วันอังคาร, มกราคม 26, 2564

ธนาธร โพสต์ถึง อนุทิน ถาม 5 ข้อ แผน #วัคซีนพระราชทาน ‘ก้าวไกล’ บุกสาธารณสุขจี้เปิดรายละเอียดซุปเปอร์ดีลวัคซีนโควิด รัฐบาลไทย-สยามไบโอไซเอนซ์-แอสตราเซเนกา




Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
10h ·

เรียนคุณอนุทิน ชาญวีรกูล
.
ผมติดตามการทำงานของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนไทยด้วยความเป็นห่วง ผมได้แถลงถึงข้อสงสัยของผมในสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้แสดงความคิดเห็นต่อการแสดงออกของผมหลายคน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งรวมถึงคุณอนุทินเองด้วย
.
ผมจึงอยากขอใช้โอกาสนี้ สื่อสารถึงคุณอนุทินและหวังว่าคุณอนุทินจะชี้แจงประเด็นเหล่านี้ให้สังคมหายสงสัย
.
ข้อแรก ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ จนถึงวันนี้เรามีวัคซีนที่เจรจาเสร็จ มีความชัดเจนในการส่งมอบ ครอบคลุมเพียงแค่ร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากรเท่านั้น ในจำนวนนี้ มาจาก AstraZeneca 26 ล้านโดส (หรือร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร) และ Sinovac 2 ล้านโดส (หรือคิดเป็นร้อยละ 1.5 ของจำนวนประชากร)
.
การจัดหาวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรเพียงร้อยละ 21.5 ต่ำกว่าและช้ากว่าหลายประเทศในโลก การฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากรสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมไม่ได้
.
ข้อสอง นอกจากการจัดหาวัคซีนจะครอบคลุมคนจำนวนน้อยแล้ว การฉีดวัคซีนยังล่าช้ากว่าช่วงเวลาที่ควรจะเป็น
.
ตามกรอบเวลาที่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขได้อธิบายกับกรรมาธิการสาธารณสุขของสภาฯ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาระบุว่า รัฐบาลวางแผนจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกร 11 ล้านคนในปี 2564, อีก 11 ล้านคนในปี 2565 และอีก 10.5 ล้านคนในปี 2566 (ผมแนบสไลด์ที่ใช้ในการนำเสนอในชั้นกรรมาธิการเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาให้ประชาชนดูในที่นี้ด้วย)
.
รวมกันเท่ากับ 32.5 ล้านคน หรือกล่าวได้ว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรจะได้รับวัคซีนแล้วเสร็จในปี 2566
.
นั่นหมายความว่า หากผมไม่ออกมาตั้งคำถาม รัฐบาลเดินหน้าตามแผนนี้ ประชาชนจะต้องอดทนกับสถานการณ์กึ่งปิดกึ่งเปิดอย่างนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี และอีกสามปีนี้อาจจะมีความเสี่ยงแพร่ระบาดครั้งที่สามครั้งที่สี่ต่อไปได้ คนที่ต้องแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่หนักที่สุดคือคนหาเช้ากินค่ำ คือแรงงานนอกระบบ คือคนที่ชีวิตมีความเปราะบาง ไม่มีสวัสดิการใดๆ รองรับ คนเหล่านี้ต้องอยู่กับความกลัวและความไม่แน่นอนในชีวิตไปอีกสามปี
.
ประชาชนต้องการ์ดอย่าตกไปอีกสามปี ขณะที่รัฐบาลไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าเข้าใจประชาชน และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาวัคซีนให้กับประชาชนอย่างครอบคลุมและฉับไว
.
ข้อสาม การมีวัคซีนคือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ตราบใดที่เรายังไม่สามารถฉีดวัคซีนในกับประชากรได้ในจำนวนที่มากพอ เราก็ยังอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิดอยู่ ประชาชนยังต้องใช้ชีวิตอยู่กับความกลัวอยู่ นักท่องเที่ยวจะไม่กลับเข้ามา ภาคธุรกิจไม่มีความแน่นอน การเจรจาการค้ากับต่างประเทศก็ชะงักชะงัน และที่สำคัญ เราจะเสียเปรียบทางการแข่งขันกับประเทศที่ฉีดวัคซีนเสร็จก่อนเรา
.
วันนี้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์น่าจะพอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประเทศอื่นกำลังดำเนินการเช่นไร อิสราเอลประกาศจะฉีดวัคซีนให้กับผู้ใหญ่ทุกคนภายในไตรมาสแรกของปีนี้ อินโดนีเชียเริ่มฉีดวัคซีนแล้วในต้นเดือนมกราคม ประเทศที่ทำสัญญาที่ผูกพันทางกฎหมายกับ COVAX จะได้วัคซีนในเดือนกุมภาพันธ์
.
การไม่พยายามจัดหาวัคซีนนี้ อาจเกิดจากรัฐบาลประมาท คิดว่าสามารถรับมือกับโควิดได้ จึงไม่รีบจัดหาวัคซีน ซึ่งการแพร่ระบาดรองสองปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลจัดการการแพร่ระบาดไม่ได้อย่างเบ็ดเสร็จตามที่คาดไว้
.
(ถึงแม้ว่าจะมีการแถลงภายหลังว่าภายในปีนี้รัฐบาลจะฉีดวัคซีนให้ครอบจำนวนร้อยละ 50 ของประชากร แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะเอาวัคซีนมาจากไหน และจะฉีดอย่างไร
แผนนี้ออกมาแถลงเมื่อไม่นานมานี้ และดูแล้วไม่น่ามีความเป็นไปได้
.
ดังนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าแผนจริงๆ ของรัฐบาลเป็นอย่างไร เพราะข้อมูลขัดแย้งกันเอง)
.
ข้อสี่ การจัดหาวัคซีนไม่ครบนี้ อาจมาจากการฝากความหวังไว้ที่บริษัทบริษัทเดียว ผมจำเป็นต้องย้ำในที่นี้อีกครั้งว่าผมเห็นด้วยและสนับสนุนให้เกิดการผลิตวัคซีนในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำ และผมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่พยายามทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
.
แต่สิ่งที่ผมกำลังตั้งคำถามคือกระบวนการคัดเลือกบริษัทเอกชนรายใดรายหนึ่งมาทำภารกิจนี้ ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีการเปรียบเทียบคุณสมบัติกับรายอื่นๆ อย่างเป็นระบบ เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
.
หลายฝ่ายพยายามลดความน่าเชื่อถือของผมโดยพยายามพูดให้สังคมคล้อยตามว่าผมไม่รู้จริงหรือทำการบ้านมาไม่ดีพอ ผมยืนยันในที่นี้อีกครั้งว่าจากเอกสารของหลายหน่วยงานและการให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ สัญญาซื้อวัคซีนระหว่างรัฐบาลกับ AstraZeneca , สัญญาจ้างผลิตระหว่าง AstraZeneca กับบริษัท Siam Bioscience และสัญญาการสนับสนุนงบประมาณระหว่างรัฐบาลและ Siam Bioscience เจรจาในเวลาพร้อมๆ กัน มีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกันไปมา ไม่ได้เจรจาเป็นเอกเทศ เป็นอิสระจากกันและกัน และไม่ปรากฏว่ามีตั้งคณะกรรมการเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสมในการผลิตหรือกำหนดคุณสมบัติการคัดเลือกอย่างเป็นระบบ
.
ข้อห้า ในเมื่อรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนทั้งงบประมาณและการเจรจาให้เกิดสัญญาต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมา อย่าอ้างว่าเป็นสัญญาระหว่างเอกชนกับเอกชน ประชาชนย่อมมีความชอบธรรมที่จะขอเปิดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเจรจาทั้งหมดของทุกหน่วยงานและเอกสารสัญญาเหล่านี้
.
ผมตั้งคำถามเหล่านี้ด้วยความปรารถนาดีต่อประชาชนไทย ด้วยหวังว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการจัดหาวัคซีน ปรับเปลี่ยนแผนเดิมและมุ่งมั่นจัดหาและฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกับจำนวนประชากรมากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ปราศจากความกลัว เศรษฐกิจไทยกลับมาเดินหน้าอย่างมีพลัง ลดความไม่แน่นอนให้กับผู้ประกอบการ ลดงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่อนาคตไม่ชัดเจน
.
ด้วยความหวังว่าคนไทยจะได้วัคซีนอย่างทั่วถึง เป็นธรรมโดยเร็ว
.
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
.
#ธนาธร #วัคซีนพระราชทาน #โควิด19 #covid19 #คณะก้าวหน้า
ooo


Amarat Chokepamitkul
14h ·

[ ‘ก้าวไกล’ บุกสาธารณสุขยื่นเอกสารใช้สิทธิ์ตามกฎหมายจี้เปิดรายละเอียดซุปเปอร์ดีลวัคซีนโควิด รัฐบาลไทย-สยามไบโอไซเอนซ์-แอสตราเซเนกา ]
.
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสถาผู้แทนราษฎรและโฆษกพรรคก้าวไกลเดินทางไปกระทรวงสาธารณสุขเพื่อยื่นเอกสารใช้สิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อให้เปิดข้อมูลรายละเอียดการทำสัญญาและเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลงว่าด้วยเรื่องวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลไทยและบริษัทแอสตราเซเนกาและบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์
.
โดยวิโรจน์ยื่นเรื่องเพื่อขอให้กระทรวงสาธารณสุขและนายกรัฐมนตรีเปิดเผยเอกสารและรายละเอียดดังนี้:
.
1.หนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) หรือบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ระหว่างรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และแอสตราเซเนกา
.
2.สัญญาระหว่างรัฐบาล กับแอสตราเซเนกา ที่ระบุเงื่อนไขการจัดซื้อ เงื่อนไขการส่งมอบ เงื่อนไขราคา และเงื่อนไขผูกพันต่างๆ
.
3.สัญญาระหว่างรัฐบาล กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่ระบุเงื่อนไขการจัดซื้อ เงื่อนไขการส่งมอบ เงื่อนไขราคา และเงื่อนไขผูกพันต่างๆ
.
4.สัญญาระหว่างแอสตราเซนเนกา กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่มีผลกระทบต่อรัฐ งบประมาณ หรือประชาน เช่น ราคาเปรียบเทียบระหว่างราคาที่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จะขายให้กับรัฐบาลไทย เปรียเทียบกับราคาที่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด วางแผนจะขายให้กับประเทศอื่น เป็นต้น
.
5.หลักเกณฑ์ในการคัดเลือก และผลการคัดเลือก การสนับสนุนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ของรัฐบาล
.
6.ข้อมูลจำนวนเงินสนับสนุนที่รัฐบาลอุดหนุนให้กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด พร้อมรายละเอียด รายการการสนับสนุน ว่าสนับสนุนรายการใด เป็นจำนวนเงินเท่าใด
.
7.เดิมทราบว่ารัฐบาลไทยสนับสนุนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จำนวน 600 ล้านบาท ต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น 1,449 ล้านบาท จึงขอทราบเหตุผล และรายละเอียดรายการการสนับสนุนเพิ่มเติม
.
8.งบประมาณ 6,449 ล้านบาทเศษ จากงบกลาง ในการจองวัคซีนจากแอสตราเซนเนกา มีวงเงินสำหรับการบริหารจัดการวัคซีนจำนวน 2,084 ล้านบาท อยากทราบรายละเอียดของการบริหารจัดการว่ามีรายการอะไรบ้าง อย่างไร
.
โดยวิโรจน์เปิดเผยว่าการยื่นขอให้รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เปิดเผยรายละเอียดสัญญา ข้อตกลง หนังสือแสดงความจำนง บันทึกข้อตกลง และเงื่อนไขผูกพันต่างๆ ระหว่างรัฐบาลไทย แอสตราเซเนกา และสยามไบโอไซเอนซ์ ตลอดจนรายละเอียดของการจัดสรร และใช้จ่ายงบประมาณในครั้งนี้ ขอยืนยันว่าในเรื่องดังกล่าวนี้ เป็นประเด็นสาธารณะ ที่เกี่ยวพันกับการใช้เงินแผ่นดิน ที่เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน และที่สำคัญที่สุด ก็คือ ผลผลิตของข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อ และจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นเรื่องที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชนทั้งชาติ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเปิดเผยอย่างโปร่งใส ให้ประชาชนได้รับทราบ
.
ความคลุมเครือที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับเรื่องวัคซีน ทำให้เกิดข้อโต้เถียงต่างๆ ในสังคม โดยที่ข้อโต้เถียงต่างๆ มักจะอยู่บนพื้นฐานความเชื่อ โพสต์ หรือภาพตัดแปะต่างๆ ที่ไม่สามารถอ้างอิงถึงเอกสารที่เป็นทางการได้ ทำให้การโต้เถียงที่เกิดขึ้น บ่มเพาะกลายเป็นความขัดแย้งในสังคม โดยที่ไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้
.
การเปิดเผยสัญญา และข้อตกลงต่างๆ จะสามารถทำให้การโต้เถียง และการวิพากษ์วิจารณ์ ในสังคมอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ความสบายใจ ความไม่สบายใจ หรือความกังวลต่างๆ ตลอดจนการตั้งคำถามต่างๆ จะได้ถกเถียงกันอย่างสร้างสรรค์ บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยที่มีลายลักษณ์อักษรที่เป็นทางการเป็นเครื่องยืนยัน ซึ่งจะทำให้การบริหารราชการ และงบประมาณ เป็นได้ด้วยความโปร่งใส ยังผลประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของภาษี