วันอังคาร, เมษายน 07, 2563

‘ศิลป์ชัย’ อีกที คราวนี้ไม่มีการเมืองปนเลยสักนิด

ชีวิตของ ดร. ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ ตอนที่ 2

Eakapop Luara :ตอนอยู่บ้านผมทำอะไรไว้บ้าง? และเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาออกไปจากบ้านของผม? ถ้าลี้ภัยไม่ผ่านต้องทำไงโรบินฮู้ดอย่างงั้นเหรอ? (คลิปจากCCTV)

ต้องย้อนกลับไป EP1 สักนิด จากที่ผมไปรับแกมาออกจากสนามบิน Auckland คำแนะนำแรกที่ผมพูดกับเขาก็คือ ถ้าอาจารย์อยากจะเปลี่ยนใจไปเข้าค่ายของผู้ลี้ภัยก็ยังทันนะ เพราะในนั้นมันจะมีขบวนการในการพิสูตรตัวตนว่ามีภัยจริงหรือไม่ และมีห้องพักให้มีอาหารสามมื้อ ศิลป์ชัยแกตอบกับผมว่าอย่างไรก็ได้ (แต่) "อาจารย์ไม่ขอเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันของผู้ลี้ภัย"

ผมเข้าใจว่าศิลป์ชัยแกยังคิดว่าค่ายผู้ลี้ภัยมันคงคล้ายๆ กับแคมป์ก่อสร้าง ซึ่งความจริงไม่ใช่ ผมและแฟนก็ผ่านมาแล้ว และผู้ลี้ภัยไทยทั่วโลกก็เคยผ่านการเข้าค่ายผู้ลี้ภัยมาแล้วทั้งสิ้น เพื่อเป็นการปรับความคิดใหม่เรียนรู้วัฒนธรรมขั้นพื้นฐานของประเทศนั้นๆ และผมก็เชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า ที่แกไม่ยอมเข้าไปอยู่ในค่ายเพื่อฟอกตัวก็คือ ในนั้นมีผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมทั่วโลกเป็นจำนวนกว่า 90% นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่แกไม่เข้าไปในค่ายผู้ลี้ภัย (แอบมีความอีลีท) และอาจจะกลัวเสียภาพพจน์ของแกที่ต้องไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเพราะในนั้นไม่มีหัวโขน

*******หลังจากที่ผมรับศิลป์ชัยเข้ามาอยู่ในบ้าน

ถือว่าแกโชคดีกว่าผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ เลยนะครับ และโชคดีมากกว่าผมกับแฟนด้วยถ้าเที่ยบกันเมื่อตอนที่ผมกับแฟนลี้ภัยอยู่ที่ประเทศกัมพูชา คือผมเอารถส่วนของผมไปรับเพื่อให้แกได้นั่งแบบสบายๆ หายใจโล่งๆหลังจากที่สะบักสะบอมมาจากยุโรป ในอาทิตย์แรกยังมองแกไม่ออกว่าแกมีอะไรซ่อนอยู่ในคำพูดนิ่มนวลและสวยหรูของแก แต่ก็แอบสังเกตุพฤติกรรมการนั่งร่วมโต๊ะอาหาร โดยการกระทำที่ไม่ค่อยพบเห็นสักเท่าไหร่ เช่น ตบโต๊ะเป็นจังหวะเพลง และกระทืบเท้าให้เป็นจังหวะ ในขณะที่ผมกับแฟนทานข้าวอยู่ร่วมโต๊ะเดียวกับแก

ต้องบอกเลยว่าตอนแรกในช่วงของอาทิตย์แรกๆ แกเป็นคนน่ารักมากๆ คือแบบนั่งคุยกันได้ทั้งวัน แกดีใจที่เห็นห้องพักแบบส่วนตัวและเห็นวิวธรรมชาติรอบๆ และอาหารการกินก็ไม่ขาด ผมกับแฟนซื้อมาเติมในตู้เย็นตลอด และก็บอกว่าอาจารย์อยากทานอะไรก็ทำกินเลยนะครับ อยู่แบบกันเองไม่ต้องเกรงใจ

ในอาทิตย์ที่สอง ศิลป์ชัยแกเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ 1 เคาะตีนเสียงดังในตอนกลางคืน 2 แม่งคึกมาดีดกีตาร์ตอนประมานสี่ห้าทุ่ม และตอนตี 4 แกจะตื่นมายกลูกเหล็กในห้องเสียงดังตึงตัง ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็ขึ้นไปเตือนแกเบาๆ ว่าเสียงมันรบกวนไปทั่วบ้าน มีอยู่วันนึงผมทนไม่ไหวให้แฟนเดินไปบอกที่ห้องของแกว่าไม่ควรเสียงดังในตอนกลางคืน 'นี่คือมารยาทขั้นพื้นฐาน'

*****สุดท้ายเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่กำลังเข้าอาทิตย์ที่สาม ศิลป์ชัยไม่พยายามปรับตัวอะไรเลย กินข้าวเสร็จทิ้งและกองไว้ตรงนั้น พอแฟนผมใช้ให้ไปล้างจานก็ร้องไห้ พอแฟนผมถามว่าร้องไห้ทำไม คำตอบของแกคือ "คิดถึงบ้าน" แกเป็นคนทำอาหารไม่เป็นเลย แม้กระทั้งต้มไข่ ต้องให้แฟนผมสอนทุกอย่าง (แกคงเป็นคุณหนูเก่า)

หลังจากนั้น ผมเลยเรียกศิลป์ชัยลงมาคุย แล้วพูดไปตรงๆ บอกว่าศิลป์ชัยครับถ้าจะอยู่ร่วมกันโปรดช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแต่ภาระของเจ้าของบ้านอย่างเดียว เพราะผมเองไม่ค่อยอยู่บ้าน มีงานต้องขับรถเทลเลอร์ไปตามเมืองต่างๆ เพื่อกว้านซื้อซากรถยนต์และพวกรถแทร็กเตอร์ ใน 1 อาทิตย์ผมจะกลับบ้านมาแค่ 2วันเพื่อมาพัก 1 คืนแล้วก็ขับรถลากไปอีกเมืองต่อ เพื่อไปหาประมูลของมาซ่อมขาย

แกบอกว่าแกรับปากที่จะทำตามทุกอย่าง ผมก็เลยวางใจกะว่าจะได้วานให้แกเฝ้าบ้านให้ อยู่บ้านผมนี่โคตรสบายเลยนะครับนอนเล่น wifi ตามเรื่องลี้ภัยให้เสร็จ เบื่อก็แค่ออกไปปั่นจักยาน ให้อยู่ไปเลยฟรีๆ ไม่ต้องจ่ายตัง!

******เข้าห้องน้ำกดส้วมป่าว?

มีอยู่วันหนึ่งผมกลับบ้านมาแล้วรีบขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เซอร์ไพรส์มากๆ ฉี่เหลืองอ๋อยเลยไอ้เหี้ย!!! คราวนี้ผมก็ใช้ให้เมียไปถามแก แกบอกว่าลูกชายของตั้งหรือปล่าวที่มาฉี่ (ลูกกูยังใส่ผ้าอ้อมอยู่เลย) ก็เลยตำหนิแกไป

รอบสองเอาอีก ฉี่ไม่กด! แล้วก็เอาทิชชู่มาโป๊ะเอาไว้ทับอะไรก็ไม่รู้เพราะผมไม่กล้ายื่นหน้าเข้าไปดู สรุปก็เรียกแกมาตำหนิอีกรอบ คำตอบที่ได้ก็คือ "พอดีอาจารย์อยากจะช่วยประหยัดน้ำ" เมียผมเอามือทาบอก แล้วผมก็พูดเสียงเหวี่ยงใส่ว่า "จัดการให้เรียบร้อย" และอย่าให้เห็นอะไรแบบนี้อีก

*****ขนหนวดตรงปาก

ผมพยายามบอกกับแกเรื่องหนวดที่มันย้อยๆ เฟิ้มๆ คือตอนกินข้าวมันเลอะ และน้ำมูกแกแม่งย้อยมาติดหนวดแก ผมก็เลยบอกให้แกถ้าไม่โกนก็แต่งหนวดให้มันดีๆ หน่อย เพราะว่าแกชอบมาหอมมาเล่นกับลูกๆผม มันดูสกปรก คำตอบที่แกบอกผมมาก็คือ แกไม่โกนและจะปล่อยไว้แบบนี้ มันคือสัจธรรมของชีวิตที่ร่วงโรย ผมก็เห้อ!!!!

มีอยู่วันหนึ่ง ผมเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน พอดีแปรงสีฟันมันตก ไอ้เหี้ย หมอยหงอกๆ ของใครวะร่วงลงพื้น ผมก็เลยตะโกนเรียกไปว่า "เฮ้ยอาจารย์ศิลป์มานี่ดิ" นี่หมอยหรือเคราอ่ะ เวลาจะโกนหมอยหรือแต่งหนวดอะไรทำไมไม่ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำให้เรียบ๑๐๐ แฟนผมก็เลยตัดปัญหา เอาเครื่องดูดฝุ่นแบบพกพาเอาไว้ใช้ส่วนตัวในห้องของแก ศิลป์ชัยก็รับปากว่าจะทำตาม

*****แกอยู่กินยังไงในช่วงที่ผมไม่อยู่บ้าน

คำตอบคือ แกแทบจะไม่กินอะไรเลย กินแต่น้ำเปล่า เพราะพึ่งมารู้ทีหลังว่าแกทำอาหารไม่เป็น แฟนผมก็อุตส่าห์ไปหาซื้อพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับพวกไข่ และพวกโปรตีนต่างๆ ให้แกเอาไว้ทำกินเองง่ายๆ สรุป แกก็ไม่ทำกินเพราะต้องรอให้ผมกับแฟนมาประเคนให้ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมกลับมาบ้านคนเดียว มาลากของไปใช้อีกบ้านหนึ่ง คราวนี้ผมทำไข่เจียวทานเองง่ายๆ กะว่ากินเสร็จแล้วจะรีบออกไปหาลูกๆ กับเมียอีกบ้านนึง ผมได้ยินเสียงร้องไห้ตรงข้างบันได สรุปคือแกร้องไห้เพราะผมไม่ชวนแกกินข้าว เชี่ย!!!!!!

*****เริ่มไม่อยากจะกลับบ้านล่ะ (หมายถึงผมนะ)

คราวนี้ผมไม่กลับไปเหยียบบ้านหลังที่ให้แกอยู่เลย เกือบ 1 เดือน เพราะแฟนผมก็ท้องอยู่ไม่อยากให้ไปเจออะไรบ้าๆ บอๆ หรือสิ่งสกปรกที่แกทำไว้ ผมแอบกลับมาบ้านในวันที่แกไม่อยู่พอดี สรุปแมลงวันเต็มบ้าน ถังขยะในครัวบอกให้ทิ้งทุกวัน แต่แกนี่เล่นดองจนเหม็นเน่าหนอนแมงวันขึ้น และกลิ่นเน่าจากห้องของแก (แกอาบน้ำแค่อาทิตย์ละครั้ง) ผมเริ่มหัวเสียมากขึ้นจากพฤติกรรมชุ่ยๆ ของแก พร้อมอุทานใจใจว่า "มึงเป็น ดร.มาได้ยังไงวะมายาทขั้นพื้นฐานต่ำตมสุดๆ"

****ผมเริ่มแข็งข้อขึ้นเรื่อยๆ ถือเริ่มไม่ถนอมน้ำใจกันแล้ว

ผมต้องชี้แจงก่อนน่ะครับ ศิลป์ชัยเนี่ยตอนคุยกับใครที่เขาถามถึงผมแกมักจะบอกคนนู้นคนนี้ว่าผมเนี่ยแรกๆ ก็ดีหลังๆ เปลี่ยนไปคนละคน ชอบพูดจาหยาบคายบ้าง ชอบหาเรื่องไปแกล้งแกบ้าง ตั้งเขาเปลี่ยนไป คือเอาจริงๆ นะครับ พฤติกรรมของศิลป์ชัยเนี่ยหยาบช้ากว่าคำหยาบที่พูดออกมาจากปากของผมเสียอีก แค่ไม่กดส้วมก็แรงกว่าคำว่าไอ้เหี้ย!!จากปากผมแล้วหล่ะครับ

แกเหมือนเริ่มรู้ตัวว่ายังไงเริ่มเข้ากันไม่ได้แน่นอน แกเลยไปตีสนิทกับพวกชุมชนคริสเตียน เพื่อที่จะไปหาสังคมใหม่เพราะเริ่มจะอยู่บ้านผมไม่ได้แล้ว ไปตีซี้คนอื่นเพื่อจะไปขออาศัยเขาอยู่ ตอนแรกแกยื่นข้อเสนอมาเองว่าแกอยากจะกลับไปอยู่ Auckland ผมก็เตือนแกไปว่าแน่ใจเหรอครับ วีซ่าก็ไม่มีเปิดบัญชีธนาคารก็ไม่ได้ ใครเขาจะปล่อยบ้านให้เช่า อย่างมากก็แค่ห้องเช่ารายวัน จะคุ้มไหมในระยะยาว แกก็รั้นนะตอนแรก แต่พอสุดท้ายไม่รอด เพราะราคาเช่าต่อ 1 อาทิตย์ขั้นเริ่มที่ $450 (ประมาน 8,800 บาทต่อสัปดาห์) แกก็เลยเปลี่ยนความคิดนั้น ก็ยังอยู่ต่อไปเรื่อยๆ มึนๆ ตามประสาของแก มีแต่ผมนี่แหละที่คอยจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องว่าลี้ภัยไปถึงไหนแล้ว?

****แกชักว่าวจริงไหม?

จริงครับ แกบอกด้วยต้องทำไม่อย่างนั้นอาจจะเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก (ไม่ต้องมาถามต่อนะครับกุจะอ้วก)

*****คราวนี้แกบอกว่าจะย้ายออกจากบ้านผม

จริงๆ เนี่ย ถ้าแกแค่รักษาความสะอาดในบ้านให้ผม ผมจะไม่ด่าไม่กดดันแกเลย แต่นี่แกไม่เอา เหี้ยอะไรเลยสักอย่าง แฟนผมก็บอกว่าถ้าแกจะไปก็ปล่อยไปเหอะ

******แกออกจากบ้านผมแล้วแกไปอยู่ไหน?

แบบที่เคยบอกไปว่า แกไปตีสนิทกับพวกสังคมคริสเตียนที่นี่ เพื่อจะหาทางให้มีคนรับรองเรื่องที่อยู่อาศัยให้ เพราะแกอาจจะรู้สึกถึงแรงกดดันที่ผมสั่งสอนแกทุกครั้งในเรื่องการรักษาความสะอาดขั้นพื้นฐาน แกโชคดีที่มีคนเสนอว่าจะอุปการะแกอยู่ 1 คนเป็นคนแก่อายุ 80 กว่า เขาต้องการ Volunteer เพื่อที่จะไปช่วยดูแลคนแก่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ศิลป์ชัยก็เลยอาสาไปรับปากกับเขา สรุปก็จบ 4 เดือนนรกที่ผมอยู่กับแก

******ออกจากบ้านผมไปแต่กลับกลายไปเป็นทาสรับใช้ 100%

แบบที่ผมบอกไปในข้างต้น ศิลป์ชัยมีปัญหาในเรื่องการรักษาความสะอาด และทำอาหารไม่เป็น แต่หน้าที่ใหม่ของศิลป์ชัยที่ได้รับมอบหมายจากลุงคนนั้นก็คือ


1.ต้องซักผ้า
2.ล้างจานทำกับข้าว
3.ต้องไปทำแผลอักเสบให้กับลุงฝรั่งคนนั้น
4.ต้องพยุงพาไปโรงพยาบาลทุกวัน
5.ถางหญ้าดายหญ้า

ศิลป์ชัยไปอยู่บ้านเขาไม่ได้เงินสักบาท แต่ต้องยอมจำนนโดนจิกหัวใช้เพื่อแค่แลกกับการได้มีที่หลับที่นอน
 และศิลป์ชัยดันไปเจอคนแก่ขี้จุกจิกมาตฐานสูงหนักกว่าตอนอยู่กับผมเสียอีก ตอนแรกผมเองก็พยายามยื้อแกอยู่เพราะห่วงแก แต่ด้วยความดื้อรั้นของแกเองก็เลยต้องปล่อย สุดท้ายอะไรที่แกไม่อยากทำในบ้านผม แกโดนบังคับทำทุกอย่าง

******ยังติดต่อกันอยู่ไหมหลังจากแกไปพ้นบ้านผมไปแล้ว

ยังติดต่อกันอยู่นะครับ เพราะอีกใจก็เป็นห่วงแกเพราะเราไปรับแกมาในตอนแรก ส่วนเรื่องลี้ภัยก็ยังไม่ไปถึงไหนเพราะหลักฐานมันอ่อนมากๆ แถมดันมาเกิดในช่วง Covid19 อีก แน่นอนว่าเรื่องแกก็จะถูกดองไปอีกนาน

ส่วนในตัวของศิลป์ชัยเองก็ยังติดต่อผมอยู่ เพราะยังต้องการเอกสารที่ยืนยันจากตัวผมว่าผมเป็นผู้ลี้ภัยจากมาตรา 112 จริงๆ เพราะทนายเขาสั่งมาให้ผมทำเอกสารให้เผื่อจะได้มีน้ำหนักในการยื่นอุทธรณ์ในครั้งต่อไป ส่วนในเรื่องเอกสารผมจะช่วยแกหรือไม่นั้น ผมคงต้องคิดหนักแล้วแหละ

*******ค่าครองชีพในนิวซีแลนด์ค่อนข้างแพงมากๆ ผมถือว่าศิลป์ชัยแกโชคดีนะครับที่มาแบบมีคนรับรองไว้ แต่อีกอย่างถ้าอยู่แบบไม่มีงานทำคือตายอย่างเดียว ผมก็หวังว่าหลังจากที่ศิลป์ชัยไปอยู่บ้านหลังใหม่คงจะถูกดัดนิสัยและเปลี่ยนแปลงนิสัยแล้วบ้าง เผื่อแกจะยอมรับในโลกของความจริงบ้างว่ามันต้องพบเจออะไร

*****ที่ผมกับศิลป์ชัยเราเข้ากันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่ชอบแกที่ขั้วการเมืองไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกันน่ะครับ แต่ในเรื่องความสะอาดนั่นแหละที่เป็นชนวนเหตุที่ทำให้อยู่ร่วมกันไม่ได้

******วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ

เดี๋ยวรอบหน้ามาต่อในเรื่องลูกเพจที่ยั่วยุปลุกปั่นให้ศิลป์ชัยโพสนั่นโพสนี่ และความผิดพลาดของศิลป์ชัยที่พยายามสร้างให้ตัวเองมีโปรไฟล์ และการเล่นข่าวแบบไม่กรอง รวมถึงการที่ไม่มีการวางแผนใดๆ เลยก่อนออกจากไทยว่าจะต้องมาเจออะไรบ้าง
*****จบ----สวัสดี
https://www.facebook.com/100004708576942/videos/1505611786272426/