วันอาทิตย์, มกราคม 31, 2564

อ.ปริญญา ยกข้อกฎหมาย #เบี้ยคนชรา ที่รับเบี้ยยังชีพไปโดยสุจริต และใช้จ่ายในการยังชีพไปแล้ว ไม่ต้องคืนเงิน





Prinya Thaewanarumitkul
8h ·

ทำไมกรมบัญชีกลางและองค์กรปกครองท้องถิ่นจึง #เรียกเบี้ยยังชีพคืนจากผู้สูงอายุไม่ได้

ตามที่มีการ #เรียกเงินเบี้ยยังชีพคืนจากผู้สูงอายุ โดยเหตุผลว่าระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่ออกใหม่กำหนดว่า ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยยังชีพต่อเมื่อไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในทางอื่น ดังนั้น ผู้สูงอายุรายใดได้รับเงินช่วยเหลือทางอื่นด้วยแล้ว จึงไม่มีสิทธิได้เบี้ยยังชีพอีก เมื่อรับไปแล้วจึง #ต้องคืน โดยจำนวนเงินที่เรียกคืนสูงหลายหมื่นจนเป็นแสนบาทเลยนั้น

ผมอ่านข่าวแล้วรู้เลยว่า โดยหลักแห่งความยุติธรรมแล้ว #เรื่องนี้ไม่ถูกต้องแน่ และไม่ใช่เรื่องที่ผู้สูงอายุคุณปู่คุณย่าคุณยายทั้งหลายที่รับเบี้ยยังชีพไปโดยสุจริต และใช้จ่ายในการยังชีพไปแล้วจะต้องคืนเงิน แต่ยังไม่ได้ค้นดูข้อกฎหมาย จนกระทั่งวันนี้มีเวลาไปค้น และจึงขอนำมาเสนอต่อสาธารณะ ดังต่อไปนี้ครับ

1.ระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่ออกใหม่ในปี 2552 ชื่อ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 ซึ่งข้อ 6 (4) กำหนดว่า ผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะต้อง “ไม่เป็นผู้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ...” ซึ่งหลักเกณฑ์เดิมของกระทรวงมหาดไทย (ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548) ไม่มีข้อกำหนดตรงนี้

กรมบัญชีกลางไปเจอตรงนี้เข้า จึงแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเทศบาล และ อบต. ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุ ให้เรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุ และโดยที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ประกาศใช้วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2552 การเรียกคืนจึงย้อนไปถึงปี 2552 จำนวนเงินที่เรียกคืนจึงสูงหลายหมื่นบาทจนถึงเป็นแสนบาทอย่างน่าตกใจ

2.แต่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเบี้ยยังชีพฯ ปี 2552 นี้ มันมี #บทเฉพาะกาล ซึ่งข้อ 6 เขียนว่า “ระเบียบนี้ #มิให้กระทบต่อสิทธิผู้สูงอายุ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 ... ที่มีอยู่ก่อนหรือในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ และให้ถือว่าผู้สูงอายุดังกล่าวเป็นผู้ได้ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบนี้แล้ว”

นั่นหมายความว่าระเบียบกระทรวงมหาดไทยปี 2552 ใช้กับผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพหลังระเบียบฉบับนี้ประกาศใช้ คือตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2552 เป็นต้นมา ดังนั้น #ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพก่อนหน้านั้น คือก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2552 แม้จะได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ยังคงมีสิทธิรับเบี้ยยังชีพต่อไป และดังนั้น #จึงไม่ต้องคืนเงิน ครับ

3.แล้วผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2552 เป็นต้นมา ที่ได้สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยแล้ว จะต้องทำอย่างไร?

เรื่องนี้มี #คำพิพากษาศาลฎีกา วางบรรทัดฐานไว้แล้วว่า เป็นเรื่อง #ลาภมิควรได้ ซึ่งหลักตามมาตรา 412 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือ #หากเป็นการรับเงินไปโดยสุจริต (คือไม่ทราบเรื่องระเบียบใหม่ปี 2552) #ถ้าใช้เงินนั้นหมดไปแล้วก็ไม่ต้องคืน (ฎ. 10850/2559)

ซึ่งเรื่องนี้เป็นแน่ชัดว่าคุณป้าคุณย่าคุณยายรับเงินกันไปโดยสุจริต เพราะจะไปรู้เรื่องระเบียบใหม่ได้อย่างไร ดังนั้น #ถ้าใช้เบี้ยยังชีพหมดไปแล้วก็ไม่ต้องคืนครับ

ว่าง่ายๆ เรื่องนี้ถ้าถึงศาล องค์กรปกครองท้องถิ่นที่ทวงเงินแพ้แน่นอนครับ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องเงินของรัฐ ไม่ใช่เรื่องเจ้าหนี้ลูกหนี้ตามกฎหมายแพ่ง รัฐบาลจึงต้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหา ไม่ต้องให้ไปฟ้องร้องกันในศาล

4.ประเด็นสำคัญที่สุดที่ผมอยากจะเขียนคือ #คนที่ผิดในเรื่องนี้คือหน่วยงานของรัฐด้วยกันต่างหาก ทั้งกรมบัญชีกลาง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่ดูระเบียบใหม่ปี 2552

และที่น่าจะผิดมากกว่าคือ #กรมบัญชีกลาง ครับ เพราะระเบียบใหม่ประกาศตั้งแต่ปี 2552 #ทำไมจึงเพิ่งมาทวง และที่สำคัญทำไมถึงไปแจ้งให้องค์กรปกครองท้องถิ่นไปเรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุ ทั้งๆ ที่ผู้สูงอายุรับเงินโดยสุจริต ไม่ได้มีเจตนาจะหลอกเอาเงินจากหน่วยงานของรัฐแต่ประการใด เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของหน่วยงานของรัฐกันเอง ทำไมกรมบัญชีกลางไม่หาทางอื่นในการแก้ปัญหา ทำไมถึงผลักภาระความผิดพลาดของตนไปให้ประชาชนเช่นนี้? 

#สรุปคือ ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2552 #ไม่ต้องคืนเงินเบี้ยยังชีพ ส่วนผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2552 เป็นต้นมา ในเมื่อไม่ทราบเรื่องระเบียบใหม่ปี 2552 จึงเป็นการ #รับเบี้ยยังชีพโดยสุจริตเม่ีอใช้หมดไปแล้วก็ไม่ต้องคืน ครับ #โดยรัฐบาลก็ต้องรีบแก้ปัญหา อย่าให้กรมบัญชีกลางบอกให้ เทศบาล และ อบต.ไปทวงเงินสร้างความทุกข์ให้กับผู้สูงอายุเช่นนี้ครับ

 


วิวาทะ V2
Yesterday at 2:50 AM ·

ประเทศที่คนแก่รวยอยู่บ้านหลวงฟรี ส่วนคนแก่จนต้องคืนเบี้ยยังชีพ
.
สิ้น ก.พ.เกษียณย้ายออก ยกเว้น ‘นายกฯ-ส.ว.-ครม.-องคมนตรี’
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/866213
.
อึ้ง! โคราชพบผู้สูงอายุ 610 ราย ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนย้อนหลัง ผู้ว่าฯ เร่งช่วยเหลือด้านกฎหมายและเยียวยา
https://www.matichon.co.th/region/news_2552540
#มิตรสหายท่านหนึ่ง