วันอาทิตย์, กรกฎาคม 14, 2562

อดีตพุทธะอิสระแฉภาพเล็กๆ ที่เห็นมากับตาตัวเอง “พวกคุณนำเอาขยะพวกนี้มาทำอะไร” พวกเขาตอบว่า “นำมาเป็นอาหาร” คำพูดที่บอกว่าชีวิตคนติดคุกกินได้ทุกอย่างแม้กระทั่งขยะดูถ้าน่าจะจริง






ว่าจะไม่บอกไม่เล่า แต่ก็มีเหตุเรื่องราว ก็ขอบอกเล่ากันเสียหน่อย
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒

เห็นข่าวคราวว่ามีคนนำเอาการเลี้ยงอาหารในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หรือในคุกมาเป็นข่าวแล้วขยายผล จนกลายเป็นการจับผิด ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่อยู่ในคุก

ซึ่งก็มีทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้คุม และผู้ต้องขัง ที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากลำบากไม่ปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไปอยู่แล้ว

ในฐานะที่เป็นผู้มีประสบการณ์ตรง ใช้ชีวิตอยู่ในคุกมาก่อน แม้จะไม่นานแต่ก็รับรู้ได้ถึงความยากลำบาก แล้งแค้น เดือดร้อน ที่ผู้ต้องขังและผู้คุมได้รับ

แน่นอนละ ในมุมมองของผู้ที่ไม่เคยต้องโทษ อาจจะมองว่า คนที่อยู่ในคุกไม่ควรจะต้องมีความสุขสบาย เหมือนกับคนปกติทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน

พุทธะอิสระอยากสะท้อนภาพเล็กๆ ที่เห็นมากับตาตัวเอง นำมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง คำพูดที่บอกว่าชีวิตคนติดคุกกินได้ทุกอย่างแม้กระทั่งขยะดูถ้าน่าจะจริง

เราได้มีโอกาสพบเห็นนักโทษชั้นดีได้นำเอาเศษขยะที่เป็นประเภทพืชผัก จากโรงครัวของเรือนจำเหลือทิ้ง เอามาแจกจ่ายให้บรรดาผู้ต้องขัง แรกๆ เราก็แปลกใจว่า ผู้ต้องขังจะใช้ประโยชน์อะไรจากเศษขยะ นอกจากนำมาเป็นปุ๋ยแล้ว ดูไม่น่าจะนำมาใช้ประโยชน์อื่นใดได้ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏขึ้น ในกองขยะที่มักปุ๋ยอินทรีย์ก็มีบรรดานักโทษชั้นดีพากันไปยื้อแย่งเก็บเศษผัก เศษผลไม้ แล้วนำมาแจกจ่ายให้กับบรรดาเพื่อนๆ ผู้ต้องขัง

ก็ได้ถามเขาว่า “พวกคุณนำเอาขยะพวกนี้มาทำอะไร” พวกเขาตอบว่า “นำมาเป็นอาหาร” ซึ่งก็สามารถนำมาทำได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นผักจิ้มน้ำพริก (นำพริกที่ผู้ต้องขังสั่งซื้อจากร้านค้าเรือนจำ) หรือใส่กับเส้นหมี่สำเร็จรูปกับปลากระป๋อง (น้ำร้อนเรือนจำเป็นผู้จัดให้) แม้ที่สุดนำมาจิ้มกับน้ำปลากับพริกป่น (ที่ซื้อจากร้านค้าเรือนจำ) กินกับข้าวเปล่า

ด้วยวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ยากลำบากทั้งกายและใจ แม้เรือนจำจะมีอาหารจัดเลี้ยง พวกท่านทั้งหลายก็ลองหลับตานึกดูว่า อาหาร ๓ มื้อต่อเงินอุดหนุนรัฐบาล ๔๙ บาทต่อวัน ตกมื้อละ ๑๗.๕๐ บาท ซึ่งถ้าเอามาเทียบกับอาหารกลางวันเด็กที่รัฐบาลให้งบอุดหนุนมื้อละ ๒๐ บาท เด็กยังต้องกินฟักต้มซี่โครงไก่ตามภาพข่าวที่ปรากฏ แล้วอาหารในคุก ๓ มื้อต่อเงินอุดหนุนรัฐบาล ๔๙ บาทต่อวันจะมีอาหารอะไรให้กินมากมายนัก

อยากให้ท่านมองชีวิตของคนติดคุกด้วยหัวใจที่กว้าง และมีมนุษยธรรม การที่มีผู้ใจบุญนำอาหารที่พวกเขากินอยู่ปกติ เอาไปเลี้ยงผู้ติดคุกแค่มื้อเดียว แต่ก็มีคนนำมาเป็นประเด็น โวยวาย จนกลายเป็นผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในคุก (เขียนตามความคิดของคนบางคนที่มองคนติดคุกว่าเป็นแค่สิ่งมีชีวิต)

พุทธะอิสระ ในฐานะที่มีประสบการณ์ และได้เคยกินอาหารในคุกมาก่อนจึงรับรู้ได้ว่า หากวันใด เดือนใด มีผู้ใจบุญนำเอาอาหาร ปรุงสำเร็จมาบริจาคให้แก่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในคุก พวกเขาเหล่านั้นจะแสดงความดีใจ ยินดี สีหน้าแววตามีความสุข เหมือนกับทุกครั้งที่พวกเขามีโอกาสได้เยี่ยมญาติ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ต้องขังทุกคนจะมีญาติมาเยี่ยมเพราะหลายสิบหลายร้อยคน ก็ไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลย จนกระทั่งบ่อยครั้งที่ผู้คุมต้องมาเยี่ยมผู้ต้องขังเสียเอง

การที่มีข่าวจนเป็นเรื่องราวว่า มีผู้นำเอาอาหารไปเลี้ยงผู้ต้องขังในวันเกิด ปีหนึ่งแค่ครั้งเดียว แล้วก็มีอธิบดีมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว พวกคุณรู้ไหมว่าต่อไปนี้ สิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในคุกก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวังเพิ่มขึ้นอีก เพราะผู้บริหารเรือนจำคงจะต้องสร้างมาตรการป้องกัน แม้ที่สุดมาตรการเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้คุมด้วย

พุทธะอิสระจึงอยากจะวิงวอน ข้อร้องประชาชนคนใจบุญทั้งหลาย เวลาพวกเราเห็นข่าวสัตว์โดนทำร้าย สุนัขอดอยาก หรือโดนทอดทิ้ง พวกเราก็แสดงความสงสาร แสดงน้ำใจในการช่วยเหลือ อุปถัมภ์ แต่ชีวิตคนที่อยู่ในคุก แม้จะต้องโทษต้องขังด้วยการกระทำผิด ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ด้อยค่า หากทุกคนในบ้านเมืองให้โอกาส ให้กำลังใจ แล้วช่วยกันเยียวยาหาวิธีแก้ไขปัญหา ให้ตรงจุดตรงประเด็น และถูกต้องชอบธรรม

ฉันก็เชื่อว่า พวกเขาเหล่านั้นจะกลับมามีชีวิตเพื่อเป็นพลังของแผ่นดินในอนาคตได้

หากพวกเราไม่ใจแคบเกินไป ควรจะให้โอกาส ให้กำลังใจแก่พวกเขาบ้าง
กลุ่มบุคคลที่น่าเห็นใจอีกกลุ่มก็คือ บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้คุมทั้งหลาย ที่ทำงานไม่ต่างจากการติดคุก วันๆ ไม่มีโอกาสจะติดต่อญาติขณะทำงาน เพราะเครื่องมือสื่อสารไม่สามารถพกพาเข้าไปที่ทำงานได้

อีกทั้งอาหารการกินก็ไม่สามารถเลือกกินตามที่ตนเองต้องการ ขึ้นอยู่กับเรือนจำจัดให้ ยิ่งเวลาเข้าเวร บางคนอาทิตย์หนึ่งเข้าเวร ๓-๔ วัน แทบไม่ได้เห็นหน้าลูกเมีย พวกเขามีชีวิตไม่ต่างจากคนติดคุกเหมือนกัน

การที่โลกภายนอกมองเข้าไปในคุก ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะเอาแต่จับผิดโดยไม่คิดที่จะมองด้วยความเข้าใจ ผลสุดท้ายความซวยก็จะเกิดขึ้นกับคน ๒ กลุ่มในคุก คือ เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง

หากสังคมและกลุ่มบุคคลบางกลุ่มยังจ้องที่จะจับผิดเช่นนี้ พวกเขาจะมีชีวิตเดินไปข้างหน้าและทำประโยชน์ให้แผ่นดินได้อย่างไร

ที่เขียนบอกเล่าบรรยาย มาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายมองโลก มองชีวิตด้วยความเป็นธรรม มีเมตตาให้โอกาสต่อกัน ไม่ใช่มองด้วยการจับผิด

พุทธะอิสระ

ภาพจาก sanook.com, najanewsupdate.com, คมชัดลึก