มันจะสมานฉันท์ได้ไง ถ้ากรรมการเป็นพวกเดียวกันหมด ไม่มีฝ่ายค้านร่วมสักคน ดัง ส.ส.เบญจา แสงจันทร์ บ่น “นี่ไม่ใช่บรรยากาศของการสร้างความปรองดอง” ไม่ได้แสดงความจริงใจ ในเมื่อรัฐบาลยังตามล้าง ตามเช็ด ตั้งข้อหาแรงม็อบเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง
ประธานสภา ชวน หลีกภัย ลงนามตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เมื่อวาน (๑๑ มกรา) ๑๑ คน มีแต่ สว.ตู่ตั้ง และ ส.ส.รัฐบาลทั้งนั้น ชัยชาญ (ช้างมงคล) ตะหานสืบทอดอำนาจ คสช.เอย ‘ครูหยุย’ ยอดสลิ่ม วัลลภ ตังคณานุรักษ์ งี้
ไหนจะ เทอดพงษ์ ชัยอนันทน์ เอย สรอรรถ กลิ่นประทุม อีก แล้วยังนักวิชาการ ‘อวย’ สุริชัย หวันแก้ว วิโรจน์ ลิ้มไขแสง ของขลังทั้งนั้น แถมให้ทีมงานเลขาธิการรัฐสภาเป็นเจ้าหน้าที่เลขาณุการคณะกรรมการอีก ชงเอง เออเอง คงจบสยบความขัดแย้งได้ชาติหน้า
ซ้ำการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญจากฟากประชากร ตอนนี้โดนรัฐบาลสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ‘ไฮแจ็ค’ เอาไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียน จปร. หลังจากสภาฯ ของทั่นนายหัวชวน บวกพลังประชารัฐ รับหลักการร่างฯ เหลือสองฉบับของ พปชร.กับเพื่อไทยเท่านั้น
สรุปรวมความว่าทั้งสองร่างฯ “ห้ามแก้หมวด ๑ และ ๒” บททั่วไปรูปแบบการปกครองและหมวดกษัตริย์ ที่ร่างฯ ของหลายพรรคฝ่ายค้านเสนอให้ปรับแก้ตามข้อเรียกร้องของขบวนการเยาวชนปฏิรูป เพราะตอนนี้พระราชอำนาจ (ลายลักษณ์อักษร) ของกษัตริย์ ก้าวล้ำรัฐธรรมนูญไปเยอะ
แค่ล่าสุดที่ราชกิจจาฯ ออกมา ๑๑ มกรา นี่เอง แต่งตั้งคณะกรรมการ ‘ราชทัณฑ์ปันสุข’ มีพระเจ้าลูกยาเธอฯ ‘องค์ภา’ เป็นประธาน องคมนตรีต่างๆ รวมทั้ง สถิตย์พงษ์ สุขวิมล และอภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นรองฯ แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประธานที่ปรึกษา
แถม ‘คุณก้อย’ เป็นรองประธานที่ปรึกษา ก็โอเคนะ ในเมื่อโครงการนี้เจ้าคุณพระสินีนาฏเคยคั่วมาก่อนจะถูกปลดฟ้าผ่าแล้วมีพระมหากรุณาธิคุณตั้งกลับมาใหม่ ลบล้างคำสั่งปลดเดิมเกลี้ยง ขนาดทรงร่วมกวาดลานด้วยก็ยอมละ ‘โปรดฯ’ จริง
จากที่ Tewarit Bus Maneechai แห่ง ‘ประชาไท’ บ่งบอกไว้ว่าเจ้าคุณพระฯ นั่น เมื่อสิงหาคม ๖๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานที่ปรึกษา โครงการ “ราชทัณฑ์ปันสุขทำความ ดี ด้วยหัวใจ” (ชื่อตอนนั้น) แต่ถูกถอดยศถอดอย่างเมื่อตุลาคม ๖๒
ปัญหามีอยู่แค่มันไม่ได้เป็นไปตามครรลองระบอบรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นคำสั่งแต่งตั้งที่ไม่มีการรับสนองพระบรมราชโองการในทางประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เหมือนหยามหมิ่นชื่อยาวของระบอบปกครองที่จารึกไว้ในรัฐธรรมนูญ น่าจะตัดคำว่าประชาธิปไตยออกเสียสิ้นเรื่อง
ย้อนรอยไปดูเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ร่างฯ ที่เข้าสู่การพิจารณาวาระสองมีอยู่ ๒ ฉบับ ได้แก่ ของพรรคเพื่อไทยขอให้แก้ ม.๒๕๖ เรื่องวิธีการ “ให้แก้ไขเป็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภาเท่านั้น ไม่ต้องมีฝ่ายใดมีเสียงพิเศษ”
และไม่บังคับให้ต้องทำประชามติเสมอไป “สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ๒๐๐ คน มาจากการเลือกตั้งทุกคน โดยแบ่งเขตเลือกตั้งตามจังหวัด แต่ละจังหวัดมีจำนวนสมาชิกได้ตามสัดส่วนของประชากรในจังหวัดนั้นๆ”
ส่วนร่างฯ ของพรรคร่วมรัฐบาล ประเด็นวิธีการให้ยากเข้าไปอีก ขอเปลี่ยนเป็น “ต้องอาศัยเสียงมากกว่า ๓ ใน ๕ ของสองสภา ไม่มีฝ่ายใดมีเสียงพิเศษ แต่ยังคงบังคับให้ต้องทำประชามติเหมือนเดิม” ไม่ว่าจะหมวด ๑ หมวด ๒ หมวดนักการเมือง และองค์กรอิสระ
อีกข้อก็ให้ตั้งสภาร่างฯ ขึ้นใหม่ แต่สมาชิกไม่ต้องเลือกตั้งทั้งหมด กั๊กไว้ ๕๐ คนใช้วิธีคัดเลือกตามความพอใจของผู้เป็นนาย คือ ๒๐ คนมาตามสัดส่วนของรัฐสภา ทั้ง ส.ส.และ สว. (ให้พวกตู่ตั้งได้เข้ามาจำนวนครึ่งหนึ่งของเลือกตั้ง)
แล้วให้ที่ประชุมอธิการบดี (ซึ่งเวลานี้ ‘สลิ่ม’ เกือบทั้งนั้น) เป็นผู้คัดสรรมาอีก ๒๐ คน ที่เหลืออีก ๑๐ คน มาจากตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัย แต่ว่าทีเด็ดมันอยู่ที่ท่อนฮุคอะ ให้คนที่เลือกตัวแทนนักศึกษาคือ กกต. ซึ่งเป็นลูกกะเป๋ง คสช.กับตู่ตั้งทั้งนั้น
อย่างนี้มันไม่ใช่ ‘แก้ไข’ แล้วละ แต่เป็นการ ‘แก้ปม’ เพื่อที่จะสืบทอดอำนาจกันต่อไปนั่นเอง หลังจากที่ใช้วิธีการเอากฎหมา_ยที่ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา ปักหลัง ปิดปาก และกดหัว พวกเรียกร้องทั้งหลาย เวลานี้แกนนำโดนเข้าไป ๔๐ คนแล้ว
โดยเฉพาะข้อหา ม.๑๑๒ ดูหมิ่นดูแคลนกษัตริย์นั่นใช้มากหน่อย ‘สะดวกแจ้ง ข้อหาแรง จับง่าย’ คงอยากได้ ‘ตัวอย่าง’ นักโทษ เอาไปใช้ในโครงการ ‘ราชทัณฑ์ปันสุข’ เยอะๆ ละมัง
(ดูประกอบ https://prachatai.com/journal/2021/01/91140 อีกทั้ง https://ilaw.or.th/node/5792?KLHJpU และhttps://www.facebook.com/thestandardth/posts/2653438724949003?P-R)