https://www.facebook.com/BaitongHangOnAir/videos/286248538559489/
พรรคการเมืองอะไรเอ่ย จะได้ ส.ส.มากที่สุดในสภา แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แกนนำพรรคไม่ได้เข้าสภามาซักคน
โดยระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม คาดกันว่าเพื่อไทย ซึ่งเคยมี ส.ส.เขต 204 คน 15.7 ล้านเสียงเมื่อปี 54 (ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 35 ล้าน หักบัตรเสียโหวตโนเหลือ 32 ล้าน)
จะได้ ส.ส.เขต 190-200 คน ที่แต่ละคนชนะด้วยคะแนน 5 หมื่นซะเป็นส่วนใหญ่ (เพราะคู่แข่งเยอะขึ้น) คะแนนเดิม 15.7 ล้าน หักพรรคประชาชาติ หักคนเลือกอนาคตใหม่ อาจเหลือ 14-15 ล้าน
ในขณะที่คนใช้สิทธิอาจมากขึ้น ถึง 40 ล้าน ตามระบบนี้ ถ้ามีคนไปใช้สิทธิ (หักบัตรเสียโหวตโน) 35 ล้าน ส.ส.ทั้งสภา 500 คน ก็คือ 70,000 คะแนนได้ ส.ส.1 คน ประเมินว่า อาจเยอะกว่านั้นคือ ต้อง 7.5 หมื่น หรือถ้าคนล้นหลามอาจต้อง 80,000
จึงมีโอกาสสูงมาก ที่พรรคเพื่อไทย จะได้ ส.ส.เขต มากกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงได้ เมื่อคำนวณจากคะแนนทั้งประเทศ คือเอาคะแนนรวมกันแล้วหาร 70,000-75,000-80,000 อาจได้ ส.ส.แค่ 180-190 แต่ได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 190-200 ฉะนั้น ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้เลย หรือไม่ก็สูสีกัน หรืออาจได้แค่ 4-5 คน
คราวนี้ พอใช้ทฤษฎีคณิตศาสตร์ ก่อกำเนิดพรรค B (พรรคลูกเจี๊ยบนั่นละ) ซึ่งสมมตินะ สมมติ ถ้าแยกกันแบบเนียะ เพื่อไทยส่งจริงจัง 220 เขตที่เป็นเกรด A เกรด A- ที่เหลือ 130 เขตให้พรรคลูกเจี๊ยบลง (อาจส่งคนขับรถลงทับกันบ้าง ไม่ให้พวกหาว่าฮั้วกัน) ยกตัวอย่างภาคใต้ ครั้งที่แล้วเพื่อไทยได้เขตละ 5-6 พัน เขตละหมื่น แต่รวมกัน 45 เขตไม่นับ 3 จังหวัด (ยกให้ประชาชาติ) ก็ได้ 5-6 แสน นั่นได้ ส.ส.7-8 คนนะครับ (สุธรรมได้เป็น ส.ส.เลย อิอิ)
ถ้าทำได้จริงนะ (ตอนนี้เท่าที่รู้ พวกผู้สมัครก็ไม่เต็มใจ ถึงแพ้ก็อยากแพ้ในนามเพื่อไทย ยังสับสนอลหม่านกันอยู่ ไม่ใช่สั่งได้หมด) โอกาสได้ปาร์ตี้ลิสต์ของเพื่อไทย ยิ่งเท่ากับศูนย์ตัวโตๆ
แปลว่าอะไร แปลว่าเจ๊หน่อย พี่อ๋อย ชัชชาติ (สมมติว่าเป็น 3 แคนดิเดท) วัฒนา พงศ์เทพ ณัฐวุฒิ ฯลฯ จะไม่ได้เป็น ส.ส.ซักคน
เพื่อไทยอาจได้ ส.ส.190 คน พรรคลูกเจี๊ยบ 30 คน (ตีซะว่า 2 ล้านกว่าคะแนน แต่ต้องเคลียร์ไม่ให้มวลชนสับสนนะ) ถ้าเป็นรัฐบาล ก็เป็นรัฐมนตรีกันไป แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ผู้นำฝ่ายค้านอาจจะเป็นประยุทธ์ ศิริพานิชย์ หรือสามารถ แก้วมีชัย เพราะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่เหลือแล้ว
นี่เป็น dilemma จริงๆ เพราะแกนนำที่มีแบรนด์เนม จะให้ย้ายไปก็ไม่ได้ สมมติณัฐวุฒิย้ายไปอยู่พรรคลูกเจี๊ยบ มวลชนเสื้อแดงก็จะงง ณัฐวุฒิไม่อยู่ เราจะยังเลือกเพื่อไทยไหม หรือเลือกเพื่อชาติดีกว่า เพราะของมันไม่ใช่ใช้โทรโข่งตะโกนบอกกันดังๆได้ ในแง่ภาพลักษณ์ก็ปั่นป่วนวุ่นวาย ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวพี่อ๋อยจะไปก็เหมือนกัน ไปได้ไง จาตุรนต์เป็น 1 ในแบรนด์ของเพื่อไทย เลือกตั้งไม่ใช่ใช้เจ๊พาลูกสาวเดินอย่างเดียว มันต้องมีเวทีดีเบต เวทีนโยบาย การแสดงจุดยืนประชาธิปไตย ซึ่งคนอื่นแทนได้ยาก
Atukkit Sawangsuk
จะได้ ส.ส.เขต 190-200 คน ที่แต่ละคนชนะด้วยคะแนน 5 หมื่นซะเป็นส่วนใหญ่ (เพราะคู่แข่งเยอะขึ้น) คะแนนเดิม 15.7 ล้าน หักพรรคประชาชาติ หักคนเลือกอนาคตใหม่ อาจเหลือ 14-15 ล้าน
ในขณะที่คนใช้สิทธิอาจมากขึ้น ถึง 40 ล้าน ตามระบบนี้ ถ้ามีคนไปใช้สิทธิ (หักบัตรเสียโหวตโน) 35 ล้าน ส.ส.ทั้งสภา 500 คน ก็คือ 70,000 คะแนนได้ ส.ส.1 คน ประเมินว่า อาจเยอะกว่านั้นคือ ต้อง 7.5 หมื่น หรือถ้าคนล้นหลามอาจต้อง 80,000
จึงมีโอกาสสูงมาก ที่พรรคเพื่อไทย จะได้ ส.ส.เขต มากกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงได้ เมื่อคำนวณจากคะแนนทั้งประเทศ คือเอาคะแนนรวมกันแล้วหาร 70,000-75,000-80,000 อาจได้ ส.ส.แค่ 180-190 แต่ได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 190-200 ฉะนั้น ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้เลย หรือไม่ก็สูสีกัน หรืออาจได้แค่ 4-5 คน
คราวนี้ พอใช้ทฤษฎีคณิตศาสตร์ ก่อกำเนิดพรรค B (พรรคลูกเจี๊ยบนั่นละ) ซึ่งสมมตินะ สมมติ ถ้าแยกกันแบบเนียะ เพื่อไทยส่งจริงจัง 220 เขตที่เป็นเกรด A เกรด A- ที่เหลือ 130 เขตให้พรรคลูกเจี๊ยบลง (อาจส่งคนขับรถลงทับกันบ้าง ไม่ให้พวกหาว่าฮั้วกัน) ยกตัวอย่างภาคใต้ ครั้งที่แล้วเพื่อไทยได้เขตละ 5-6 พัน เขตละหมื่น แต่รวมกัน 45 เขตไม่นับ 3 จังหวัด (ยกให้ประชาชาติ) ก็ได้ 5-6 แสน นั่นได้ ส.ส.7-8 คนนะครับ (สุธรรมได้เป็น ส.ส.เลย อิอิ)
ถ้าทำได้จริงนะ (ตอนนี้เท่าที่รู้ พวกผู้สมัครก็ไม่เต็มใจ ถึงแพ้ก็อยากแพ้ในนามเพื่อไทย ยังสับสนอลหม่านกันอยู่ ไม่ใช่สั่งได้หมด) โอกาสได้ปาร์ตี้ลิสต์ของเพื่อไทย ยิ่งเท่ากับศูนย์ตัวโตๆ
แปลว่าอะไร แปลว่าเจ๊หน่อย พี่อ๋อย ชัชชาติ (สมมติว่าเป็น 3 แคนดิเดท) วัฒนา พงศ์เทพ ณัฐวุฒิ ฯลฯ จะไม่ได้เป็น ส.ส.ซักคน
เพื่อไทยอาจได้ ส.ส.190 คน พรรคลูกเจี๊ยบ 30 คน (ตีซะว่า 2 ล้านกว่าคะแนน แต่ต้องเคลียร์ไม่ให้มวลชนสับสนนะ) ถ้าเป็นรัฐบาล ก็เป็นรัฐมนตรีกันไป แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ผู้นำฝ่ายค้านอาจจะเป็นประยุทธ์ ศิริพานิชย์ หรือสามารถ แก้วมีชัย เพราะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่เหลือแล้ว
นี่เป็น dilemma จริงๆ เพราะแกนนำที่มีแบรนด์เนม จะให้ย้ายไปก็ไม่ได้ สมมติณัฐวุฒิย้ายไปอยู่พรรคลูกเจี๊ยบ มวลชนเสื้อแดงก็จะงง ณัฐวุฒิไม่อยู่ เราจะยังเลือกเพื่อไทยไหม หรือเลือกเพื่อชาติดีกว่า เพราะของมันไม่ใช่ใช้โทรโข่งตะโกนบอกกันดังๆได้ ในแง่ภาพลักษณ์ก็ปั่นป่วนวุ่นวาย ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวพี่อ๋อยจะไปก็เหมือนกัน ไปได้ไง จาตุรนต์เป็น 1 ในแบรนด์ของเพื่อไทย เลือกตั้งไม่ใช่ใช้เจ๊พาลูกสาวเดินอย่างเดียว มันต้องมีเวทีดีเบต เวทีนโยบาย การแสดงจุดยืนประชาธิปไตย ซึ่งคนอื่นแทนได้ยาก
Atukkit Sawangsuk