นิทาน ‘ศรีธนญชัย’ นี่ต้องจัดให้เป็น ‘มหากาพย์’ แห่งชาติราชอาณาจักรไทยเสียแล้วละ เพราะรัฐบาลจากการยึดอำนาจและสืบเนื่อง ถือปฏิบัติเอาอย่างพฤติกรรมกันยิ่งกว่าปรัชญาพอเพียงเสียอีก ตั้งแต่ตัวใหญ่สุดลงไปถึงบริกรและลิ่วล้อ
เดี๋ยวนี้ระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการก็เอาด้วย ทั้งแถ บิดเบี้ยว อวดเก่ง ทำตัวเป็น ‘สม้าร์ทอ้าร์สช์’ กันถ้วนหน้า เมื่อใดต้องตอบคำถามประชาราษฎร์เรื่องความโปร่งใส ดังกรณีพันธุ์ไม้ ‘ตะเคียนทอง’ ที่ผู้ยิ่งใหญ่ไปปลูกป่าออกข่าวประชาสัมพันธ์ไม่นานมานี้
หลังจากปรากฏว่าพื้นที่ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ ฌอน หิรัญบูรณะ นักจัดรายการกล่อมใจชื่อดัง ไปร่วมกันทำพิธีเอิกเกริก ‘ปลูกป่า’ ลงพันธุ์ไม้ ๔๗ ต้น ที่แม่ริม เชียงใหม่ ยังแห้งแล้งโล่งเตียน เกิดเสียงวิพากษ์ขรมว่าต้นไม้ตายหมด
ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ทรัพยากรป่าไม้ต้องพากันไปตรวจสอบ ได้ความว่าต้นไม้ไม่ได้ตายหมดอย่างว่า มีตายแค่บางส่วนจิ๊บจ้อย ส่วนที่ไม่เห็นผลิดอกออกใบเพราะ “อยู่ในช่วงผลัดใบตามธรรมชาติ” ถึงอย่างนั้นก็ได้ทำการปลูกเพิ่มแล้วอีก ๖๐ ต้น
ที่ปลูกใหม่ก็คงไม่ต้องผลัดใบกันอีกละ ถ้าเป็นต้นตะเคียนทองจริงเช่นที่อ้าง หวังว่าคงไม่แอบเอา หมามุ่ย จากสมัยที่นายกฯ ต้นตำหรับศรีธนญชัยเคยดำริไว้ให้เป็นพืชเศรษฐกิจ คิดจะไปปลูกบนดวงจันทร์ รัฐมนตรีทั่นหนึ่งจึงออกนโยบายผลิตยานอวกาศ
จึงเป็นความน่าสงสัยว่างบประมาณ ๒๓ ล้านครึ่งในการปลูกป่าคราวนั้น เป็นค่าตะเคียนทองหรือแฝงไว้ด้วยค่าส่งหมามุ่ยไปดวงจันทร์ด้วย รัฐบาลคิดการใหญ่แล้วอุบไว้ไม่บอกประชากร เพื่อจะได้มีเซอร์ไพร้ส์ นี่เขียนวิจารณ์เซี้ยวๆ ให้รู้รสการแถของรัฐบาลไง
แต่เรื่องที่ซีเรียสจริงๆ เป็นความ ‘ไม่’ สามารถบริหารจัดการของรัฐบาลนี้ ให้ประชากรอยู่ดีมีสุข ปลอดจากโรคร้าย และสู้ภัยธรรมชาติได้ ในประเทศอารยะเขาสามารถจัดการให้ประชาชนเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติร้ายแรงขนาดแผ่นดินไหวได้พอควร
แต่ไพร่ฟ้าหน้าเหี่ยวในไตแลนเดียยังต้องเผชิญกับอากาศเป็นพิษ ฝุ่นละอองเป็นภัย กันอยู่เป็นระยะๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้ระบอบปกครองของ ‘ไอทู้บ’ ค่าฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ เริ่มสูงมาได้เป็นอาทิตย์แล้ว ดูเหมือน กทม.จะออกมาฉีดน้ำครั้งเดียว
วานนี้มีรายงานค่าฝุ่นอยู่ในขั้นอันตรายทั่วกรุงถึง ๗๐ พื้นที่ ตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ ๑๙๐ กว่าถึง ๔๑๖ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หลายแห่งสูงกว่า ๒๐๐ ทั้งนั้น เสียงบ่นของคนไซเบอร์รายหนึ่งอ่านแล้วใจแป้ว ว่า “ปีหน้าและปีต่อๆ ไปก็จะหนักขึ้นๆ เพราะยังไม่เริ่มทำอะไรเลย”
ด้วยเท็คโนโลยี่ทันโลกทำให้คนไทยได้ติดตามสภาพอากาศที่ต้องสูดเข้าปอดได้ทุกวินาฑี เพื่อจะทำการป้องกันตัวเอง แต่คนจำนวนมากหาทางแก้ไขไม่เจอ เพราะสถานะทางการเงินและสังคมเข้าไม่ถึงอุปกรณ์ ซึ่งกลายเป็นของพิเศษสำหรับตน
วิธีป้องกันฝุ่นไม่ยาก “งดกิจกรรมกลางแจ้ง ปิดห้อง เปิดเครื่องกรองอากาศ เลือก (ใช้) หน้ากากอนามัยแบบกันฝุ่น” pH~ @topazine แนะ “ใครหาซื้อหน้ากากกันฝุ่นไม่ได้ ก็ใช้แมสก์ปกติซ้อน ๒ ชั้น หรือใช้แมสก์ซ้อนกระดาษทิชชู่ว ๒ ชั้น แทนไปก่อนนะคะ”
แต่ “ต้องมีกำลังทรัพย์ระดับนึงเลยนะถึงจะทำได้ คนหาเช้ากินค่ำนี่ล้มตั้งแต่ข้อแรก” จริงของเขา ดังที่ประชากรออนไลน์คนนี้ปรารภ “จะออกไปทำมาหากิน นั่งรถเมล์ร้อน เลี่ยงฝุ่นไม่ได้ กลับบ้านก็ไม่มีเครื่องกรอง หน้ากากกันฝุ่นก็แพง”
แต่ว่าความใส่ใจของรัฐบาลชุดสืบทอดอำนาจนี้ไปอยู่ที่ การปกป้องศักดิ์ศรีของกษัตริย์อย่างไร้สาระ ต่อการที่คนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาวออกมาเรียกร้องให้ทำการปฏิรูป เมื่อพบว่ารัฐธรรมนูญกำหนดอำนาจประมุขเหนือหลักนิติธรรมแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ
เมื่อพบว่าประชาชนทั่วไปจะไม่สามารถได้รับการคุ้มครองปกป้องจากโรคร้ายที่ระบาดอย่างทั่วถึง ขณะที่งบประมาณเชิดชูเกียรติของกษัตริย์ล้นหลาม พวกเขาเรียกร้องให้ปรับลดค่าใช้จ่ายที่เกินความเหมาะสม มิพักที่จะให้คล้องจองหลักพอเพียงของกษัตริย์องค์ก่อน
การณ์กลับเป็นว่าขณะนี้มีการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นกษัตริย์ตาม ป.อาญา มาตรา ๑๑๒ แล้วถึง ๓๗ คดี เพียงเพราะใครก็ตามที่มีความคลั่งไคล้ในระบอบราชาธิปไตย จะไปฟ้องร้องเยาวชนและคนที่มีความเห็นว่ามนุษย์ทุกคนย่อมเท่าเทียมภายใต้กฎหมายได้
เป็นคดีอาญาโทษหนัก ให้จำคุกได้ถึง ๑๕ ปี เช่นนี้เป็นการเกื้อหนุนแก่ประชากรส่วนหนึ่งซึ่งก้าวก่ายและมุ่งร้ายต่อฝ่ายที่คิดเห็นแตกต่าง ทำให้สังคมในรัฐชาติแตกแยกและตั้งตัวเป็นศัตรูต่อกันถึงขั้นทำร้ายและใช้ความรุนแรง ดังที่เกิดอยู่ในสหรัฐขณะนี้
แต่สิ่งที่เกิดในอเมริกาไม่อาจจะต่อเนื่องไปอีกได้ ด้วยว่าประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้ตามัวและปล่อยให้สัญชาติญานอย่าง ‘สุนัขล่าเนื้อ’ ครอบงำจิตวิญญานของตนจนโงหัวไม่ขึ้น
(https://tlhr2014.com/archives/23983, https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/3580526178663877, https://www.thairath.co.th/news/local/north/2013452 และ https://twitter.com/BackboneMCOT)