วันอาทิตย์, กรกฎาคม 07, 2562

หมายกลบบาดแผลพุพอง 'อุตตม' ติดกับคดีกรุงไทย สตร.เลยงุ่มง่ามแถลง ‘รู้ตัวคนร้าย’ ที่ให้เบาะแสคนตีจ่านิว

ประสิทธิภาพคับจอกเลยตำหวดไทย คดีจ่านิวโดนรุมตีบักโกรกที่สลิ่มออกมาเต้นแร้งเต้นกาบนหน้าโซเชียลสะใจ ซึ่งทั่นว่าที่นายกฯ และรองฯ ฝ่ายคุมสันติราษฎร์ พร้อมใจกันบอกว่าต้องจับคนร้ายให้ได้เหมือนรายอื่นๆ

เวลาผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ สตร.แถลงแล้ว รู้ตัวคนร้ายแต่ไม่ใช่คนร้ายที่ตีหัวผู้เคราะห์ แต่เป็นคนร้ายที่ปูดเบาะแสว่าพวกคนตี มีสีในความผิดฐานไม่ถูกใจเจ้านายเพราะ “สร้างความเสียหายต่อบุคคลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนตื่นตระหนกในสังคมอย่างกว้างขวาง”

อย่าทำเป็นขำไป รองโฆษกตำรวจ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ พูดจริงนะนี่ “คดีนี้คืบหน้าไปมาก เบื้องต้นพิสูจน์ทราบถึงตัวบุคคลที่กระทำผิดแล้ว” คดีความผิดตาม พรบ.ไซเบอร์นะครับอย่าสับสน ตำรวจกำลัง “ขยายผลถึงเครือข่ายผู้สนับสนุนและที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดคดีนี้

พร้อมออกติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย” แล้วยังเตือนว่าประชาชนอย่าได้หลงกลผู้ร้าย แชร์เบาะแสดังกล่าวเข้าล่ะ จะถูกถือว่า “มีเจตนาทุจริต เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือโซเชียลมีเดียและอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย...มีโทษทั้งจำคุกและปรับ”


ผู้พันแกแนะให้ใครที่ได้เบาะแสมาจริง ส่งให้สายด่วนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑๑๕๕ ดีกว่า อย่างที่ทั่น ผบ.ตร.เคยบอกไว้ “ใครมีภาพหรือคลิปที่บันทึกไว้ได้ ขอให้นำไปมอบให้ตำรวจ”

ซึ่งตอนนั้นมีคนคอมเม้นต์กำกับ “ก่อนมอบคลิปหรือหลักฐานให้ ตร. อย่าลืมทำสำเนาไว้และแจกสื่อ” เพื่อเป็นหลักประกันของหาย (Ghost Writer █ @RITT41) เห็นหรือยังว่าเขาไว้ใจผู้ดูแลทุกข์สุขประชาชนยุค คสช.น้อยแค่ไหน

อะไรทำให้ข่ายงานในกำกับพี่ป้อมงุ่มง่ามได้ขนาดนี้ จะว่าเพื่อปกป้องรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ที่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พาดพิงให้มาทำคดีจ่านิวแทนชุดปัจจุบัน แล้วโดนขบวนการ ‘faked news’ ปั้นเรื่องว่าอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่น่าจะเขลาสาธยายไม่เป็นเรื่อง

เมื่อคำนึงถึงชั้นเชิงวิชามารของ คสช. ก็พอถึงบางอ้อ ว่าอาจจะจุดประเด็นกลบเกลื่อนบาดแผลที่กำลังจะพุพองก็ได้ ในเมื่อตอนเข้าด้ายถวายสัตย์รัฐบาลตู่ ๒ นี่เรื่องรัฐมนตรียังไม่เคลียร์จริง คนที่ส่งไปกำซิบเปิดถุงเงิน ว่าที่ รมว.คลัง กำลังจะแพ้ภัยตนเอง
 
นายอุตตม สาวนายน ซึ่งรอดคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยเพราะรับเป็นพยานปรักปรำพวกเครือข่ายระบอบทักษิณแล้วตัวเองรอด โดนพรรคเพื่อไทยกำลังจับให้มั่นคั้นให้ตายในสภา ออกมาดิ้นแด่วๆ “ผมไม่ผิด อย่าบิดเบือน”

ชี้แจงทางหน้าโซเชียลว่า “การปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มบริษัทในเครือกฤษดามหานคร...ผมได้ท้วงติงในบอร์ดบริหารว่าสินเชื่อนี้ไม่สามารถอนุมัติให้ได้” จึงทำให้ “คตส.ไม่ชี้มูลว่าผมมีความผิด” อ้างว่าธนาคารชาติตรวจสอบ “รายงานการประชุม การพิจารณาอนุมัติ ไม่พบว่ากระผมมีส่วนร่วมปล่อยสินเชื่อนี้”

แต่ปรากฏว่าหลักฐานมีโจ่งแจ้ง รายงานการประชุมบอร์ดกรุงไทยครั้งที่ ๔๘/๒๕๔๖ วันที่ ๕ ธันวา อุตตมเซ็นชื่อหราอยู่ในนั้น ชัยเกษม นิติศิริ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ชี้ “คุณอุตตมควรมีพยานหลักฐานหรือรายงานการประชุมว่าคุณอุตตมไม่เห็นด้วยหรือคัดค้านการอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวมาแสดง”

อีกทั้งถ้าเป็นการกันตัวอุตตมไว้เป็นพยานก็ต้องมีหลักฐานชี้แจงด้วย ว่า “มีหลักเกณฑ์อย่างไรในการกันตัวคุณอุตตมไว้เป็นพยาน” ในเมื่อ “สำหรับคดีนี้ ผมเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องมีบุคคลที่ต้องกันไว้เป็นพยาน เพราะพยานหลักฐานในการลงชื่อเข้าร่วมประชุมก็มีความชัดเจนเพียงพอแล้ว”

ไม่เท่านั้น ธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีคลังสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความเห็นเพิ่มเติมว่า “ในฐานะที่ผมทำงานด้านกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินที่ ธปท. ๒๔ ปี ผมยืนยันว่าเรื่องเกี่ยวกับสินเชื่อนั้นจะต้องยึดตามเอกสารหลักฐานเป็นสำคัญ”

แต่ไม่บันทึกใดๆ ที่ระบุว่าอุตตมได้ทำการท้วงติงการอนุมัติปล่อยกู้ครั้งนั้นที่อุตตมร่วมประชุมด้วย (ตามหลักฐานลายเซ็น) “นอกจากรายงานการประชุมไม่มีการบันทึกข้อท้วงติงของกรรมการแม้แต่ผู้เดียว แม้แต่โดยคุณอุตตมเอง
 
ยังปรากฏว่ากรรมการลงนามรับรองรายงานการประชุมไว้ครบทั้ง ๕ คน รวมไปถึงคุณอุตตม” ด้วย ยังไม่หมด ธีรชัยเปิดเผยกรณีที่แบ๊งค์ชาติไม่กล่าวโทษอุตตม ว่าเพราะมี “กรรมการสองคนมาให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ ธปท.

...มีการรวบรัดให้การพิจารณาของที่ประชุมยุติลงโดยเร็ว โดยอ้างถึงบุคคลภายนอกขอมา และเป็นสัญญาณว่าต้องอนุมัติสินเชื่อรายนี้แน่นอน เป็นอันว่ามิใช่กรณีที่ ธปท. การันตีว่าไม่มีการกระทำความผิดแต่อย่างใด”

เฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่อนุกรรมการ คตส. ระบุ “ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๙ (อุตตม) ได้ให้การยืนยันและนำหลักฐานมาประกอบ...จึงพิจารณาเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๙ ไม่ได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา” นั้น

ธีรชัยถามว่า “คือเอกสารใด เพราะถ้าหากเป็นเอกสารที่กรรมการทำขึ้นเอง ซึ่งไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเอกสารประชุม ก็ย่อมไม่มีน้ำหนัก”

(https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/839787, https://www.facebook.com/chaikasemofficial/photos/a.943889379284484/943888465951242/=-y.g และ https://www.facebook.com/Dr.UttamaSavanayana/photos/a.596838337357632/850441288664001/=-R)