ใจคอจะไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีน้ำยากันไปทั้งยวงเลยหรือ พวกยกพรรคไปร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช.นี่ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย โชว์แหย ขาดกึ๋นกันหมดแล้วทั้งทางการค้าและสาธารณสุข คราวนี้เป็นที ‘ชาติไทยพัฒนา’ อวดงั่งบ้าง
เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิจริงๆ ๖ คนในคณะทำงาน ‘ยุทธศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติ’ พากันลาออกเกลี้ยง เนื่องจากรัฐมนตรีทายาทบรรหารไม่เอาไหน “ประเด็นที่ต้องการขับเคลื่อนซึ่งได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่เบื้องต้น ไม่มีการผลักดันให้เกิดกระบวนการแก้ไขปัญหา”
วราวุธ ศิลปอาชา ว่าการกระทรวงทรัพยากร แทนที่จะสนใจเรื่องปกปักมรดกโลกให้เป็นอัญมณีล้ำค่าของชาติ คู่ขนานไปกับวิถีชีวิตธรรมชาติของบรรดาชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งตลอดสมัยของรัฐบาล คสช.มาถึงตู่ ๒ ขับไล่ ผลักดันชาวเขาชาวเลออกจะพื้นที่เพื่อนายทุน
ความงัวเรื่องแผนตั้งเขตอุตสาหกรรมจะนะคุกคามทำลายวิถีธรรมชาติอันอุดมของท้องที่ ยังไม่ทันหาย ความฟาย #saveบางกลอย เข้ามาแทรก หลังจากชนชาวกะเหรี่ยงในเขตแก่งกระจาน ถูกรัฐไทยขับไล่ออกจากพื้นที่บ้านเกิดผืนป่า 'ใจแผ่นดิน' กว่า ๒๕ ปี
ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยล่างไม่น้อยกว่า ๘๐ คน พากันเดินเท้ากลับเข้าไปในป่าลึกของแก่งกระจาน สถานที่ดั้งเดิมพวกตนเคยดำรงชีวิตตามวิถีธรรมชาติ เนื่องจากเมื่ออพยพลงมายังบางกลอยล่าง ไม่มีที่ดินทำกินเพียงพอดังทางการสัญญาจะจัดให้
ในปี ๒๕๕๔ รัฐไทยต้องการเปิดแก่งกระจานเป็นอุทธยานแห่งชาติ จึงขับไล่ชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในบางกลอยบนมาหลายชั่วอายุคน ด้วยการ “เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เผาบ้าน และยุ้งข้าวของชาวกะเหรี่ยงบางกลอยร่วม ๑๐๐ หลัง”
อีกทั้งเมื่อชาวกะเหรี่ยงเหล่านี้เริ่มอพยพกลับถิ่นฐานเดิม จนเป็นข่าวเมื่อ ๑๔ มกรา พอ ๑๘ มกรา “มีรายงานว่าทหารทัพพระยาเสือเตรียมลุยป่านำตัวชาวบางกลอยกลับออกมา” การรณรงค์ #saveบางกลอย จึงเกิดขึ้น ด้วยป้ายผ้าติดบนแผงเหล็กรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ
ในตอนเย็นวันที่ ๒๒ มกรา นอกจากข้อความ #saveบางกลอย บนป้ายผ้าขนาดใหญ่ แล้วยังมีอีกชิ้นบอกว่า “ชาติพันธุ์ก็คือคน” ทำให้นักกิจกรรมที่นำป้ายไปติดถูกตำรวจจาก สน.พญาไท ไปจับกุมตัวนำไปควบคุมไว้ที่สถานี ทำให้ผู้สนับสนุนราว ๖๐-๗๐ คนยกขบวนตามไป
เกิดโกลาหล และปะทะกันระหว่างมวลชนกับตำรวจที่บริเวณหน้า สน. “มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย ๒ ราย รายแรกพบถูกตบที่ศีรษะ มีรอยแหวนที่ตา...รายที่สองล้มศีรษะกระแทกพื้น แพทย์ให้รอดูอาการอีกอย่างน้อย ๖ ชั่วโมง”
กลายเป็นอีกหนึ่งกรณีใช้ความรุนแรงของตำรวจในการควบคุมฝูงชน ไม่เท่านั้นในการชุลมุนหน้า สน.พญาไทครั้งนี้ มีคนบันทึกอาการของผู้กำกับสถานีพญาไท พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ว่าเขาพูดจาสามหาวและก้าวร้าวต่อผู้ชุมนุม
จึงเป็นความเหมาะสมกับสภาพการณ์รายล้อมการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ ที่คณะทำงานยุทธศาสตร์ ๖ คน อาทิ สุรชัย หวันแก้ว พากันลาออก ในเมื่อรัฐมนตรีว่าการไม่ได้ทำงานตามหน้าที่อันควร และจุดมุ่งหมายของกระทรวงนี้ถูกบิดเบือนครอบงำ
ต่อกรณีกรมป่าไม้ภายใต้บงการของ รมว. สั่งให้ ชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าจัดการกับมารดาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ข้อหาบุกรุกป่าสงวน จน ปารีณา ไกรคุปต์ ทีมกัดพลังประชารัฐเต้นเฟชบุ๊คไล้ฟ์ฉลอง
ดัง Atukkit Sawangsuk ชี้ว่า “ถ้าผิดจริง ก็แปลว่าโคตรพ่อ-โคตรแม่-ปล่อยให้ผิดมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ ปีที่ธนาธรเพิ่งเกิด แล้วกลุ่มมิตรผลครอบครองมา ๑๓ ปี แม่ธนาธร ๒๙ ปี ไม่เคยผิด จนกระทั่งลูกเล่นการเมืองถึงค่อยผิด อันนี้มันผิดก่อนต้นตระกูลลูกแกะด้วยนะ”
เรื่องมีอยู่ว่านางสมพรซื้อที่ดินดังกล่าว “ยกพวงมาจากกลุ่มน้ำตาลมิตรผล เมื่อปี ๒๕๓๔ ที่เกือบทั้งหมดมีเอกสารสิทธิ โฉนด นส.๓ นส.๓ ก ซึ่งออกให้โดยที่ดิน มีเพียงส่วนหนึ่งที่เป็น ภบท.๕” ขณะที่ นส.๓ ก มี ๕๕ ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (สค.๑)
ส่วนที่ดิน นส.๒ จำนวน ๓๕๐ ไร่ ซึ่งแม่ธนาธรแสดงเจตนามอบให้เป็นป่าชุมชน ป่าไม้ตีความว่า “การแสดงเจตนามอบให้หมู่บ้านจัดตั้งป่าชุมชนของหมู่บ้าน (เท่ากับ) เป็นการแสดงเจตนาครอบครอง นส.๒ แบบผิดกฎหมายของนางสมพร”
“ทีหน้าทีหลัง ไอ้พวกชาวบ้านมาขอที่ดินทำป่าชุมชน อย่าใจดียกให้เชียวนะ จะเท่ากับยอมรับว่าครอบครองโดยผิดกฎหมาย ที่ดินเดียวกันนี้ป่าไม้เคยตรวจแล้วบอกว่าไม่ผิด อธิบดีก็ยืนยัน...” อธิบดีก็โดนเด้ง “ไปอยู่กรมควบคุมมลพิษ ลดจากกรมใหญ่ไปกรมเล็ก”
อธึกกิตว่าแล้วทำไมไม่เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ออก นส.๓ ให้ “มันก็จะบอกว่าตายหมดแล้ว” หรือทำไมไม่เอาผิดกลุ่มมิตรผลผู้ครอบครองเดิม แม่_บอกอีก “หมดอายุความแล้ว เอาผิดแม่ธนาธรนี่แหละฐานครอบครอง” นี่ละจ้อทำร้ายทำลายฝ่ายการเมืองตรงข้ามเท่านั้น
(https://www.facebook.com/groups/341453973807187/permalink/407780960507821, https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5796567, https://prachatai.com/journal/2021/01/91316 และ https://www.facebook.com/groups/341453973807187/permalink/407780960507821)
