วันพุธ, ธันวาคม 05, 2561

ข้อสังเกต การคัดค้านการขึ้นภาษีน้ำมัน ของผู้ประท้วงเสื้อกั๊กเหลือง...





จาก #น้ำผึ้งหยดเดียว การคัดค้านการขึ้นภาษีน้ำมันเพื่อโลกร้อน ลุกลามมาเป็น “สงคราม” ระหว่างชนชั้น การระบายความอัดอั้นตันใจของ “The Other France” ภาคชนบทที่เห็นว่าถูกเลือกปฏิบัติจากคนในเมืองกรุง #YellowVestเป็นขบวนการสามัญชนที่ไร้หัว ไร้แกนนำ แต่ทรงพลังอย่างมาก และเกือบ 80% ของคนฝรั่งเศสเห็นด้วยกับการประท้วงครั้งนี้ ทำไม?

จลาจลซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไปสองคน เจ็บกว่า 500 และสาหัสอีกเกือบยี่สิบ รถถูกเผาเป็นร้อย อาคารบ้านเรือนถูกเผา คนถูกจับไปหลายร้อย เริ่มจากความไม่พอใจการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล มีการทำ “online petition” ช่วงซัมเมอร์ คนลงชื่อหลายแสน แต่รบ.ไม่ฟัง และเกิดจากพลังโซเชียลของคนธรรมดา เซลฟีวิดีโอของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจากภาคตะวันตกของฝรั่งเศส Jacline Mouraud คุณแม่ลูกสามวัย 51 ปี นักเล่นแอคคอร์เดียน วิดีโอความยาว 5 นาทีของเธอที่ถ่ายเองที่บ้าน ไม่มีการจัดฉาก ไม่มีสคริปต์ แต่มียอดวิวกว่า 6 ล้าน (https://goo.gl/UKfo4k)

ในวิดีโอ เธอประณามมาครง ซึ่งเคยเป็นประธานาธิบดีที่popular มาก ๆ แต่ตอนนี้เป็น “president of the rich”ที่รังแกคนจน เธอยกตัวอย่างผู้สูงวัยที่ไม่มีเงินเหลือพอจะซื้ออาหารหลังวันที่ 10 ของเดือน และอยู่ระหว่างรอความตาย เธอพูดถึงแม่ลูกสองวัย 36 ปีที่มีเงินเดือนแค่ 515 ยูโร และพูดถึงตัวเองที่ซื้อรถ SUV เมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยที่รัฐบาลสนับสนุนรถยนต์ดีเซล แต่ตอนนี้จะมาเปลี่ยนเป็นสนับสนุนรถไฟฟ้า แต่เธอบอกว่าด้วยเงินเดือนอที่เธอมีอยู่ เธอไม่สามารถซื้อรถใหม่ (แม้จะมีเงินอุดหนุนจากรัฐได้) เธอพูดถึง "Parisian elites" “ชนชั้นอำมาตย์ที่ปารีส” ซึ่งไม่เข้าใจปัญหาของคนส่วนใหญ่ของฝรั่งเศส (http://f24.my/40P0.T) และต่อมามีการเชิญชวนให้คนใส่เสื้อกั๊กเหลือง ถ่ายวิดีโอเซลฟีแบบเดียวกัน เพื่อประท้วง หลายคนที่สวมเสื้อกั๊กเหลือง ไม่เคยชุมนุมทางการเมืองมาก่อนเลย (https://nyti.ms/2DVNxJm)

#YellowVest จึงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยาก เพราะเป็นการรวมกลุ่มที่ไม่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่มีแกนนำชัดเจน จัดตั้งกันผ่านโซเชียลมีเดีย

Le Figaro สำรวจความเห็นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่า 77% เห็นว่า การประท้วงครั้งนี้ชอบธรรม สวนทางกับคะแนนนิยมของมาครงที่เหลือไม่ถึง 30% เห็นว่ามีความพยายามนัดเจรจากันตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยตัวแทนผู้ชุมนุมขอให้ถ่ายทอดการเจรจาผ่านโซเชียลมีเดีย แต่รัฐบาลไม่ยอม การเจรจาเลยล่มไป มาครงที่กลับจากบัวโนสไอเรส สั่งให้เจรจามาใหม่หลังการจลาจลอีกครั้ง ยังไม่ชัดเจนว่าจะลงเอยกันได้มั้ย เพราะเงื่อนไขแรกของผู้ชุมนุมคือ ต้องชะลอการขึ้นภาษีไปก่อน แต่ดูเหมือนมาครงจะไม่รับเงื่อนไขนี้
https://www.theguardian.com/world/2018/nov/23/frances-gilets-jaunes-leave-macron-feeling-decidely-off-colour
https://twitter.com/FRANCE24/status/1068167285616140291


Pipob Udomittipong

...

Nouy Ruchira ข้อสังเกตสิ่งแรก !! มีสองกลุ่มที่ต้องแยกแยะ คือ
1.ผู้ประท้วงเสื้อกั๊ก ปชช ที่ไม่พอใจเรื่อง ค่าครองชีพสูง ประท้วงแบบตามครรลองปกติ.
2. พวกแว้น ที่สวมรอยมาเป็นเสื้อกั๊ก เผารถ ก่อความวุ่นวายที่เห็นในทีวี
3. Jacline Mouroud ประวัติจริงของเธอ คือ เป็นหมอดู ชำนาญการปลุกปั่นคนด้วยการใช้คำพูดเกลียดชัง สร้างความสับสนต่อข้อเท็จจริง ไม่ต้องไปให้เครดิตนาง อีกอย่าง นางเสนอตัวเอง เป็น”ตัวแทนเสื้อกั๊ก” ในการเจรจากับมาครง ซึ่งกลุ่มคนเสื้อกั๊ก ก้องง และ ไม่เห็นด้วยกับ การเสนอตัวของนาง ใครเลือกหล่อนยะ
4. ISF หรือ Wealth Tax : มาครงได้ยกเว้นภาษีคนรวยเมื่อได้เป็นปธน ใหม่ๆ ทำให้เป็นสิ่งตอกย้ำ ต่อ ปชช ถึงการเลือกปฏิบัติ ปกป้องเศรษฐี ทำไมไม่ไปเก็บภาษีกับคนที่รวยมากๆ เป็นต้น
5. รถยนต์ที่ใช้ดิเซลนั้น ราคาต่ำกว่าชนิดอื่น ที่สำคัญ คือ ปล่อยไอเสีย ละอองมลพิษที่เล็กมาก (Nanoparticle) มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศและโรคต่างๆที่รู้กันดี ฝรั่งเศสต้องการมีนโยบายจริงจังในเรื่องสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องเริ่มผลักดันประเทศไปสู่พลังงานชนิดอื่นๆในระบบขนส่งมวลชน
6. สิ่งที่ทุกคนลืมกันหมด คือ ถึงแม้ว่าค่าครองชีพสูงขึ้น เกิดความจนที่หลบซ่อนของชนชั้นกลาง แต่อย่าลืมไปว่า ฝรั่งเศสมีรัฐสวัสดิการที่ดีมาก ประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานหาหมอทั่วไปฟรี คลอดลูกฟรี ค่ายาในโรคเรื้อรังที่ราคาสูงหลายตัวก้อฟรี โรงเรียนรัฐบาลเรียนฟรีจนถึง 16ปี ( ฝรั่งเศสเป็นประเทศเดียวในโลก ที่โรงเรียนอนุบาลรัฐบาลเข้าเรียนฟรี ( 3-6 ขวบ )

สรุป คือ ก้อเหมือนกับการมองน้ำในแก้ว มองในส่วนน้ำเต็ม หรือ ส่วนที่ไม่มีน้ำ
คนฝรั่งเศสนอกจากจะมี Critical thinking สูง และให้ความสำคัญอย่างมากต่อสิทธิเสรีภาพของตนเอง มักไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ดีๆ ที่ประเทศอื่นๆในโลกไม่มีกัน ภาวะค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจไม่ดี ก็เป็นวิกฤตทั่วโลก จะซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลางไปจนถึงเมื่อไหร่กัน น้ำมันดิบวันนึงมันก้อจะหมดไป ควรหาพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน และ ทำให้สิ่งแวดล้อมมันไม่แย่ลงไปกว่านี้ต่อจากนี้อีก 20-30 ปี ลูกหลาน เหลน จะอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อมและ ใช้พลังงานแบบไหน ในการดำรงชีวิต คิดเอากันเอง