วันอาทิตย์, มกราคม 31, 2564

"ลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ" เปิดใจ "ถึงลุงจะไม่ไปก็ขอไล่"



iLaw
8h ·

เปิดใจทีมเดิน "ลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ" เพราะแรงยังมีจึงก้าวเดิน
.
วันที่ 22 มกราคม 2564 อนุชิต เริงประดิษฐ์ หรือ "แอค" ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาโพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก "ลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ" ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะว่าในวันที่ 24 มกราคม 2563 พวกเขาจะเดินเท้าจากอำเภอบ้านโป่งจังหวัดราชบุรีเข้ากรุงเทพเพื่อไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาออกจากตำแหน่ง โดยภาพกราฟฟิกประชาสัมพันธ์กิจกรรมมีภาพหอนาฬิกาบ้านโป่งกับภาพทำเนียบรัฐบาลพร้อมข้อความที่คล้ายเป็นการสื่อความในใจถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีโดยตรงว่า "กูไม่ทนมึงแล้วไอ้ลุง" จากนั้นในวันที่ 24 มกราคม 2564 อนุชิตพร้อมเพื่อนอีกสองคนได้แก่ อังศุมาลินหรือ "เฟิร์น" และจรินทรหรือ "จ๋า" ก็เดินเท้าจากอำเภอบ้านโปง จังหวัดราชบุรีในเวลาประมาณ 6.15 น. ทั้งสามเริ่มการเดินเท้าเป็นระยะทางประมาณ 76 กิโลเมตร จากตัวอำเภอบ้านโป่ง เข้าสู่ถนนเพชรเกษม ผ่านจังหวัดนครปฐม ศาลายา ก่อนเข้าสู่กรุงเทพมหานครโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล
.
ท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างร้อนในช่วงบ่ายวันที่ 25 มกราคม 2564 ไอลอว์ถือโอกาสชวนอนุชิตหรือ "แอค" แอดมินกลุ่ม "ลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ" พูดคุยถึงที่มาที่ไปของการเดินเท้าครั้งนี้ แม้ว่าการเดินเท้าของอนุชิตกับเพื่อนจะจบลงด้วยดีแต่เมื่อพวกเขากลับไปบ้านโป่งก็พบว่ามีการส่งสัญญาณที่ไม่ดีนักจากกลุ่มคนที่มีความใกล้ชิดกับผู็มีอำนาจในพื้นที่
////////////////////////////////////////////
++รัฐประหารคือตัวจุดชนวน++
อนุชิตเล่าว่า เขาเป็นคนบ้านโปง แต่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพตั้งแต่อายุ 17 ปีแล้วก็อยู่เรื่อยมาจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์2563 ที่โควิด19 เริ่มระบาดหนัก ตัวเขาจึงตัดสินใจกลับไปบ้านโป่งทั้งด้วยเหตุผลด้านธุรกิจและด้านครอบครัวที่พ่อกับแม่อายุมากจึงอยากจะไปดูแลใกล้ๆ เพราะคนมีอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายถึงชีวิตหากติดเชื้อโควิด19 เมื่อกลับไปอยู่ที่บ้าน อนุชิตก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองในทันทีทันใดเพราะเขาต้องเริ่มปรับตัวกับ "บ้านหลังเดิม" ที่จากไปนานรวมทั้งต้องแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา
.
"พี่เริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่เรียนอยู่ประมาณม.3 ช่วงนั้นเกิดเหตุการณ์พฤษภา 35 พอดี พี่รู้สึกโกรธที่เห็นทหารทำร้ายประชาชน แต่ตอนนั้นเองพี่ยังเด็กแล้วก็ยังอยู่ที่บ้านโป่งเลยยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร"
.
"ช่วงปี 2549 ที่มีการรัฐประหารคุณทักษิณพี่ก็รู้สึกโกรธเพราะสำหรับพี่รัฐบาลคุณทักษิณถือว่าทำอะไรหลายๆอย่างให้ประชาชน จริงๆตอนนั้นพี่อยู่กรุงเทพแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวอะไร ช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มนปช.และมีการสลายการชุมนุมพี่ก็ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวอะไรกับเขา คือพี่ชอบคุณทักษิณก็จริงแต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับหลายๆอย่างที่แกนนำนปช.ทำ"
.
"พอมามีรัฐประหาร 57 ของคุณประยุทธ์พี่ก็รู้สึกว่ามันรับไม่ได้แล้วเลยออกมาชุมนุมกับเขาที่อนุสาวรีย์ชัยแล้วก็ยังวิ่งหนีทหารอยู่เลย"
.
"ถ้าจะถามว่าอะไรทำให้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในตอนนี้มันคงเป็นเรื่องของการรัฐประหารที่เกิดขึ้นในอดีตหลายๆครั้ง มองย้อนกลับไปเราเห็นรัฐบาลอย่างชาติชายที่ตอนนั้นทำให้ประเทศวิ่งไปข้างหน้าเป็นนิกส์ (ประเทศอุตสาหกรรมใหม่) ก็ถูกทหารเอาออก รัฐบาลคุณทักษิณก็ไม่ต่างกัน มันชัดเลยว่าการรัฐประหารคือการดึงประเทศถอยหลังอย่างแท้จริง"
.
++บ้านโป่ง พื้นที่พิเศษ พื้นที่ที่ท้าทาย++
.
อนุชิตเล่าต่อว่า ตัวเขาเองหลังกลับไปอยู่ที่บ้านโป่งก็เคยขึ้นมาชุมนุมที่กรุงเทพเป็นระยะแต่ยังไม่เคยจัดการชุมนุมในพื้นที่มาก่อน กระทั่งในเดือนตุลาคม 2563 ที่สถานการณ์เริ่มร้อนแรง เขาได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊กของคนบ้านโป่ง ที่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง
.
"บ้านโป่งเป็นพื้นที่ที่มีความเฉพาะ ในอดีตเคยเกิดไฟไหม้ใหญ่ที่นี่แล้วในหลวงรัชกาลที่เก้าเสด็จมาเยี่ยมและพระราชทานความช่วยเหลือ ทำให้ผู้คนที่นี่รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงและราชวงศ์ ซึ่งตรงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรหรอกแต่ตอนหลังมีคนบางกลุ่มเอาเรื่องของความจงรักภักดีไปผูกโยงกับแนวคิดทางการเมืองหรือกลุ่มการเมืองสุดท้ายเลยกลายเป็นว่าที่บ้านโป่งเป็นพื้นที่ที่มีความอนุรักษ์นิยมสูง"
"พี่เข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊กวันเดียวก็ถูกแอดมินที่มีความคิดความเห็นทางการเมืองตรงข้ามกันเตะออกจากกลุ่มเลยเพราะตอนนั้นผมดันเข้าไปซาวเสียงว่าจะจัดม็อบที่บ้านโป่งดีไหม " (หัวเราะ)
.
"เอาจริงๆตอนที่เข้าไปชวนคนชุมนุมผมก็แปลกใจนะเพราะมีคนสนใจเยอะผิดคาด สิ่งที่ทำให้พี่ตัดสินใจจัดม็อบในบ้านโป่งก็เพราะอีกฝั่งเขาจัดก่อน กลุ่มคนที่ไม่พอใจพวกแฟลชม็อบที่กรุงเทพในบ้านโป่งเค้านัดชุมนุมกันที่หอนาฬิกาบ้านโป่งแล้วปรากฎว่ามีคนไปคอมเมนท์ด่าเพราะการชุมนุมตรงนั้นจะทำให้รถติดมาก พี่เห็นแบบนั้นก็เลยไปแจ้งการชุมนุมจะจัดการชุมนุมในวันเดียวกันเลย แต่ตำรวจไม่ยอมอ้างว่ากลัวม็อบชนม็อบซึ่งอันนี้พี่ก็พอเข้าใจ สุดท้ายเราก็เลยยอมเลื่อนไปจัดอีกสองวันให้หลัง"
.
"ครั้งนั้นการชุมนุมก็เป็นไปได้ด้วยดี มีคนมาร่วมชุมนุมกับเราน่าจะประมาณ 800-1,000 คนซึ่งถือว่าเยอะกว่าผู้ชุมนุมกลุ่มต่อต้านแฟลชม็อบอยู่"
.
"หลังพี่ถูกเตะออกจากกลุ่มเฟซบุ๊กอย่างที่เล่าไปตอนแรก พี่ก็รีบคิดว่าจะใช้ช่องทางไหนในการสื่อสารดี แล้วก็คิดขึ้นได้ว่ามันมีกลุ่มเฟซบุ๊กการเมืองอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่แอคทีฟแล้ว พี่ก็เลยเข้าไปเปลี่ยนชื่อกลุ่มนั้นเป็นกลุ่มลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการมาใช้เป็นช่องทางสื่อสารหลักเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมแล้วก็แลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างเพื่อนๆ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มสาธารณะ ใครจะเข้าก็ได้ ไอโอจะเข้าหรือคนฝั่งโน้นจะเข้าก็ได้ไม่ว่ากัน"
.
++We will never walk alone++
.
กระแสการชุมนุมแฟลชม็อบที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในปี 2563 ลดดีกรีความเข้มข้นลงในช่วงต้นปี 2564 ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น สถานการณ์ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งแกนนำผู้ชุมนุมหลายๆคนก็ต้องทยอยขึ้นโรงขึ้นศาล อนุชิตจึงตัดสินใจขยับในแบบของเขา
.
"พี่แค่คิดอยากจะทำอะไรซักอย่าง พี่เองก็เคยจัดการชุมนุมแต่พี่ดูแล้วก็คิดว่าถ้าจะจัดการชุมนุมช่วงนี้น่าจะไม่ค่อยเวิร์ค คนคงไม่ค่อยมาแล้วก็เลยคิดว่าเอาวะงั้นเดินดีกว่า เพราะอย่างน้อยถึงคนจะมาไม่เยอะแต่อย่างน้อยด้วยรูปแบบกิจกรรมเองมันก็น่าจะดึงดูดให้คนสินใจได้"
.
"พี่เป็นพวกคิดเร็วทำเร็ว พอคิดปุ๊ปก็คุยกับน้องจ๋าและก็น้องเฟิร์นคนบ้านโป่งที่รู้จักกันว่าจะเดินนะ เขาก็ถามว่าจะมีคนเดินกะพี่เหรอ พี่ก็บอกไม่เป็นไรถ้าไม่มีพี่เดินคนเดียวก็ได้ ว่าแล้วก็ประกาศวันที่ 22 และวันที่ 24 ก็เอาเลย น้องเขาก็คงไม่อยากปล่อยพี่ไปคนเดียวสุดท้ายเค้าก็เลยอาสามาเดินด้วยทั้งสองคน เลยกลายเป็นว่ามีพี่ มีเฟิร์น มีจ๋า"
.
"พอเราประกาศออกไปก็ฮือฮาใหญ่ ทั้งป้าๆที่บ้านโป่งทั้งตำรวจ พี่รับสายไม่รู้กี่สายทั้งตำรวจในพื้นที่ทั้งตำรวจนครปฐม โดยเฉพาะตำรวจในพื้นที่ โทรมาถามพี่ดิบดีว่าจะรวมตัวตรงไหน พี่ก็บอกว่าที่สน.นั่นแหละ (สภ.บ้านโป่งตั้งอยู่ติดกับหอนาฬิกาบ้านโป่ง) แหมคุยกันดิบดีพอตอนเช้าพี่กะจะไปขอจอดรถขนของแป๊บนึงปรากฎว่าพอไปถึงสน.ก่อนหกโมงมีตำรวจมาประจำเป็นร้อยนายแถมปิดประตูห้ามเข้า...พี่นี่งงเลยแต่ก็เข้าใจเขาแหละ"
.
"ก่อนจะเริ่มเดินก็มีพวกป้าๆที่บ้านโป่งเขามาส่งพวกพี่อยู่นะแต่คนเดินจริงๆก็มีเท่านี้พวกป้าๆเค้าเดินไม่ไหวกัน จริงๆตอนที่เราประกาศว่าจะเดินก็มีทีมของม็อบใหญ่ที่กรุงเทพติดต่อมานะทั้งทีมการ์ดและทีมพยาบาลว่าจะมีช่วยเป็นทีมซัพพอร์ตเราระหว่างการเดิน แต่ปรากฎว่าพอพวกพี่มีถึงจุดสตาร์ทก็ไม่เจอใครเลย รอกันถึงประมาณหกโมงสิบห้าก็แบบไม่ได้ละต้องออกเดินละ เพราะเราประกาศว่าจะเดินหกโมงตอนนั้นก็เลยมีแค่พวกพี่สามคนกับเพื่อนๆคนบ้านโป่งที่ช่วยขับรถบริการตามหนึ่งคัน"
.
"พอเราออกได้ไม่เกินสามกิโลพี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากพวกน้องการ์ดว่าพวกเขามาถึงบ้านโป่งตั้งแต่ตีสามแล้ว แต่มีพวกนอกเครื่องแบบจากกรุงเทพตามมา พวกเขาต้องหลบไปอยู่บ้านคนรู้จักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในบ้านโป่ง รอจนเช้าถึงได้ตามพวกพี่ไปที่จุดนัดพบแต่ไม่เจอใคร แล้วเขาก็ขับรถตามมา"
.
"พี่พูดกับสื่อหลายแห่งละก็ต้องพูดอีกครั้งว่าพี่กับเพื่อนๆที่บ้านโป่งต้องขอบคุณทีมการ์ดกับทีมพยาบาลจากกรุงเทพมาก พวกเขาไม่ได้แค่ดูแลความปลอดภัยหรือช่วยดูแลเรื่องสภาพร่างกายของพวกเราระหว่างเดินแต่ยังช่วยสื่อสารให้พวกเราด้วยการถ่ายทอดเฟซบุ๊กไลฟ์ด้วยทำให้กิจกรรมเล็กๆของเราที่มีคนร่วมเดินโดยตลอดแค่สามคนกลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไปได้สำเร็จ ต้องขอบคุณน้องๆเขาอีกครั้ง"
.
"ถ้าถามว่าอุปสรรคระหว่างทางวันนั้นคืออะไรอย่างเดียวเลยคือแดด แต่ไอ้ที่ว่าฝ่ายตรงข้ามมาก่อกวนอะไรนั่นไม่มีนะก็แค่ตอนที่เราเดินออกจากบ้านโป่งได้ซักพักไม่ถึงสามโล มีคนขี่มอเตอร์ไซค์คล้ายเพิ่งกลับจากตลาดคนหนึ่งขี่รถผ่านพวกเราแล้วตะโกนว่าพวกหนักแผ่นดินแล้วก็ขี่รถผ่านไปพวกเราก็ขำกันไม่ได้ว่าอะไร แล้วระหว่างทางก็มีคนให้กำลังใจพวกเรานะโดยเฉพาะตอนที่เดินมาถึงแถวๆศาลายาหรือช่วงตลื่งชันที่เข้าใกล้กรุงเทพ ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณน้องๆทีมการ์ดที่ลองไปซัพพอร์ตเราตั้งแต่ที่บ้านโป่งเลย พวกเขาช่วยดูแลเราตั้งแต่บ้านโป่งแล้วก็ประสานงานให้เราได้มาค้างคืนตรงจุดนี้ (ข้างสวนกรมหลวงชุมพรฯ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล) แถมจัดหาเต็นท์ไว้ให้เสร็จสรรพ พี่ๆป้าๆที่กรุงเทพก็แวะมาเยี่ยมส่งข้าวส่งน้ำให้พวกเราจนรู้สึกอบอุ่นมากต้องฝากขอบคุณทุกๆคนผ่านทางนี้อีกครั้งหนึ่งด้วย"
.
++ถึงลุงจะไม่ไปก็ขอไล่++
.
การเดินเท้าโดยเฉพาะในระยะทางไกลในยุคที่การเดินทางข้ามจังหวัดหรือกระทั่งข้ามประเทศทำได้อย่างรวดเร็วถือเป็นการย้ำความสำคัญของการเดินทางครั้งนั้นๆ ฉันนั้น อนุชิตระบุว่า ที่เขาเลือกที่จะใช้วิธีเดินเท้าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะต้องการทำให้กิจกรรมเล็กๆนี้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน แต่ขณะเดียวกันเขาก็คิดว่าการเดินโดยตัวของมันเองคือการขีดเส้นใต้ว่าพวกเขาจริงจังและหนักแน่นกับข้อเรียกร้อง
.
"สำหรับการเดินครั้งนี้พวกพี่แค่ต้องการส่งสัญญาณถึงนายกว่า กูไม่เอามึงแล้ว (พูดพร้อมชูเสื้อตัวที่เขาสวมเดินวันแรกที่ด้านหลังมีข้อความว่า "กูไม่ทนมึงแล้วไอ้ลุง")"
.
"คือจริงๆพี่ก็เห็นด้วยกับแนวทางของราษฎรและสามข้อเรียกร้องนะ และพี่ก็เข้าร่วมการชุมนุมที่ชูข้อเรียกร้องสามข้อที่กรุงเทพอยู่นะ แต่สำหรับครั้งนี้ที่พี่ชูแค่ข้อเรียกร้องเดียวคือไล่ประยุทธ์ออกไป เพราะแม้แต่ข้อเรียกร้องนี้ที่ดูจะง่ายที่สุดในบรรดาสามข้อก็ยังดูจะเป็นไปได้ยาก แต่อย่างน้อยวันนี้เราก็ได้มาส่งเสียงของเราตรงนี้"
.
"เราก็อำเจ้าหน้าที่อยู่บ้างนะว่าเดินมาเหนื่อยอาจจะต้องพักยาวซักอาทิตย์นึง อำเค้าไปยังงั้นแต่จริงๆเราก็อยากกลับบ้านไม่รู้จะอยู่ทำไม "
.
"เราเดินมาถึงที่นี่ (สวนกรมหลวงชุมพรฯ ข้างทำเนียบรัฐบาล) ตอนสองทุ่มกว่า ทางทีมการ์ดเขาช่วยประสานทางเจ้าหน้าที่ไว้แล้วว่าเราจะต้องนอนตรงนี้ ตอนที่มาถึงเลยไม่ได้ต้องเจรจาอะไรมากนัก แต่อยากจะบอกว่า เราก็น่าสงสารน่าเห็นใจ เป็นผู้ชายตัวเล็กๆ เดินมาเหนื่อยๆ เขาก็ต้องให้เราพัก ถามว่าเรามาทำอะไร ก็มาไล่มึงไง ก็ต้องมาดูแลเราก็ประเทศประชาธิปไตยมันต้องแบบนั้นสิ ต้องรับฟังเสียง " อนุชิตกล่าวแบบติดตลกแต่ปนน้ำเสียงจริงจัง
.
เย็นวันที่ 27 มกราคม 2564หลังอนุชิตและคณะกลับถึงบ้านโป่งทีมงาน iLaw ได้โทรสอบถามความเคลื่อนไหวของเขาอีกครั้งจึงได้รับข้อมูลว่า จ๋า หนึ่งในทีมที่ร่วมเดินจากบ้านโป่งไปกรุงเทพซึ่งบังเอิญมีญาติเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับการติดต่อจากญาติมาว่ามีคนของนักการเมืองท้องถิ่นติดต่อมาว่านักการเมืองคนท้องถิ่นคนดังกล่าว "ไม่สบายใจ" ที่เธอมาร่วมและบอกกับญาติของเธอว่า เขาจะมาหาที่บ้าน อย่างไรก็ตามจนถึงวันที่ 28 มกราคมก็ยังไม่มีบุคคลใดเข้ามาที่บ้านของจ๋าแต่อย่างใด
#ชุมนุม2564 #ลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ