีใครเสียเงินฟรี
:
ข้อสอง วัคซีนที่เหมาะที่สุดกับประเทศไทยคือแอสตราฯ ราคาถูก เหมาะกับการฉีด ฟังเหมือนใช่นะ ราคาต่ำกว่าวัคซีนอื่น เก็บรักษาง่าย
:
แต่คำตอบนี้ก็คือ แทงม้าตัวเดียวจริงๆ โดยหลักทางการแพทย์มันควรจะมีอีกทางเลือก (ไซโนแวคจริงๆ ก็เลือกทีหลังตอนตื่นตูม)
:
ข้อสาม อ้างเหมือนเดิมว่าแอสตราฯ เลือกสยามไบโอเอง รัฐบาลเลยหนุน เพื่อความมั่นคงทางวัคซีนของประเทศ
:
จริงๆ ต้องพูดว่า แหม ก็ SCG เขาล็อบบี้มาให้บริษัทในเครือเดียวกัน รัฐบาลเลยให้เงิน 595 ล้าน โดยเพิ่งมาบอกทีหลังว่า ไม่ได้ให้ฟรี จะได้คืนเป็นวัคซีน (พอขอดูสัญญาก็ไม่ให้ดู)
..............................................
ข้อสี่ อ่านภาษาให้ดีๆ จะเห็น
การจัดหาวัคซีนในระยะแรก 26 ล้านโด๊สจากแอสตรา และ 2 ล้านโด๊สจากจีน
"คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้วิเคราะห์แล้วว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีการระบาดรุนแรง และไม่มีผู้ป่วย หรือ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เช่นในบางประเทศ..."
:
"ประกอบกับจำนวนวัคซีนที่จะทยอยส่งมอบต้องดำเนินการให้เกิดคุณภาพการจัดการ และการเก็บข้อมูลด้านความปลอดภัย การวางแผนจัดหาและฉีดวัคซีน จึงต้องคำนึงปริมาณที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสูญเสียและสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น อีกทั้ง UNICEF คาดการณ์ปริมาณวัคซีนที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี2564 จนเพียงพอต่อความต้องการ และมีแนวโน้มที่วัคซีนจะราคาถูกลงกว่าในขณะนี้ เราจะประหยัดงบประมาณไปได้อีกมาก"
:
อันนี้คือการเปิดเผย ว่าที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขคิดไว้
คือสั่งไว้ 26 ล้านโด๊ส ได้เดือนมิถุนายน ทยอยฉีด ก็พอแล้ว
รัฐบาลตู่เก่งที่สุดในโลก ปราบโควิดอยู่หมัด ไม่เห็นต้องรีบร้อน
หวานเย็นก็ได้ ยังไงก็ต้องทยอยฉีด ปลายปีวัคซีนจะถูกลง เดี๋ยวค่อยซื้อเพิ่ม ประหยัดงบ
(เศรษฐกิจฉิบหายเป็นแสนล้านไม่ยักคิด)
:
จนกระทั่งเกิดรอบสอง ไม่คาดคิด จากแรงงานผิดกฎหมาย จากบ่อน
แผนวัคซีนหวานเย็นพังทลาย จึงแตกตื่น
รีบสั่งวัคซีนจีน 2 ล้านโด๊ส สั่งแอสตราเพิ่ม 35 ล้านโด๊ส
ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะเอามาจากไหน มาถึงเมื่อไหร่
ถามทีไรอนุทินก็ลิ้นพันกัน บอกแต่ว่า สั่งแล้วๆ
แล้วเพื่อปิดปากธนาธรก็สั่งแอสตราจากอิตาลี
5 หมื่นโด๊ส ฉัดวันที่ 14 กุมภาเอาฤกษ์
:
มันยังมีหน้าเขียนตีขลุม ว่าไม่ได้สั่งแค่ 26 ล้านโด๊ส
มีของจีน 2 ล้านโด๊ส แอสตรา 35 ล้านโด๊ส
ทั้งหมดนี่สั่งหลังตื่นตูมรอบสองทั้งนั้น
ของจริงคือ หวานเย็นสั่งไว้แค่ 26 ล้านโด๊สเดือนมิถุนา
ประมาท คิดว่าเอาอยู่
..........................................
ข้อห้า ให้สังเกตว่า อนุทินไม่โต้ธนาธร
ที่เอาเอกสารชี้แจง กมธ.สาธารณสุขมาแฉ
ว่ามีแผนฉีดวัคซีนแค่ครึ่งประเทศ ทยอยฉีดถึงปี 2566
:
แต่ไปอ้างว่าหมอพยาบาลทำงานหนัก
"ทุกท่านที่วิจารณ์และตำหนิการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ต่อการบริหารสถานการณ์โรคระบาดโควิด19 ต้องให้ความเป็นธรรมต่อคนทำงานด้วย เนื่องจากโควิด19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ที่ไม่มีใครรู้จัก และไม่มีประสบการณ์ ทุกประเทศในโลก รวมทั้งประเทศไทย ต่างใช้ประสบการณ์ในอดีตที่ใกล้เคียงที่สุด มาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการทำงาน คนทำงานอาจจะมีถูกบ้างผิดบ้าง..."
:
คือยอมรับว่าพวกเมริงประเมินผิดหรือประมาทนั่นแหละ แต่อ้างว่าไม่มีประสบการณ์
สั่งวัคซีนไว้แค่ 26 ล้านโด๊ส กลางปี
คิดว่าประเทศไทยกรูนี้เก่งที่สุด พม่า ลาว อินโด ได้ฉีดก่อนก็ช่างมัน
(คำว่าพวก คือผมคิดว่าคนร่างคำตอบเป็นพวกหมอในกระทรวง ฝีปากระดับกุ๊ยตอบแบบนี้ไม่ได้หรอก)
:
คราวนี้ถ้าเรามองย้อนไป
ในความใจเย็น ก็มองอีกมุมได้ว่า ใจเย็นรอสยามไบโอผลิตวัคซีนเอง
อนุมัติเงินให้ตั้งแต่ 25 สิงหา 63 ไปปรับปรุง
ทำสัญญากับแอสตราเดือนพฤศจิกา
ได้วัคซีนล็อตแรกเดือนมิถุนา 64
รอกันเห็นๆ ไม่รีบซื้อจากที่อื่น
จนเกิดรอบสอง จึงแตกตื่น
ooooo


Atukkit Sawangsuk
7h · 

บีบีซีไทย
..................
บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงกับบีบีซีไทยเป็นอีเมลภาษาไทย ใน 5 ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงกัน ดังนี้
..................
เอาเฉพาะบางประเด็น
:
4. ทำไมไทยซื้อ "แพง" กว่าบางประเทศ
แอสตร้าเซนเนก้าตอบว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะส่งมอบวัคซีนโดย "ไม่หวังผลกำไร"ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะผ่านกลไกใดก็ตาม
ทั้งนี้ ราคาต่อโดสที่แต่ละประเทศจ่ายขึ้นอยู่กับต้นทุนในการผลิตและความแตกต่างของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเช่น กำลังการผลิต ค่าแรงและวัตถุดิบในการผลิตซึ่งจะมีต้นทุนต่างกันไป
.....................................
ราคาที่บีบีซีฝรั่งเคยเช็คไว้คือ 4 ดอลลาร์
แต่ที่เมืองไทย (ผ่านการผลิตสยามไบโอ) คือ 5 ดอลลาร์
แต่ที่สถาบันเซรั่มอินเดีย ขายรัฐบาลอินเดียตอนนี้ลงไปเหลือ 2.72 ดอลลาร์เท่านั้น ขายบังคลาเทศ 4 ดอลลาร์ ขาย COVAX 3 ดอลลาร์ ตลาดเอกชน 7 ดอลลาร์ (ดู UNICEF Dashboard)
https://www.unicef.org/.../covid-19-vaccine-market-dashboard
:
อะไรคือปัจจัยที่แตกต่างกัน ถ้าอ้างตามบริษัทอธิบาย
....................................
ย้อนกลับไปข้อ 1
เขาตอบกำกวมนะ ไม่ได้บอกว่าเขาเลือกสยามไบโอเอง
"แอสตร้าเซนเนก้าได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข เอสซีจี และสยามไบโอไซเอนซ์"
ส่วนมาตรฐาน CGMP โรงงานวัคซีนองค์การเภสัชสระบุรีก็มี ไม่ได้ต่างกัน
..................................
ข้อ 2 ควมพร้อม
"แอสตร้าเซนเนก้าบอกว่าเริ่มดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนกับให้สยามไบโอไซเอนซ์ ตั้งแต่ ต.ค. 2563"
นั่นคือหลังจาก มติ ครม.ให้ทุนหนุนสยามไบโอ 595 ล้านเมื่อ 25 สิงหา 2563
.....
Jorn Burn
ถ้าผลิตเองแพงกว่านำเข้า จะผลิตเองทำมะเขือไร แถมผลิตได้ก็ต้องส่งให้ประเทศอื่นตามลำดับโควต้าที่มีอยู่กับ AZ ซึ่งราคาส่งให้ประเทศอื่นอาจถูกกว่าในประเทศเพราะเป็นราคาที่ซื้อตรงกับ AZ

ผลิตเองแล้วไม่ใช่จะใช้ในประเทศยังงัยก็ได้ ต้องส่งให้ประเทศที่มีคำสั่งจองกับ AZ และคิดว่าราคาที่ส่งให้ประเทศอื่นน่าจะถูกกว่าขายในไทย เพราะเป็นราคาต้นทางAZ