ประสิทธิภาพคับจอกเลยตำหวดไทย
คดีจ่านิวโดนรุมตีบักโกรกที่สลิ่มออกมาเต้นแร้งเต้นกาบนหน้าโซเชียลสะใจ
ซึ่งทั่นว่าที่นายกฯ และรองฯ ฝ่ายคุมสันติราษฎร์
พร้อมใจกันบอกว่าต้องจับคนร้ายให้ได้เหมือนรายอื่นๆ
เวลาผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ สตร.แถลงแล้ว ‘รู้ตัวคนร้าย’ แต่ไม่ใช่คนร้ายที่ตีหัวผู้เคราะห์
แต่เป็นคนร้ายที่ปูดเบาะแสว่าพวกคนตี ‘มีสี’ ในความผิดฐานไม่ถูกใจเจ้านายเพราะ “สร้างความเสียหายต่อบุคคลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนตื่นตระหนกในสังคมอย่างกว้างขวาง”
อย่าทำเป็นขำไป รองโฆษกตำรวจ พ.ต.อ.กฤษณะ
พัฒนเจริญ พูดจริงนะนี่ “คดีนี้คืบหน้าไปมาก เบื้องต้นพิสูจน์ทราบถึงตัวบุคคลที่กระทำผิดแล้ว”
คดีความผิดตาม พรบ.ไซเบอร์นะครับอย่าสับสน ตำรวจกำลัง “ขยายผลถึงเครือข่ายผู้สนับสนุนและที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดคดีนี้
พร้อมออกติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย”
แล้วยังเตือนว่าประชาชนอย่าได้หลงกลผู้ร้าย แชร์เบาะแสดังกล่าวเข้าล่ะ จะถูกถือว่า
“มีเจตนาทุจริต
เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือโซเชียลมีเดียและอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย...มีโทษทั้งจำคุกและปรับ”
ผู้พันแกแนะให้ใครที่ได้เบาะแสมาจริง
ส่งให้สายด่วนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑๑๕๕ ดีกว่า
อย่างที่ทั่น ผบ.ตร.เคยบอกไว้ “ใครมีภาพหรือคลิปที่บันทึกไว้ได้
ขอให้นำไปมอบให้ตำรวจ”
ซึ่งตอนนั้นมีคนคอมเม้นต์กำกับ
“ก่อนมอบคลิปหรือหลักฐานให้ ตร. อย่าลืมทำสำเนาไว้และแจกสื่อ” เพื่อเป็นหลักประกันของหาย
(Ghost Writer █ @RITT41)
เห็นหรือยังว่าเขาไว้ใจผู้ดูแลทุกข์สุขประชาชนยุค คสช.น้อยแค่ไหน
อะไรทำให้ข่ายงานในกำกับพี่ป้อมงุ่มง่ามได้ขนาดนี้
จะว่าเพื่อปกป้องรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชัยวัฒน์
เกตุวรชัย ที่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พาดพิงให้มาทำคดีจ่านิวแทนชุดปัจจุบัน แล้วโดนขบวนการ
‘faked news’ ปั้นเรื่องว่าอยู่เบื้องหลัง
ก็ไม่น่าจะเขลาสาธยายไม่เป็นเรื่อง
เมื่อคำนึงถึงชั้นเชิงวิชามารของ คสช.
ก็พอถึงบางอ้อ ว่าอาจจะจุดประเด็นกลบเกลื่อนบาดแผลที่กำลังจะพุพองก็ได้ ในเมื่อตอนเข้าด้ายถวายสัตย์รัฐบาลตู่
๒ นี่เรื่องรัฐมนตรียังไม่เคลียร์จริง คนที่ส่งไปกำซิบเปิดถุงเงิน ว่าที่ รมว.คลัง
กำลังจะแพ้ภัยตนเอง
นายอุตตม สาวนายน ซึ่งรอดคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยเพราะรับเป็นพยานปรักปรำพวกเครือข่ายระบอบทักษิณแล้วตัวเองรอด
โดนพรรคเพื่อไทยกำลังจับให้มั่นคั้นให้ตายในสภา ออกมาดิ้นแด่วๆ “ผมไม่ผิด
อย่าบิดเบือน”
ชี้แจงทางหน้าโซเชียลว่า “การปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มบริษัทในเครือกฤษดามหานคร...ผมได้ท้วงติงในบอร์ดบริหารว่าสินเชื่อนี้ไม่สามารถอนุมัติให้ได้”
จึงทำให้ “คตส.ไม่ชี้มูลว่าผมมีความผิด” อ้างว่าธนาคารชาติตรวจสอบ “รายงานการประชุม
การพิจารณาอนุมัติ ไม่พบว่ากระผมมีส่วนร่วมปล่อยสินเชื่อนี้”
แต่ปรากฏว่าหลักฐานมีโจ่งแจ้ง
รายงานการประชุมบอร์ดกรุงไทยครั้งที่ ๔๘/๒๕๔๖ วันที่ ๕ ธันวา
อุตตมเซ็นชื่อหราอยู่ในนั้น ชัยเกษม นิติศิริ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ชี้ “คุณอุตตมควรมีพยานหลักฐานหรือรายงานการประชุมว่าคุณอุตตมไม่เห็นด้วยหรือคัดค้านการอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวมาแสดง”
อีกทั้งถ้าเป็นการกันตัวอุตตมไว้เป็นพยานก็ต้องมีหลักฐานชี้แจงด้วย
ว่า “มีหลักเกณฑ์อย่างไรในการกันตัวคุณอุตตมไว้เป็นพยาน” ในเมื่อ “สำหรับคดีนี้
ผมเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องมีบุคคลที่ต้องกันไว้เป็นพยาน
เพราะพยานหลักฐานในการลงชื่อเข้าร่วมประชุมก็มีความชัดเจนเพียงพอแล้ว”
ไม่เท่านั้น ธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล
อดีตรัฐมนตรีคลังสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความเห็นเพิ่มเติมว่า “ในฐานะที่ผมทำงานด้านกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินที่
ธปท. ๒๔ ปี ผมยืนยันว่าเรื่องเกี่ยวกับสินเชื่อนั้นจะต้องยึดตามเอกสารหลักฐานเป็นสำคัญ”
แต่ไม่บันทึกใดๆ
ที่ระบุว่าอุตตมได้ทำการท้วงติงการอนุมัติปล่อยกู้ครั้งนั้นที่อุตตมร่วมประชุมด้วย
(ตามหลักฐานลายเซ็น) “นอกจากรายงานการประชุมไม่มีการบันทึกข้อท้วงติงของกรรมการแม้แต่ผู้เดียว
แม้แต่โดยคุณอุตตมเอง
ยังปรากฏว่ากรรมการลงนามรับรองรายงานการประชุมไว้ครบทั้ง
๕ คน รวมไปถึงคุณอุตตม” ด้วย ยังไม่หมด
ธีรชัยเปิดเผยกรณีที่แบ๊งค์ชาติไม่กล่าวโทษอุตตม ว่าเพราะมี “กรรมการสองคนมาให้ข้อมูลเชิงลึกแก่
ธปท.
...มีการรวบรัดให้การพิจารณาของที่ประชุมยุติลงโดยเร็ว
โดยอ้างถึงบุคคลภายนอกขอมา และเป็นสัญญาณว่าต้องอนุมัติสินเชื่อรายนี้แน่นอน เป็นอันว่ามิใช่กรณีที่
ธปท. การันตีว่าไม่มีการกระทำความผิดแต่อย่างใด”
เฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่อนุกรรมการ คตส.
ระบุ “ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๙ (อุตตม) ได้ให้การยืนยันและนำหลักฐานมาประกอบ...จึงพิจารณาเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่
๑๙ ไม่ได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา” นั้น
ธีรชัยถามว่า “คือเอกสารใด เพราะถ้าหากเป็นเอกสารที่กรรมการทำขึ้นเอง
ซึ่งไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเอกสารประชุม ก็ย่อมไม่มีน้ำหนัก”