วันจันทร์, พฤศจิกายน 26, 2561

ช่วงท้ายๆ นี่ “สิ่งดีๆ มันเกิดเยอะ” เช่น สุดารัตน์เฉือนประยุทธ์ โพลนิด้าอยากได้เป็นนายกฯ


โพลนิด้าอาทิตย์ที่แล้ว (ครั้งที่ ๕ ล่าสุด) ถ้าพูดสไตล์ ไอทู้บก็ต้องว่าเรื่อง กระพี้เพราะช่วงท้ายๆ นี่ “สิ่งดีๆ มันเกิดเยอะ” อย่างเช่น

บุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (๑๐ อันดับแรก) พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ ร้อยละ ๒๕.๑๖ ระบุว่าเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) รองลงมา อันดับ ร้อยละ ๒๔.๐๕ ระบุว่าเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ดูผลสำรวจเต็ม ที่ http://nidapoll.nida.ac.th/index.php?op=polls-detail&id=627

ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไรนัก เนื่องจากเฉือนกันแค่เปอร์เซ็นต์กว่าๆ แต่ที่น่าคิดคือตรงตามคำของประยุทธ์ว่าสิ่งดีๆ มันเกิดตอนช่วงท้ายๆ นี่เอง ได้แก่

เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็น แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (๑๐ อันดับแรก) พบว่าส่วนใหญ่ อันดับ ร้อยละ ๓๑.๗๕ ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย อันดับ ร้อยละ ๑๙.๙๒ ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ
โอเค อันนี้ชนะกันเยอะ เป็น ๑๐ เปอร์เซ็นต์  ทั้งๆ ที่พรรคพลังประชารัฐดูดเอาอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปหลายคนแล้ว หากจะบอกว่าเพราะวิชามารอย่างนั้น (ที่ดูดจากพรรคใหญ่ๆ เกือบถ้วนหน้า พท. ปชป. และชาติไทยพัฒนา) ทำให้พลังประชารัฐยังติดอันดับสอง ก็แสดงว่ามาแรงทีเดียว

ครั้นมาถึงประเด็นที่ว่า อยากให้พรรคการเมืองแนวไหนได้เป็นรัฐบาล คำตอบจากตัวอย่าง ๑,๒๐๐ กว่าคนชี้ว่า อยากได้พรรคการเมืองใหม่ๆ ถึง ๖๑.๖๗%เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง มีคนใหม่ ๆ นโยบายใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ เข้ามาบริหารและพัฒนาประเทศ

เทียบกับที่ยังต้องการพรรคการเมืองเก่าๆ เก๋าๆ ได้แค่ ๓๘.๓๓% ห่างกันยี่สิบกว่าแต้ม ไม่น้อยเลย แล้วพรรครุ่นใหม่ที่ติดโพล ไม่อันดับสามก็สี่เสมอๆ ก็คือพรรคอนาคตใหม่ ดังที่คะแนนเกี่ยวกับตัวนายกฯ ที่คนตอบโพลอยากได้เป็นอันดับสาม คือธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เฉือนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสียด้วยคะแนน ๑๔.๕๒ ต่อ ๑๑.๖๗
 
ส่วนคะแนนของพรรคการเมืองซึ่งต้องการให้เป็นรัฐบาลในอันดับสามและสี่ ประชาธิปัตย์ตีกลับมาเป็นที่สาม สลับกับอนาคตใหม่ตกไปเป็นที่สี่ ทว่าคะแนนทิ้งกันแค่เปอร์เซ็นต์เดียว คือ ๑๖.๙๘ ต่อ ๑๕.๖๓ วัดจากความต่างของคะแนน ปชป. เป็นรอง อคม. (คะแนนเฉือน ๑ ต่อ ๓)

ว่าไปแล้วโพลนี้ก็เป็นโพลเดียว ฟันธงตัดสินอะไรยังไม่ได้ แต่ก็ต้องฉุกคิดนิดนึงว่าที่ผ่านๆ มานิด้าโพลมักจะให้ลุงตู๊บคะแนนนำสม่ำเสมอ แล้วไฉนคราวนี้เปลี่ยนไป๊ ถ้าตัวอย่างผู้ถูกตั้งคำถามของนิด้าซ้ำๆ พันกว่าคนเดิมๆ การสุ่มครั้งนี้แสดงว่า มู้ดหรืออารมณ์ร่วมในหมู่ประชาชนของนิด้าเบี่ยงเบน สวิง ไปซะแล้ว

ถ้างั้นลองคิดสาระตะดูอีกทีว่า ที่ประชาชนของนิด้าอารมณเปลี่ยน เพราะมองเห็นว่าประยุทธ์ ไม่แมน และ ไม่แม่น ในทางการเมืองหรือเปล่า คอยแต่ยกตนเองกล่าวหาคนอื่น ทั้งที่ลอกเขามาไม่รู้กี่ดุ้นแล้ว ยังเที่ยวสอนโน่นสอนนี่ให้เขา พัฒนา สำคัญตนเป็นผู้ฉลาด ‘smart ass’ ลงลึก อยู่เรื่อย

เหมือนอย่างตอนที่นักข่าวถามในโอกาสวันสุดท้ายที่นักการเมืองต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง แล้วประยุทธ์ตัดสินใจสังกัดพรรคอะไรหรือยัง ไอทู้บตอบด้านๆ “ให้ไปดูข้อกฎหมาย” พูดภาษาขาโจ๋ คงได้ว่า “เรื่องของกู”


แน่นอนว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบที่รัฐบาล คสช. ของคณะรัฐประหาร มอบหมายให้บรรดากรรมการที่ตนตั้งทำการร่างออกมา โดย ดีไซน์ ให้เป็นประโยชน์แก่พวกตนได้ครองอำนาจกันต่อไปยาวๆ เป็น ๒๐ ปี เป็น ข้อกฎหมาย ที่เอาเปรียบและขาดหลักนิติธรรม

มิหนำซ้ำแนวปฏิบัติในการพูดอ้างหลักการต่างๆ อย่างบิดเบือนให้กลับกลายเป็นประโยชน์แก่ตน ซึ่งคน คสช.ใช้กันมาตลอดสี่ห้าปี เดี๋ยวนี้ระบาดไปถึงบรรดาลูกไล่และลิ่วล้อ ดังที่ผู้ว่าธนาคารชาติพูดถึงแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้ในช่วงต่อไป เชื่อว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจของไทยต่อจากนี้มากนักวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่าต้นปีหน้าจะยุตินโยบายกดอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำๆ เสียที

แต่ว่าเขาเผลอ หรือไม่ก็ คสช.ใจปล้ำยอมให้พูดได้ว่า โดยเฉพาะเมื่อพูดว่าเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัว % ต้น ๆ และปีหน้าอยู่ที่ % ปลาย ๆ หรือ % ต้น ๆ” เป็นการยอมรับสภาพเศรษฐกิจตรงข้ามกับที่ประยุทธ์คุยโวไว้บ่อยๆ

กระทั่งมือลอกฯโยบายเศรษฐกิจให้ คสช. อย่าง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังหลุดว่า “ช่วงสองเดือนสุดท้ายที่เหลือต้องผลักดันการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายให้ได้ การท่องเที่ยวต้องประคองให้ฟื้น การใช้จ่ายของรัฐต้องเร่งรัด

ไตรมาส ถ้าโตได้สัก .% จีดีพีปีนี้ก็ยืนอยู่เหนือ % ได้แล้ว แต่ถ้าเกินกว่านั้นก็โตได้ % กว่า” ลุ้นกันขาโก่งกับไอ้ตัวเลขจีดีพีนี่ละ เสร็จแล้ว กูเลียน(แบบ) ของรัฐบาล คสช. พูดถึงรายการแจกแถมส่งท้ายปีเก่าของ คสช.

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ” ที่ถลุงกันเป็นแสนๆ ล้านนี่นะ 

แล้วอย่างนั้นเพื่ออะไร “ก็สู้กันต่อไปให้จีดีพียืนเหนือ % ให้ได้” แค่นั้นเอง เศรษฐกิจของชาติ ปากท้องของประชาชน ต้องอดทนสู้เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ทั่นรองฯ พอใจแค่นั้น