‘สยามเทวาธิราช’ นี่นอกจากวิสัยทัศน์เป็นเลิศ แล้วยังทันโลก ทันสถานการณ์ด้วย จึงบันดาลให้ สยามไบโอไซน์สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่มาลงตัว พอดีกับที่แอสตร้าเซเนก้าต้องการให้ใช้ผลิตวัคซีนโควิด อันนี้วินิจฉัยจากคำพูดของ รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส บอสใหญ่ SCG
ต้องฟังเขา ในฐานะที่สยามปูนซีเม็นต์เป็นแบ็คใหญ่ ลมใต้ปีกสยามไบโอไซน์ เขาบอกว่า ‘บังเอิญ’ รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ‘หลายคน’ ในรัฐบาลตู่นี้ที่เห็นดีให้เขา ‘pursued’ สานต่อปณิธาน “อยากช่วยเหลือคนไทย (ซึ่ง) ลำบาก ไม่เฉพาะเรื่องสุขภาพ แต่เรื่องเศรษฐกิจด้วย”
ก็เกิด โชคดี อีกที่ ‘เอสซีจี’ รู้จักกันดีกับสยามไบโอฯ “คือดวงจริงๆ สมเด็จพระสยามเทวาธิราชจริงๆ คือสยามไบโอไซน์เนี่ยเค้าเพิ่งสั่งเครื่องจักรเข้ามาใหม่ ‘ผะเอ๊ญ’ มันเป็นรุ่นเดียวกับที่แอสตร้าเซเนก้าใช้ผลิตวัคซีน” พอดีอะ
นี่ละที่มาของสิ่งที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว ‘วัคซีนพระราชทาน’ ให้ได้โอกาสฟ้องร้องหัวหน้าคณะรณรงค์ ‘ก้างขวาง’ รัฐบาล ที่เรียกตัวเองว่าคณะ ‘ก้าวหน้า’ ด้วยข้อหา ‘หมิ่นกษัตริย์’ ระวางโทษคุก ๓-๑๕ ปีแต่ละกรรม ดัง ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า
“เราไม่ได้ต้องการจะใช้กฎหมายไปปิดปากคน หรือไปทำร้ายใครอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องไปดูซิว่าที่เขาทำมาซ้ำๆมันกี่ครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเด็กหรือใคร ก็ผ่านการให้โอกาสมาเยอะแยะแล้ว แต่หลายคนอาจมีหลายคดีเพราะทำความผิดซ้ำต่างกรรมต่างวาระ”
เจ้าตัวคนพูดน่ะ “ก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาล ฉีกรัฐธรรมนูญ ในวันที่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๗ นี่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักรตาม ม. ๑๑๓ มั้ยครับ” Thanathorn Juangroongruangkit @Thanathorn_FWP ย้อนบ้าง
ส่วน Amarat Chokepamitkul สวนหนักกว่า ว่า “#อย่างหนา นิรโทษกรรมความผิดให้ตัวเองฐานฉีกรัฐธรรมนูญ ปล้นอำนาจรัฐบาลพลเรือน แล้วเที่ยวท้าคนอื่นให้สู้คดี” แม้ตัวเองจะทำครั้งเดียว แต่พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ร่วมกันก็เคยย่ำยีราชอาณาจักรมาก่อนแล้ว
ดูจากที่ ‘ธนาธร’ เขียนเปิดผนึกถึง อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนนี้ ก็ไม่เห็นจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสักแค่ไหน ในเมื่อมันเป็นความจริงว่า บริษัทสยามไบโอไซน์ “อยู่ในพระนามาภิไธย” แล้วมีลับลมคมนัย จะทักไม่ได้เลยหรือ
สิ่งที่ธนาธรชี้ให้เบิ่งตาดูกันว่าปฏิเสธไม่ได้ “จนถึงวันนี้เรามีวัคซีนที่เจรจาเสร็จ มีความชัดเจนในการส่งมอบ ครอบคลุมเพียงแค่ร้อยละ ๒๑.๕ ของจำนวนประชากรเท่านั้น” นั่นคือ ๒ ล้านโด๊สเซสจากจีน ซึ่งคนร้องยี้เพราะประสิทธิภาพแค่ ๖๐%
อีก ๒๖ ล้านโด๊สจะมาจากแอสตร้าเซเนก้าที่เกิดอื้อฉาว ว่ารัฐบาลช่วยลงทุนเกือบ ๖๐๐ ล้านจะได้แค่นี้แหละ ที่ผลิตได้นอกเหนือจากนี้ไว้ให้แอสตร้าฯ จัดการขายประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ฉะนั้นจำนวนได้ใช้ในประเทศ “สร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมไม่ได้”
นอกนั้นที่ตู่อ้างว่ารัฐบาลมีไทม์ไลน์ไว้ดีแล้วนั้น “รัฐบาลวางแผนจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ๑๑ ล้านคนในปี ๒๕๖๔, อีก ๑๑ ล้านคนในปี ๒๕๖๕ และอีก ๑๐.๕ ล้านคนในปี ๒๕๖๖” ตามหลักฐานที่กระทรวง สธ.แจงกับรัฐสภาเมื่อปลายพฤศจิกา ๖๓
แผนฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรจำนวนครึ่งเดียวของทั้งประเทศภายในปี ๖๖ นี่ “อีกสามปีนี้อาจจะมีความเสี่ยงแพร่ระบาดครั้งที่สามครั้งที่สี่ต่อไปได้” ดังธนาธรว่าเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งสำหรับ “คนที่ชีวิตมีความเปราะบาง ไม่มีสวัสดิการใดๆ รองรับ
คนเหล่านี้ต้องอยู่กับความกลัวและความไม่แน่นอนในชีวิตไปอีกสามปี” และ “เราก็ยังอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิด... ภาคธุรกิจไม่มีความแน่นอน การเจรจาการค้ากับต่างประเทศก็ชะงักชะงัน และที่สำคัญ เราจะเสียเปรียบทางการแข่งขันกับประเทศที่ฉีดวัคซีนเสร็จก่อนเรา”
เรื่องเหล่านี้ไม่มีใครพูดถึงทั้งประยุทธ์และอนุทิน เลี่ยงไปพูดเรื่องเด็กประท้วงบ้างละ “ถ้าไม่อยากให้ผิดกฎหมาย ก็อย่าไปทำสิ” อ้าวถ้าเขาไม่ทำคุณมรึงก็ลากยาวถูลู่ถูกังกังกันตามสบายสิ ปีนี้หนี้สาธารณะจะเกิน ๕๐% แล้วนะ ไม่ช้าถึงเกณฑ์ต้องห้าม ๖๐%
รวมทั้งอนุทินก็ไม่เคยตอบอะไรให้กระจ่างได้ อ้างแต่ว่า “ก่อนหน้านี้เราควบคุมสถานการณ์ได้ดี ถือว่าเราโชคดี ที่จะเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด และวัคซีนของแอสตราเซเนกา น่าจะเป็นวัคซีนที่เหมาะสมกับสถานการณ์และภูมิประเทศรวมถึงคนไทยมากที่สุด”
เหมาะสมอย่างไร ใครๆ ต่างงง เพียงเพราะ บังเอิญ ซื้อเครื่องจักรมาตรงสเป็คของแอสตร้าฯ กระนั้นหรือ แล้วก็ “เราจะฉีดวัคซีนช่วงต้นเดือน เม.ย.” กับที่ “ปลัด สธ.ระบุว่า วัคซีนจะฉีดได้ในวันที่ ๑๔ ก.พ.” ก็ไม่มีความหมายถ้าฉีดได้ไม่กี่คน
ไว้รอให้ตอบอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกหน คราวนี้เสียง สว.ยังคงช่วยกันลากต่อไปอีกได้ แต่ความสำคัญอยู่ที่จะตอบแถกันไปอย่างไร ยิ่งแถก็ยิ่งขาดวุฒิภาวะ ไร้สมรรถภาพผู้นำ นำไปสู่ความอัดอั้นของประชากร จนถึงขีดสุดจุดระเบิดในไม่ช้า
(https://www.thairath.co.th/news/politic/2020052, https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/1031381170598890 และ https://www.facebook.com/100001454030105/posts/3777728295618934/?d=n)