วันศุกร์, พฤศจิกายน 02, 2561

ลางร้าย 'taboo' อาเซียน ประยุทธเป็นประธานปลายปีนี้ เป็นนายกฯ ไทยอีกทีกลางปีหน้า :นิเคอิรีวิว

ประยุทธ์อาจจะต้องเลือกเอาระหว่างเป็นประธานอาเซียนซัมมิต ปลายปีนี้ หรือจะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง กลางปีหน้า แหล่งข่าววงการทูตในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งข้อสังเกตุ

บทความของ นิเคอิรีวิวเมื่อกลางอาทิตย์กล่าวถึงการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยที่จะจัดขึ้นในต้นปีหน้าตามคำมั่นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่มาจากการยึดอำนาจ ว่าจะเป็นการลบล้างกฏเหล็กอย่างหนึ่งของกลุ่มประเทศอาเซียน ที่ยึดถือกันโดยไม่มีลายลักษณ์อักษรมาเป็นเวลา ๕๐ ปี

ว่าประเทศใดที่ได้เป็นประธานองค์การระหว่างประเทศของภูมิภาคนี้ ตามระบบผัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปคนละปี จะไม่จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นในปีนั้นๆ เชื่อกันว่ามิฉะนั้นจะเป็นลางร้ายต่อความมั่นคงของประเทศดังกล่าว

มาร์วาน มาแคน มาร์คาร์ ผู้เขียนบทความยกตัวอย่างเหตุความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อปี ๒๕๕๒ เมื่อประเทศไทยเป็นผู้จัดประชุมสุดยอดอาเซียนในเดือนเมษายนที่พัทยา มีฝูงชนเสื้อแดงไปประท้วงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นเจ้าภาพ แล้วมีกลุ่มต่อต้านใส่เสื้อน้ำเงินจัดโดยนายเนวิน ชิดชอบ ใช้กำลังเข้าขัดขวางเกิดความรุนแรงจนต้องยุติการประชุมกลางคัน

ผู้เขียนอ้างแหล่งข่าวทางการทูตในกรุงเทพฯ ว่า “การเลือกตั้งในปีหน้ามีทางทำให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นได้” โดยจะมีความตึงเครียดทางการเมืองทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ทั้งนี้ประยุทธ์ได้วางตัวเองที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ให้โอกาสเขาได้รับการเสนอชื่อสู่ตำแหน่ง

บทความทายทักด้วยว่าประวัติศาสตร์อาจจะไม่เข้าข้างประยุทธ์ จากกรณีของนักรัฐประหารไทยอีกคนในอดีต พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผบ.ทบ. ในปี ๒๕๓๔ ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน รัฐบาลอายุสั้นของสุจินดาสิ้นสุดลงด้วยความรุนแรงในปีต่อมา

“มีคนตายจำนวนมาก” ดันแคน แม็คคาร์โก ศาสตราจารย์ทางรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยลีดส์ ประเทศอังกฤษกล่าวถึงในการสัมมนาในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนนี้เอง “ผมหวังว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยความมืดมนเช่นนั้นอีก”

แม้ว่าสุจินดาอยู่ในอำนาจได้เพียง ๔๘ วัน เพราะการประท้วงต่อต้านเกิดขึ้นแล้วทหารใช้ความรุนแรงเข้าจัดการ “ผมช่วยไม่ได้ที่มีความรู้สึกว่าจะเกิด เดจาวู ซ้ำรอยเดิมอีก เมื่อเห็นมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ”

ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายนนี้ สิงคโปร์จะส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียน ๑ ปีให้แก่ไทย ประยุทธ์จะได้เพิ่มรายการผลงาน “กลางเวทีกลางไฟ” ของเขาอีกอย่างหนึ่งในทางกิจการระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก แต่บทความในจาร์กาต้าโพสต์เมื่อเดือนกรกฎาคมถามว่า “อินโดนีเซียจะยอมให้เกิดขึ้นละหรือ”

ผุสดี สันติพิทักษ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศบอกกับนิเคอิว่าประเทศไทยเตรียมพร้อมที่จะรับเกียรติอันนี้ “ไม่ได้มีกฏเกณฑ์อะไรกำหนดไว้แน่นอน ดำหรือขาวเกี่ยวกับการที่ประเทศซึ่งเป็นประธานอาเซียนจะจัดการเลือกตั้งขึ้นในปีนั้นหรือไม่” เธอชี้ว่าถึงอย่างไรทางกระทรวงก็เตรียมการไว้พร้อมสรรพแล้วไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลใหม่

กำหนดเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ น่าจะทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ทันให้ประเทศไทยสามารถจัดประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งแรกในเดือนเมษายน ตามธรรมเนียมปฏิบัติปกติ ที่ประเทศเจ้าภาพต้องจัดประชุมขึ้นสองครั้ง “แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพจะกำหนดวันไหนก็ได้” ผุสดีอ้าง

แหล่งข่าวในกระทรวงต่างประเทศไทยให้ความเห็นว่าอาจจะมีการเลื่อนประชุมอาเซียนครั้งแรกในปีหน้าไปเป็นเดือนมิถุนายน และ “อาจจะจัดในกรุงเทพฯ” ผุสดีย้ำ ทว่าหากมีการเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีกครั้ง จากกุมภาพันธ์เป็นพฤษภาคมหลังจากที่ประยุทธ์เคยเลื่อนมาแล้ว ๕ ครั้ง “ทุกๆ อย่างจะต้องเลื่อนตามไปหมด”

ประเด็นการเลื่อนเลือกตั้งนี้เอง ที่สื่อต่างประเทศ เช่น นิเคอิ ไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย “ใครเล่าจะเพ้อพกว่าการเลือกตั้งของไทยทำให้แผนงานอาเซียนต้องปรับเปลี่ยนไปหมดได้” แหล่งข่าวทางการทูตของนิเคอิคนนั้นพูดอย่างแม่นมั่นว่า

(ในประเทศไทย) “อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”

(https://asia.nikkei.com/Politics/International-Relations/ASEAN-frets-over-election-disrupting-Thailand-s-bloc-chairmanship)