วันเสาร์, ตุลาคม 13, 2561

คณิตศาสตร์เลือกตั้ง ถ้าเพื่อไทยชนะ สลิ่มจะทำอย่างไร



คณิตศาสตร์เลือกตั้ง ถ้าเพื่อไทยชนะ สลิ่มจะทำอย่างไร
ไม่ต้องตกใจ ไม่ใช่คณิตศาสตร์อะไรเลย กติโกงตั้งแต่ต้น เพื่อไทยรวม ส.ส.ได้ไม่ถึง 376 คนก็ไม่ได้เป็นนายกฯ
ขณะที่ประยุทธ์ ถ้าไปต่อ รวม ส.ส.แค่ 126 คน ก็เป็นนายกฯ ได้ แล้วหลังจากนั้น พรรคแมลงสาบที่ทำบิดตะกูด ก็พร้อมแอ่นตูดให้ เข้าเงื่อนไข ทำเพื่อชาติ
อย่างไรก็ดี ชัยชนะของขั้วประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องได้เป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องได้ 376 เสียง ขอเพียงเพื่อไทย อนาคตใหม่ ประชาชาติ และพรรคต่างๆ ที่ประกาศไม่ยอมให้สืบทอดอำนาจ ได้ 251 เสียงก็พอ ก็ทำให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้ หรือเป็นได้แค่รัฐบาลเสียงข้างน้อย อยู่แป๊บๆ ก็ต้องเลือกตั้งใหม่
หรือรองลงมา ขอแค่ 240+ ปล่อยให้เป็นรัฐบาล 250+ แบบเอาที่สบายใจ ระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 จะทำให้บริหารไม่รอด อยู่ได้ไม่นานก็พัง
นัยสำคัญของการเลือกตั้ง เอาเข้าจริงมันไม่ใช่การเลือกรัฐบาล แต่มันคือการสะท้อนเสียงประชาชน ว่าพลังที่ไม่เอา คสช.อย่างเด็ดเดี่ยวมีเท่าไหร่
ถ้ามีน้อย แล้วประยุทธ์กลับมาใหม่ สิทธิเสรีภาพจะวอดวาย จะใช้อำนาจได้ยิ่งกว่าปัจจุบันเพราะอ้างว่าชนะเลือกตั้ง
ถ้ามีมาก ถ้าประชาชนปฏิเสธเกินครึ่ง หรือใกล้ครึ่ง ทั้งๆ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยเสียเปรียบกติกา อำนาจอนุรักษ์นิยมก็จะหวาดหวั่น
เพื่อไทย ขั้วประชาธิปไตย อาจเสียเปรียบ ในแง่ที่ คสช.จะประโคมว่า เลือกยังไงก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล ชนะก็ไม่ได้เป็น
แต่ถ้าชนะล้นหลาม ถ้ารวมเสียงฝั่งไม่เอาตู่ ได้เกินครึ่ง ถามว่ามันจะดันทุรังได้อย่างไร ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ยิ่งเสีย เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็แย่ แม้ยังมี ม.44 ก็ใช้ไม่ได้
ตรงกันข้าม สิ่งที่ควรจะชี้ให้สังคมเห็นคือ ถ้าเพื่อไทยชนะ อย่าคิดว่าจะเกิดความวุ่นวายสถานเดียว หรือเป็นรัฐบาลเดี๋ยวก็ล้ม เพราะถึงตอนนั้น กลุ่มทุน หรืออำนาจอนุรักษ์ที่พอมีสติ มีอะไรให้สูญเสียมากกว่าชาวบ้านตาดำๆ อย่างเรา ก็ต้องคิดหนักแล้วว่า รัฐประหารมา 2 ครั้ง พลังประชาชน-เพื่อไทย ยังชนะเลือกตั้งทั้ง 3 ครั้ง ถ้าโค่นกันอีก ประเทศจะไปทางไหน ความฉิบหายรออยู่เห็นๆ ฉะนั้น มันจะเป็นสถานการณ์ที่บีบให้ต้องหาทางปรองดองกัน ปรองดองกับพลังประชาธิปไตย อย่างจริงจัง