วันพุธ, กรกฎาคม 10, 2562

ยกเลิกคำสั่ง คสช. แค่ ๖๖ ฉบับ ที่เหลือจะกลายเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับต่อ โดยเฉพาะอำนาจทหารจับคนไปขัง ๗ วัน


มีราชกิจจาฯ เรื่องคำสั่ง คสช. ๙/๒๕๖๒ “ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บางฉบับที่หมดความจำเป็น” 

แต่อย่าหลงดีใจว่า ไอทู้บ ใจดี จะเป็นนายกฯ ในระบอบประชาธิปไตยอารยะ นั่นอย่าหวัง

ในจำนวนคำสั่งและประกาศของ คสช.ตลอด ๕ ปี กว่า ๕๐๐ ฉบับ ยกเลิกไปแค่ ๖๖ ฉบับ และถ้าไม่มีการยกเลิกเพิ่มเติมจากนี้ก่อนคณะรัฐมนตรี ตู่ ๒ราวกลางกรกฎานี้ละก็

คำสั่งที่เหลือจะกลายเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับต่อไป จนกว่าประชาชนจะมีปัญญากำจัด การสืบทอดอำนาจ ของ คสช. ออกไปจากสาระบบการเมืองไทยอย่างถาวรได้ ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญที่ คสช.สั่งให้เขียนหมกเม็ดไว้ ในมาตรา ๒๗๙

คำสั่งใดบ้างที่จะอยู่ค้ำหัวประชากรไทยตราบชั่วนิจนิรันดร์ ถ้าไม่มีใครสามารถกำจัด ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวกพ้องคณะรัฐประหาร พลังประชารัฐ และลิ่วล้อที่ ตู่ตั้งเช่นวุฒิสภาทั้ง ๒๕๐ คน เท่าที่เครือข่ายสิทธิมนุษยชนเอกชนมองเห็น อย่างน้อยๆ มีสามสี่รายการที่เป็นเผด็จการอย่างร้ายแรง

สุนัย ผาสุก แห่งฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ รีบบอกก่อนให้มหาชนรับรู้ไว้ สองคำสั่ง คือ “คำสั่งหัวหน้า คสช.ทึ่ ๓ และ ๑๓ ซึ่งให้อำนาจทหารจับกุมพลเรือนไปคุมตัวไว้ในค่ายทหารโดยไม่มึข้อหาได้ ๗ วัน ห้ามญาติ และทนายเยี่ยม ไม่ต้องแจ้งว่าอยู่ที่ไหน ศาล และ กสม.ตรวจสอบไม่ได้”

ก่อนจะไปถึงรายละเอียดคำสั่งกดหัวประชาชนต่างๆ ที่จะยังอยู่คู่สุวรรณภูมิของมหาชนก มาดูประเด็นการ ตรวจสอบ ที่ @sunaibkk เอ่ยถึงสักหน่อย สำหรับองค์กรศาลเอาไว้โอกาสหน้า (ไม่ใช่ว่าไว้วางใจได้นะ) ทว่า กสม. หรือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นั้น เดี๋ยวนี้ทำท่าจะเป็นกระบอกเสียง เถียงแทน คสช.ไปแล้ว
 
วันเดียวกันนี้เองมีเอกสาร กสม.ฉบับที่ ๑/๒๕๖๒ ออกมา แก้ตัว แก้ต่าง แก้ผ้าเอาหน้ารอดให้กับ คสช. ซะงั้น “พิจารณาแล้วเห็นว่า รายงานสรุปสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนดังกล่าว เป็นรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ในช่วงปี ๒๕๖๑ ซึ่งบางเรื่องมีข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม”

รายงาน ดังกล่าว ที่อ้างถึงเป็นขององค์กรฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ สรุปสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ครั้งที่ ๒๙ ประจำปี ๒๕๖๒ ที่กล่าวถึงประเด็นต่างๆ ได้แก่ “การบังคับบุคคลให้สูญหายและการทรมาน กรณีเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองในปี ๒๕๕๓...” เป็นอาทิ

เหล่านั้นเป็นการเสนอความเห็นต่างระหว่างองค์กรสิทธิมนุษยชนด้วยกัน ถึงแม้ HRW จะเป็นองค์การนานาชาติ กสม.แค่ในกะลาแลนด์ ก็ไม่มีใครเป็นพ่องใคร ไม่เหมือน กอ.รมน.ที่กำลังจะมาแทนที่ คสช. ในอีกไม่กี่วัน

แต่ว่าจะจะแจ้งแจ้งให้เห็น กสม.ทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ คสช. ตรงประเด็นเสรีภาพในการแสดงออกที่ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์บอกว่า จนกระทั่งมีเลือกตั้งแล้ว “รัฐบาลชะลอการยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมอย่างเข้มงวด”

กสม.เถียงแทน คสช.ว่า “ในช่วงก่อนการเลือกตั้งได้มีคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ ๒๒/๒๕๖๑ เรื่องการให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมีผลให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. จำนวนหลายฉบับ”

กสม.ยกคำสั่ง คสช.ฉบับต่างๆ เช่น ๒๒/๒๕๖๑ มาอ้างว่าได้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ ๓/๒๕๕๘ ข้อ ๑๒ “ทำให้ศาลจำหน่ายคดีในข้อหาชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป” กสม.ยังว่าถึงประเด็นอื่นๆ เรื่องผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย แรงงานข้ามชาติ และแรงงานประมง

ล้วนเป็นการแก้ตัวให้กับรัฐบาล คสช.๑ ที่ผ่านมาทั้งสิ้น ในประเด็นที่ถูก HRW ระบุว่าไม่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงอย่างจริงจังตามครรลองของกติกาสากล มีแต่กระทำการอย่างลูบหน้าปะจมูก ซึ่ง กสม.แก้แทน คสช.ว่าเห็นไหม “สหภาพยุโรปได้ประกาศปลดสถานะใบเหลืองของภาคประมงไทย” แล้ว


ประเด็นเหล่านี้ผู้ที่จะมาเถียงควรเป็น โฆษก คสช.มากกว่า กสม. นะ ว่ามั้ย จึงไม่ต้องแปลกใจกันอีกต่อไปว่ากรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ อย่างกรณีดักตี จ่านิวทั้งที่เป็นข่าวไปทั่วโลก องค์กรนานาชาติแสดงความกังวลกัน แต่ กสม.เงี่ยบฉี่
 
กลับมาที่เรื่อง มรดก คสช. โจรป่าห้าร้อยหลังประกาศราชกิจจาฯ ออกมา ไอลอว์ซึ่งรณรงค์ชวนประชาชนเรียกร้องยุติคำสั่ง คสช.ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ๓๕ ฉบับ แจ้งว่ามีเพียง ๑๓ ฉบับจากจำนวนนั้นที่อยู่ในรายการยกเลิก

“ประกาศ คสช. ฉบับที่ ๒๕, ๒๗, ๔๑/๒๕๕๗ ที่กำหนดให้การไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. เป็นความผิด มีโทษ ๒ ปี ปรับ ๔๐,๐๐๐ ยังคงอยู่” และนอกจากคำสั่ง ๓/๒๕๕๘ ที่ให้อำนาจทหารจับคนไปขัง ๗ วันแล้ว

ยังรวมไปถึงคำสั่งที่ “ส่งผลกระทบต่อสิทธิชุมชนและมาตรการคุ้มครองประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง เช่น คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ ๓/๒๕๕๙ และ ๔/๒๕๕๙ ที่ให้ยกเว้นกฎหมายผังเมืองและผังเมืองในเขตเศรษฐกิจพิเศษ”

โดยเฉพาะ “อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าขยะ โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงงานกำจัดขยะ” ที่กำลังเป็นปัญหากลิ่นเหม็น ฝุ่นละอองพิษอากาศ ที่ไม่เพียงพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ระบาดเข้าไปถึงชานเมืองกรุง รอวันพุพองขึ้นมาในไม่ช้า


ฉะนั้นอย่าได้มาดหมายว่าเมื่อเผด็จการได้ชุบตัวด้วยการจัดเลือกตั้งแล้ว ประชาชนจะได้ประชาธิปไตยกลับมา ไม่เชื่อคอยดู หลังจากคู่กัด คสช. ยุติบทบาททางการเมือง แล้ว เผด็จการในคราบประชาธิปไตยอย่าง คสช.๒ นี่จะทำให้บ้านเมืองจมปลักหนักกว่าเดิมขนาดไหน