วันอังคาร, มกราคม 26, 2564

กระชากหน้ากากอภิมหาดีลลับลวงพราง อันมีชีวิตคนไทยเป็นเดิมพัน


ราษฎร
8h ·

กระชากหน้ากากอภิมหาดีลลับลวงพราง อันมีชีวิตคนไทยเป็นเดิมพัน
.
“วัคซีนพระราชทาน” ที่กล่าวขานเคลมบุญคุณกันมาตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ฉีดสักที มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรที่ทำให้ Siam Bioscience บริษัทผลิตยาของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ ซึ่งขาดทุนมาตลอด 10 ปี และไม่มีประสบการณ์ผลิตวัคซีนมาก่อน กลายเป็นม้ามืดควบมาคว้าดีลนี้ไปได้ แล้วอะไรทำให้การจัดสรรวัคซีนให้คนไทยได้อย่างล่าช้า และไม่ครอบคลุมสักที
.
หรือนี่จะเป็นการใช้วิกฤติโควิดเป็นโอกาสกดหัวประชาชน เอื้อประโยชน์เอกชน แล้วสร้างความนิยมให้กษัตริย์กันแน่
#วัคซีนพระราชทาน #ภาษีกู #ราษฎร #TheRatsadon
.....


เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak
6h ·

หนทางเดียวที่เราจะเอาตัวรอดจากสถาณการณ์โควิดได้คือ “วัคซีน” ประเทศไหนที่หาได้เร็ว หาได้ไว แจกได้ทั่วถึง ย่อมได้เปรียบที่จะกู้คืนเศรษฐกิจปากท้องและพาประชาชนกลับสู่ชีวิตปกติอีกครั้ง
แล้วคุณคิดว่ารัฐบาลไทยทำได้ดีแค่นี้ในสงครามนี้? ไม่ต้องเทียบไกล เอาแค่แถวบ้านเราก็พอ
-มาเลเซีย หาวัคซีนได้แล้ว 71% ของประชากร
-ไต้หวัน 42%
-แม้แต่ฟิลิปปินส์ ก็ยังหาได้ 41.5% นี้มาจากวัคซีนถึง 4 แหล่ง
-ส่วนไทย หาดีลได้เพียง 21.5% จากแค่ 2 เจ้า
แล้วทำไมเราถึงได้น้อยและช้ากว่าชาวบ้าน?
วัคซีนชุดแรกที่จะมาถึงไทยคือ Sinovac ซึ่งน้อยจนแทบไม่ช่วยควบคุมโรค แถมยังถูกรัฐบาลทั่วโลกชะลอสั่งซื้อเพราะความไม่โปร่งใสในการรายงานผลทดลองวัคซีน จนเป็นที่กังขาว่าคุณภาพดีเพียงพอหรือไม่
ส่วนวัคซีนชุดที่เป็นความหวังของคนไทย ก็คือ “วัคซีนพระราชทาน” ที่โหมกระพือข่าวกันใหญ่โตตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว แม้แต่โรงเรียนจิตอาสาพระราชทานยังโฆษณาไปทั่วว่าเราจะได้วัคซีนชาติแรกๆ ในโลก
แต่จนถึงบัดนี้ หลายชาติเขาฉีดให้ประชาชนไปแล้ว แต่เรากลับทำได้เพียง “เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน”
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น!?
อภิมหาดีลวัคซีนพระราชทาน เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Siam Bioscience บริษัทยาของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ ได้ดีลกับ AstraZeneca หนึ่งในผู้คิดค้นสูตรวัคซีนโควิด ให้ตั้งฐานการผลิตวัคซีนในไทยส่งให้กับรัฐบาลไทยและประเทศอื่นในอาเซียน
Siambioscience ก่อตั้งมาเพียง 10 ปี มีแต่ขาดทุนสะสม ไม่มีเครดิตในวงการไม่ว่าจะในระดับภูมิภาคหรือในระดับโลก หากไม่ได้ SCG อีกบริษัทของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ มาช่วยแบก SiamBioscience ไปเสนอ AstraZeneca ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่ AstraZeneca จะเลือกบริษัทแบบนี้มาผลิตวัคซีนของตัวเอง
เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลไทยนอกจากต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนแล้ว ยังเอาภาษีประชาชนไปสนับสนุน SiamBioScience ในการผลิตวัคซีนอีก 600 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทผลิตวัคซีนได้ถึง 200 ล้านโดสต่อปี เพียงพอสำหรับ 100 ล้านคน ในขณะที่ประชาชนชาวไทยได้วัคซีนจากซุปเปอร์ดีลนี้แค่ 13 ล้านคน ที่เหลือส่งขายต่างประเทศ
เอาภาษีราษฎรไปจ่ายซ้ำจ่ายซ้อน จ่ายทั้งเงินค่าวัคซีน จ่ายทั้งค่าผลิตวัคซีน แต่ได้วัคซีนแค่ 20% ของจำนวนประชากร
สรุป ซุปเปอร์ดีลรอบนี้ Siam biosciene ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งลูกค้า กษัตริย์ได้หน้า
ส่วนประชาชนได้อะไร???
ได้วัคซีนพระราชทานจากภาษีประชาชน ที่กว่าจะได้ฉีดก็อีกอย่างน้อย 6 เดือน ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์เริ่มฉีดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ระหว่างนี้คนไทยก็ฉีดวัคซีนจีนดีลเจ้าสัวที่ไม่รู้ได้ผลแค่ไหน แก้ขัดกันไปก่อน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลเอาสถานการณ์โควิดมาเอื้อประโยชน์เอกชน สร้างความนิยมทางการเมืองให้กับกษัตริย์ นี่คือผลของการมีรัฐบาลที่ไม่เคยมีประชาชนอยู่ในหัวใจ
.....