วันพุธ, พฤศจิกายน 21, 2561

มาเป็นพวง นวัตกรรมใหม่ 'ส่งตรง’ แจกแถมก่อนเลือกตั้ง


ไม่ได้ ลดมีแต่เพิ่ม ไม่ต้อง แลกเพราะ แจกฟรี แล้วยัง แถมให้ใช้ฉลองปีใหม่คนละห้าร้อย นี่ละพลังไทยนิยมประชารัฐของรัฐบาลคณะรัฐประหาร มาเร่งทำกันตอนปลายๆ อีกสองสามเดือนจะเลือกตั้ง

วงเงินทั้งสิ้นกว่าแสนล้านบาท ควักจากเงินก้นถุงในคลัง ทั้งที่ “เศรษฐกิจไตรมาส ๓ วูบเกินคาด” ขนาดแบ๊งค์ชาติเองยังมึน แล้วไหงหัวหน้าใหญ่ดันสอนชาวบ้าน “การแก้ปัญหาความยากจนให้ยั่งยืนนั้นสิ่งสำคัญคือตัวตนประชาชนเอง ทุกคนควรยึดวิถีพอเพียง” ล่ะ
 
ครม.เคาะแล้วเมื่อ ๒๐ พ.ย. มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย๔ อย่าง รวมทั้งสิ้น ๑๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ได้แก่ ช่วยออกค่าน้ำค่าไฟครัวเรือนที่ถือบัตรสวัสดิการ ๘ ล้าน ๒ แสนราย รวมเดือนละ ๓๓๐ บาทต่อครัวเรือน เป็นเวลา ๑๐ เดือนตั้งแต่ธันวานี้ถึงกันยาหน้า

รายการแจกลำดับต่อไปไม่เหมือนรายการแรกที่ต้องใช้เงินในคลัง ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท อันนี้ให้สดๆ คนละ ๕๐๐ บาทแก่ผู้ที่ลงทะเบียนรับสวัสดิการรัฐ ๑๔ ล้านครึ่ง ใช้งบประมาณเพียงเบาะๆ ๗.๒๕ พันล้าน มากกว่ามาตรการอันดับสามเกือบเท่าตัว

มาตรการแจกเงินผู้สูงอายุ (๖๕ ปีขึ้นไป) ที่รายได้น้อยจำนวน ๓ ล้าน ๕ แสนคน คนละ ๑ พันบาท นั้นสิ้นเปลืองเพียง ๓,๕๐๐ ล้านบาทเพราะเป็นการให้ครั้งเดียวจบ ไม่มีอ้อยอิ่ง

ส่วนมาตรการที่สี่ ช่วยค่าเช่าบ้านของ ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยเช่นกัน รายการนี้แม้จะให้ทุกเดือน เดือนละ ๔๐๐ บาทต่อราย แต่เนื่องจากมีผู้เข้าข่ายเพียง ๒ แสน ๓ หมื่นคน ก็เลยใช้เงินดำเนินการเพียง ๙๒๐ ล้านบาท

ยังไม่หมด ไหนๆ แจกพวกคนจนแล้วไม่แจกข้าราชการที่ซื่อสัตย์ก็จะกระไรอยู่ ข้าราชการทหาร ตุลาการ และองค์กรอิสระ ได้รับการขึ้นเงินกันไปแล้วพร้อมหน้าก้ตาม ยังต้องเก็บตกข้าราชการบำนาญด้วย พวกนี้คะแนนเสียงสุดซื่อสัตย์ตรงตามตัวเงิน ฝรั่งว่า ‘Right on the money.’

กรณีนี้ถือเป็นรายการ แถมจากเดิมให้ข้าราชการบำนาญอายุต่ำกว่า ๖๕ ปี ได้ บำเหน็ดดำรงชีพ ๒ แสน และที่เกิน ๖๕ ได้ ๕ แสน ตอนนี้เพิ่มข้าราชการบำนาญที่อายุเกิน ๗๐ ปี ที่มีอยู่ประมาณ ๑๕๙,๐๐๐ ราย ให้คนละ ๕ แสน คำนวณแล้วจะต้องใช้เงินทั้งสิ้น ๒๔,๗๐๐ ล้านบาท

ทั้งหมดนี้อดีต กปปส. โฆษกรัฐบาล คสช. “ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง” ดังที่มีเสียงก่นด่าทั่วหล้าว่า “หวังผลเลือกตั้ง” นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แก้ตัวพัลวันว่าเรื่องนี้พวก คสช.คิดกันไว้นานแล้ว มาลงตัวตอนช่วงสิ้นปีพอดี

 
ข้อสำคัญนี่เป็นนวัตกรรมใหม่ก็ว่าได้ นายพุทธิพงษ์บอก “ซึ่งที่แล้วมายังไม่มีรัฐบาลใดออกนโยบาย ส่งตรงไปยังผู้สูงอายุ” มาก่อนเลย เรื่องแจก-แถมที่ไม่ใช่ประชานิยมนี่น่ะ พวกไพร่ฟ้าหน้าเขียวต้องยกนิ้วโป้งให้กับ คสช.เขานะ

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ แพร่งพรายนวัตกรรม ทุ่มเงินอุ้มชาวสวนยาง ว่า ครม.จะอนุมัติให้ใช้งบกองกลางที่มีเหลืออยู่ ๑ หมื่นล้านบาท แจกชาวสวนยาง ๑ แสน ๔ หมื่นครัวเรือน ในจำนวนมากกว่าเดิมที่ให้ไร่ละ ๑,๕๐๐ บาท

บวกกับโครงการรับซื้อยางในราคา ๓ โลร้อย (ยางก้อนแห้งโลละ ๓๕ บาท ยางสด ๓๗ บาท และยางแผ่นดิบ ๔๐ บาท) นี่แสดงว่าวิกฤตยางหนักหนาสากรรจ์มาก อย่าว่าแต่ราคากิโลละ ๖๐ บาทที่ชาวสวนยางอยากได้ไม่มีทางได้เท่านั้น ขนาด ๓ โลร้อยยังขายไม่ออก ต้องให้ คสช. ตั้งจุดรับซื้อ


ล้วนแต่เรื่องที่ คสช.ถนัดทั้งนั้น ทั้ง ทุ่ม ทั้ง เทแจกแถมโดยไม่หวังคะแนนเสียง แต่มีการซาวเสียงชาวไร่ ชาวนา และชาวบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมวลชนของ กอ.รมน. แล้วได้รับการตอบสนองอย่างดีว่า “แจกเงินอย่างนี้ต้องลงให้เขาสิ”

ปัญหามีอยู่ว่าเงินที่จะแจกเอามาจากไหน ในเมื่อมาตรการแจกแถมนี้ไม่เพียงสองสามเดือนก่อนเลือกตั้ง แต่กำหนดยาวไปถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๒ โน่น แต่รูปการณ์เศรษฐกิจไม่ได้หรูอย่างที่พวกกูรู คสช.คุยโต

สภาพัฒน์เพิ่งเผยตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่สามของปีนี้ ว่าได้เพียง ๓.๓ เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าที่คาดหวังเอาไว้เล็กน้อย แม้ว่าการลงทุนภาคเอกชนและการนำเข้าวัตถุดิบจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การส่งออกและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นปัจจัยหลัก แสดงให้เห็นว่า อ่อนแรง


อย่างนี้ถ้า คสช.ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกก็คงไม่กระไรนัก เพราะใช้พระเดชผสมกับความหน้าด้านทั้งแถและดันไปเรื่อยๆ จะจมปลักอย่างไรไม่มีใครกล้าหือ แต่ถ้าฝั่งประชาธิปไตยพลิกกลับมาเป็นรัฐบาลคงต้องงานหนักหาเงินมาถมแทนส่วนที่ คสช. ถลุงไปเกือบเกลี้ยง

ปุจฉาน่าคิดอยู่ที่ประชาชนที่ได้รับแจกแถมจะตอบแทนเขาด้วนคะแนนเสียง หรือว่าเลือกที่จะนำผู้มีฝีมือเคยมีผลงานกลับมาเช็ดขยะของ คสช. และกู้ความกินดีอยู่ดีให้คืนมา มิฉะนั้นคงได้อยู่กันอย่างสงบเสงี่ยมและท้องกิ่ว รอการแจกแถมระลอกใหม่ที่อาจไม่มา