วันจันทร์, พฤศจิกายน 05, 2561

คนใต้(คนตรัง) เริ่มตาสว่างแล้ว บ่นเอือมระอาพรรคประชาวิบัติกันเป็นทิวแถว




ที่มา FB
หมอ กิตติเดช วรรณบวร


เรียน พี่น้องสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จ.ตรังทุกคน

เรื่อง ทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จ.ตรัง

ด้วยตัวผมเองได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาเกือบ20ปี ปัจจุบันรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้สมาชิกพรรคการเมืองเดิมของแต่ละพรรคนั้น สามารถยืนยันตัวตนเพื่อเป็นสมาชิกพรรคเดิม ในระยะเวลาที่กำหนด #ส่วนตัวผมเองนั้น ได้ตัดสินใจไม่ยืนยันตัวตนในการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดรับสมัครสมาชิกตามที่ กกต.เปิดให้รับสมัครสมาชิกได้ ผมก็จะไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป ทั้งๆที่ตัวเองยึดมั่นและเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคฯมาเป็นเวลาเกือบ20ปีก็ตาม ด้วยเหตุที่ว่า..เมื่อ10ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ มีอุดมการณ์ที่เปลี่ยนไป คือ ประชาชนไม่ได้มาก่อน ไม่มีผลงานที่บริหารประเทศให้เกิดความมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง และจะหวังเพียงผลของการเลือกตั้งของตัว สส.แต่ละคน
และที่ผ่านมาไม่ได้พัฒนา จ.ตรัง ให้เจริญก้าวหน้า กลายเป็นว่า จ.ตรัง เราตามหลังเพื่อนบ้านหลายจังหวัด เช่น

- รายได้ของพี่น้องคนตรัง (ราคายาง ราคาปาล์มตกต่ำ อย่างต่อเนื่อง แต่อดีต สส.ตรัง ไม่ออกมาพูดอะไรกับพี่น้องคนตรังเลย) 

-ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนเส้นยุทธศาสตร์ของจังหวัดยังคงสภาพเดิม(ถนนที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวหลักของ จ.ตรัง ยังไม่พัฒนา)

-ด้านการท่องเที่ยว จ.ตรัง ต้องกลายมาเป็นเมืองรองของการท่องเที่ยว เนื่องจากขาดการผลักดันสนามบินตรัง ให้เป็นสนามบินนานาชาติ(เสียโอกาสมานานแล้ว)และตอนใกล้จะเลือกตั้ง ก็มาสร้างกระแสว่าผลักดันให้สนามบินตรังเป็นสนามบินนานาชาติได้แล้ว ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างก็ไม่ทราบได้ รู้อย่างเดียวว่า ตรัง เสียโอกาสด้านการท่องเที่ยวมานานแล้ว

-หลังจากการเลือกตั้งแต่ละครั้ง พอได้เป็น สส.แล้ว ก็หายหน้า ไม่เยี่ยมเยียนพี่น้อง และไม่เหลียวแลยามที่พี่น้องทุกข์ยาก เช่น น้ำท่วมหนักทุกๆปี

-อุดมการณ์ของพรรคเปลี่ยนไป ไม่ได้พรรคของประชาชน เช่น ส่ง ส.อบจ.ตรัง เขต อ.ห้วยยอด อ.วังวิเศษ ในนามพรรค ถึง2ครั้ง(เลือกตั้ง ส.อบจ.ตรังปี2551และ ปี2555) โดยที่ใช้อำนาจ ของอดีต สส.ขอมติพรรคในขณะนั้น โดยผู้สมัคร ส.อบจ.ในนามพรรคไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคมาก่อน พามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคในเวลานั้น(สมัครสมาชิกพรรคฯทางแฟ็ก แล้วก็มาส่งลงสมัคร สจ. แข่งขันกับผมเองที่เป็นสมาชิกพรรคฯมายาวนานและยังเป็นvoters (สมาชิกพรรคที่มีสิทธิ์เลือกกรรมการบริหารพรรค และเลือกหัวหน้าพรรคในตอนนั้น)

แม้ตัวผมเองจะชนะการเลือกตั้งทั้ง2สมัยก็ตาม แต่มันก็เป็นการสร้างความแตกแยกในสมาชิกพรรคฯด้วยกัน 

นี่คือเหตุผมที่ผมเองต้องตัดสินใจไม่เป็นสมาชิกพรรคฯประชาธิปัตย์อีกต่อไป และขอแจ้งให้คนที่ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ทราบว่า อย่ามากล่าวหาว่าร้ายผม เรื่อง...
#อย่ากล่าวหาว่าผมทรยศ เนรคุณ พรรคประชาธิปัตย์
#อย่ากล่าวหาว่าผมขายตัวไปอยู่กับพรรคอื่น

เพราะถ้ากล่าวหาว่าร้ายอีก..ผมจะดำเนินการฟ้องร้องและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะนี่คือการใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาท เหยียดหยาม และที่ออกมาบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรับทราบและเข้าใจนั้น ไม่ได้ออกมาเพื่อโจมตีพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แต่เป็นการบอกให้เข้าใจทั่วกันว่า ผมมีเจตนารมณ์ไม่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกแล้ว หากใครยังคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อีกก็เป็นส่วนตัวของคนๆนั้น 

และถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตของผม..ที่ผิดปกติวิสัย ก็คงเกิดจากเหตุผลทางการเมืองเพียงประเด็นเดียวเท่านั้น

นายกิตติเดช วรรณบวร