Atukkit Sawangsuk
4h ·
ต้องชมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน กล้า "ไต่เพดาน" ตามการเคลื่อนไหวนอกสภา
แม้ว่าพรรคการเมืองในสภาไม่สามารถทะลุอย่างม็อบ
แต่แค่ประยุทธ์ "แอบอ้างสถาบัน" ก็ถือว่ากล้าหาญ
รัฐบาลจะให้แก้ ก็ยืนยันไม่ยอมแก้ (แหงละ แก้ก็ทัวร์ลง)
:
ฝ่ายค้านครั้งนี้ยื่นอภิปรายครบ ทั้ง 3 ป. 3 พรรค
ซึ่งมาถูกทางแล้ว มัดตราสังถุ่วง 3 พรรคร่วมรัฐบาลไปด้วยกัน
ณ วันนี้ พรรคพลังประขารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
กลายเป็นพรรคประยุทธ์ 1-2-3 ไม่ได้มีจุดยืนแตกต่างกัน
:
ลองนึกดูว่าอนุทินสักสองปีก่อน ยังโอภาปราศรัย ทอดไมตรีฝ่ายประชาธิปไตย
แล้วดูตอนมันตอบธนาธรเรื่องวัคซีนแห่งความจงรักภักดี
ต่างกับประยุทธ์ตรงไหน
พรรคแมลงสาบก็เปลี่ยนจากยุคมาร์คสร้างภาพ
มาไล่ฟ้องคนรุ่นใหม่ล้อเทพเจ้าชวน
ปกปักรักษาอำนาจรัฐพันลึกกันสุดจิตสุดใจ
:
สถานการณ์การเมืองที่แหลมคม จากม็อบคนรุ่นใหม่
บีบให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องสุมหัวห้อยโหน
ทั้งรักษาผลประโยชน์ ทั้งรักษาการเมืองเก่าระบบอุปถัมภ์
ทั้งหดหัวไม่กล้าหายใจมีแต่ความกลัวแผล็บๆ
ต่ออำนาจเหนือประยุทธ์
:
การเมืองแหลมคมบนท้องถนนก็กระทบฝ่ายค้านเช่นกัน
เพื่อไทยอิหลักอิเหลื่อเพราะไม่คาดคิดมาก่อน
ก่อนเลือกตั้งเพื่อไทยหวังแค่แก้รัฐธรรมนูญไม่เอา 250 ส.ว. ย้อนไป 40
ชูความหวังจะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยฝีมือ
ใครจะคิดว่าเกิดม็อบเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน
แม้แต่พวก ส.ส.ก้าวไกลอนาคตใหม่ที่ไร้จุดยืน แค่ฉวยโอกาสเกาะขี้ตีนธนาธร ก็กลายเป็นงูเห่า
:
(อีกช็อตที่เพื่อไทยจะลำบากใจคือ ก้าวไกลยื่นยกเลิก 112
เงียบก็เหนื่อย เอาด้วยก็อาจเหลือไม่ถึงครึ่งพรรค
แต่อย่างน้อยญัตติครั้งนี้ก็ต้องชมเพื่อไทยกล้าหาญในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน
คอยดูจะอภิปรายประยุทธ "แอบอ้าง" อย่างไร)
:
ภาพใหญ่ของการเมืองวันนี้คือเหลาไปสู่ความแหลมคม ระหว่างสองขั้ว
เพราะไม่มี compromise
ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ประยุทธ์ยังอยู่ 250 ส.ว.ยังอยู่ แก้รัฐธรรมนูญแค่ซื้อเวลา
ปฏิรูปสถาบันกลายเป็น 112
ดังนั้นจึงบังคับให้เกิด 2 ขั้ว เอาปฏิรูป ไม่ยอมปฏิรูปเลย
ไม่มีคำว่ากลางๆ กลวงๆ (หรือกล้าๆ แบบพรรคกล้า ที่คะแนนนิยมยังแพ้พรรคหมอวรงค์ในซูเปอร์โพล)
:
โดยความขัดแย้งแบ่งประชาชนเป็น 3 ส่วน
หนึ่ง สลิ่ม ที่จริงมีน้อยที่สุดแต่อิงอำนาจรัฐราชการ
สอง ฝ่ายประชาธิปไตยปฏิรูปที่นำโดยคนรุ่นใหม่
สาม พวกตามข่าวลุงพล อันนี้เยอะที่สุดในประเทศไทย
:
ไม่ได้บอกว่าสถานการณ์อย่างนี้ดี แต่มันเป็นไฟท์บังคับ
เมื่ออำนาจไม่ยอมปรับตัวเลย ก็เหลาไปสู่ 2 ขั้ว ใครไม่ชัดเจนไม่มีที่ยืน
ไม่เอากับม็อบไม่หนุนม็อบไม่แสดงออกก็ไม่มีที่ยื่นในฝั่งประชาธิปไตย
ไม่ห้อยโหนสอพลอท่องคาถาก็ไม่ได้อยุู่ในขั้วอำนาจ
:
สถานการณ์วันนี้เขาพยายามจะปราบ แต่ปราบไม่ลง
คิดว่าดำเนินคดีแกนนำแล้วจะกลัว ก็ไม่ได้ผล
ฝ่ายอำนาจฝ่ายรัฐบาลยิ่งมีแผล ทั้งบริหารจัดการโควิด-วัคซีน ทั้งเศรษฐกิจที่จะแย่ลง
เขาไม่อยากยื้อยาวแต่ทำอะไรไม่ได้
ประชาชนไม่ชนะแต่ไม่แพ้ พวกเขาอยู่บนความเสื่อม
มันเหมือนไม่ทางออกแต่ไฟท์บังคับต้องสู้ทุกวิถีทาง
.....
อานนท์ นำภา
11h ·
กระแสตอนนี้เป็นกระแสไม่เอาเจ้า นักการเมืองควรอ่านเกมส์ให้ออกว่าจะเกาะกระแสไปยังไง หรือไม่ก็หายใจเข้าออกเฉยๆ
สวนกระแส ก็เละล่ะครับ