วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 15, 2561

อื้อหือ ตำรวจไทยยุค คสช. ไม้ใกล้ฝั่ง เดี๋ยวนี้หันมาเอาดังทาง ‘ไฮเท็ค’


อื้อหือ ตำรวจไทยยุค คสช. ไม้ใกล้ฝั่ง เดี๋ยวนี้หันมาเอาดังทาง ไฮเท็ค เมื่อ สภ.เชียงใหม่ บุก จับ-ยึดแหลก อาชญากรรมทางไซเบอร์ชนิดสุดยอด ต้องเร่งจัดการ ไม่ว่า มือถือ หนุ่มยามโหลดคลิปโป๊เอ๊าะๆ ไว้ชักว่าว หรือคอมพิวเตอร์แกนนำขอคืนพื้นที่ ป่าแหว่ง ดอยสุเทพ

แต่เรื่อง ฮ้าร์ดแวร์ของหนัก อย่างกรณีซื้อเครื่องยนต์ โรลสรอยซ์ ใส่เรือบินโบอิ้ง ๗๗๗ ของการบินไทยมีเลศนัยรับสินบน หรือที่กองทัพบกซื้อ ฮอรัสเซียแบบ จีทูจี แต่มีบริษัทเอกชนนายหน้าร่วมเซ็นสัญญา ก็น่าสงสัยมีส่วนต่างเงินทอนหรือเปล่า

ทว่าทั่นหัวหน้าใหญ่คณะรัฐประหารที่กำลังจะต่อเนื่องอำนาจด้วยการจัดเลือกตั้ง ทำ ไม่รู้ไม่ชี้ ปรี่ไปยืนยิ้มย่องจับมือกับ ปูติน หลังจากที่ไปยืนหงอยเด่อด๋าในการชุมนุมผู้นำนานาชาติ โอกาสครบร้อยปีสงครามโลกที่ยุโรป

ต่อการที่กองทัพบกจัดซื้อเครื่องเฮลิค้อปเตอร์รุ่น MI-17 V-5 จากรัสเซีย มูลค่ากว่า ๑,๕๐๐ ล้านบาท ไม่รวมภาษีต่างๆ ลงนามกันแล้วเรียบร้อยเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่เป็นข่าวตั้งแง่สงสัยว่าทั้งที่การจัดซื้อครั้งนี้เป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ไหงมีบริษัทเอกชนไปร่วมในการลงนามด้วย

สำนักข่าวอิศราจี้ถามกรมการขนส่งทางบกของ ทบ. ได้คำตอบว่า บริษัทนายหน้าค้าอาวุธที่มีผู้บริหารไปร่วมเซ็นสัญญาซื้อ ฮ.สองลำจากรัสเซียนั้น เป็นตัวแทนที่ทางรัสเซียแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ประสานการขายเฮลิค้อปเตอรืแก่รัฐบาลทหารไทยครั้งนี้

เจ้ากรมการขนส่งทางบกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล คสช.ไปตกลงซื้อ ฮ. ครั้งนี้อ้างว่า ตัวแทนบริษัทเอกชนที่ร่วมคณะจัดซื้อดังกล่าวให้ความช่วยเหลือจัดล่ามในการเจรจากับทางรัสเซีย


น่าเสียดายที่เมื่อตอนตัวหัวหน้าใหญ่ คสช. ไปร่วมชุมนุมผู้นำที่ยุโรป ไม่ได้มีตัวแทนเอกชนร่วมไปด้วยเหมือนทีมทัพบกไปรัสเซีย มิฉะนั้นทั่นผู้นัมพ์ไทยจะไม่ต้องไปยืนเซ่อซ่า และที่ปรึกษาคงไม่ได้ปล่อยไก่อ้างจำนวนประเทศยุโรปเว่อเกินไปเท่าตัว

อีกเรื่องเกี่ยวกับการบินไทยถูกอ้างชื่อว่ารับสินบนจากบริษัทโรลสรอยซ์ของอังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๓๔ ถึง ๒๕๔๘ เป็นเงินราว ๑,๒๒๓ ล้านบาท ในการขายเครื่องยนต์แบบ Trent 800 สำหรับติดตั้งในเรือบินโบอิ้งรุ่น ๗๗๗ เป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลกเมื่อต้นปีที่แล้ว

มาถึงขณะนี้เรื่องยังเงียบเป็นเป่าสาก ทำให้องค์การต่อต้านคอรัปชั่น ชุดของนายประมนต์ สุธีวงศ์ ที่เรียกชื่อย่อองค์กรว่า ACT อดรนทนไม่ไหว เร่งทำหนังสือถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานการบินไทย เร่ง“สอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษและชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น”


นัยว่า อาจจะเจอ “อดีตผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ทางการ และอดีตรัฐมนตรีของไทย” ในรัฐบาลยุคก่อนๆ โดยเฉพาะชุดที่ถูกรัฐประหารเมื่อปี ๒๕๔๙ ติดร่างแหอยู่ด้วยก็ว่าไป แต่ที่นิ่งมาขนาดนี้น่าจะเพราะมีรัฐบาลชุดอื่นเกี่ยวพันเงื่อนงำอยู่ด้วย

ที่ไม่นิ่งเมื่อวานนี้เองก็นี่ไง กองกำกับการไซเบอร์ของตำหวดไทยออกลุยใหญ่ ภัยต่อความมั่นคงในโลกเสมือนจริง ‘virtual reality’ อย่างกรณีที่องค์กรชาวบ้านปกป้องสิ่งแวดล้อมต่อต้านการลุกล้ำธรรมชาติดอยสุเทพ ออกมาคัดค้านหมู่บ้านจัดสรรของตุลาการบุกรุกเขตอนุรักษ์จนเป็น ป่าแหว่ง 
ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ไม่ลดละตามกัดแกนนำองค์กร ยกกำลังชุดสืบสวนกว่า ๑๐ คน นำหมายศาล “เข้าค้นบ้านพักของนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ...โดยเจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบ”

ขณะเม้าท์ข่าวนี้ยังไม่ทราบแน่ว่าตำรวจจะตั้งข้อหาอะไรกับ “แกนนำต่อต้านโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ” ผู้นี้ เชื่อว่าอาจจะเป็นความผิดทางคอมพิวเตอร์ “หมิ่นประมาทและโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ” ที่ คสช.มักใช้ในการกดดันฝ่ายต่อต้านรัฐประหาร


เก๋กว่านั้น ในวันเดียวกัน (๑๔ พ.ย.) ตำรวจไฮเท็คผสานกำลังกับ ผกก.สภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ “บุกเข้าจับกุมตัวนายยุ้ม เคอ อายุ ๒๑ ปี ชาวเมียนมา พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ ๑ เครื่อง และซิมการ์ด ๒ อัน ในข้อหามีสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในครอบครอง”

ข่าวว่าการจับกุมอันเลื่องลือระบือลั่นครั้งนี้เนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ได้เครื่องมือใหม่ชนิดพิเศษมาใช้ ที่เรียกว่า Cellebrite’ “สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลในอุปกรณ์หรือโทรศัพท์มือถือได้” จึงทำให้ตรวจพบว่ามีการโหลดคลิปโป๊เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปีมาดูกัน

เป้าหมายของปฏิบัติการสำคัญคราวนี้เป็นยามประจำป้อมนายหนึ่งที่หางดง เชียงใหม่ จับได้คาหนังคาคลิปวาบหวิวเต็มเครื่อง เจ้าตัวรับสารภาพว่าโหลดมาเก็บไว้ดู กระตุ้นอารมณ์ ตอนช่วยตัวเองเวลาไปสนามหลวง พร้อมกับโอด “ไม่คิดว่าจะผิดกฏหมาย”

 
โธ่ถัง น้องยามนี่ถ้านายไปดูรูป น้องแนนสะพานชลแทน เหมือนบรรดาขาเจ๋งออนไลน์ เสียก็คงไม่ต้องซังเตอย่างนี้