วันพุธ, ตุลาคม 04, 2560

รบกับทักษิณยังยืดเยื้อยาวนานนับสิบปี ตอนนี้มียิ่งลักษณ์ไปเสริมทัพให้ทักษิณในต่างประเทศอีก เป็น 2 แรงแข็งขัน... ชวนอ่าน โลกล้อมไทยยกใหม่ : วงค์ ตาวัน





โลกล้อมไทยยกใหม่ : วงค์ ตาวัน


มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 กันยายน - 5 ตุลาคม 2560
คอลัมน์ ชกคาดเชือก
วงค์ ตาวัน
3 ตุลาคม พ.ศ.2560


เมื่อมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกมาแล้วว่า ให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีจำนำข้าวเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา น่าเชื่อว่าจะส่งผลให้ยิ่งลักษณ์ตัดสินใจในเรื่องจังหวะก้าวของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เรื่องจะเดินทางกลับมาแสดงตัวเพื่อขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

“กระแสข่าวที่ค่อนข้างชัดเชื่อว่า ก้าวต่อไปของยิ่งลักษณ์คือการยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองมากกว่า”

คงจำกันได้ ตั้งแต่หายตัวไป ไม่ไปฟังคำพิพากษาหนแรกเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมนั้น มีข่าวออกมาก่อนแล้วว่า เดินทางออกไปต่างประเทศในคืนวันที่ 23 สิงหาคม โดยลักลอบเข้าประเทศเพื่อนบ้าน แล้วต่อไปยังสิงคโปร์ ซึ่ง ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายบินมารอรับอยู่ จากนั้นก็ไปพำนักที่ดูไบ



Deposed Thai premier Thaksin Shinawatra gives a traditional greeting to supporters outside the Supreme Court in Bangkok on March 12, 2008. Thaksin pleaded not guilty to corruption charges, in the first case to reach court over accusations against him by military-backed investigators. AFP PHOTO/Pornchai KITTIWONGSAKUL


“ตอนนั้น สำนักข่าวต่างประเทศอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลบอกว่า แผนต่อไปของยิ่งลักษณ์คือ การยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองที่อังกฤษ!”

จากนั้นเรื่องราวของยิ่งลักษณ์ก็หายเงียบไปอีกพักใหญ่

จนกระทั่งมาได้ร่องรอยเส้นทางหนีของยิ่งลักษณ์ ซึ่ง คสช. มอบหมายให้ตำรวจดำเนินการ เพื่อหวังจะลบล้างข้อครหาว่ามีดีลลับเปิดทางให้หลบหนี

โดยตำรวจแกะรอยกล้องวงจรปิด จนพบรถพาหนะ เป็นคัมรี รุ่นหลังคาซันรูฟ และพบว่ามีตำรวจเกี่ยวพันคือ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 ซึ่งปูมประวัติความเป็นมาของ พ.ต.อ. ผู้นี้เชื่อมโยงกับอดีตบิ๊กตำรวจ และเกี่ยวพันกับคนในพรรคเพื่อไทยชัดเจน

เมื่อสามารถติดตามรถของกลางได้ จึงเชิญตัวมาสอบปากคำ ซึ่ง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ร่วมมืออย่างดี เปิดเผยเส้นทางจากซอยวัชรพล มุ่งหน้าไปยัง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยถึงปลายทางตอน 4 ทุ่มเศษ ของวันที่ 23 สิงหาคม จากนั้นมีปิกอัพ 4 ประตูมารับไปอีกทอด





“แม้จะได้ร่องรอยบางส่วน ก็ชัดเจนว่าเดินทางในค่ำวันที่ 23 สิงหาคม แต่ออกนอกประเทศอย่างไร ต้องติดตามรถปิกอัพคันดังกล่าวต่อไป”

จนกระทั่งเมื่อถึงวันศาลนัดอีกหน 27 กันยายน เพื่อให้นำตัวยิ่งลักษณ์มาฟังคำพิพากษา แต่ก็รู้กันอยู่แล้วว่า คงไม่มาแน่ๆ และการจับกุมตัวมาคงจะยาก

แต่ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อ้างว่า มีสายข่าวให้ข้อมูลแน่นอนมาแล้วว่า ไปอยู่ที่ประเทศไหน แต่ไม่ขอบอก





ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ผู้ที่รายงานข้อมูลนี้ก็คือหน่วยข่าวกรอง ที่ติดตามจนพบว่า หลังจากยิ่งลักษณ์เดินทางแวะเวียนไปหลายประเทศ ในที่สุดก็เดินทางเข้าประเทศอังกฤษ โดยที่สามารถติดตามร่องรอยได้เพราะมีการใช้พาสปอร์ตแดงแสดงตัว

การไปโผล่ที่อังกฤษก็ตรงกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า จะไปยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศนี้

หากยิ่งลักษณ์ตัดสินใจยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองจริงๆ ก็คงจะเริ่มเผยตัวและเริ่มพูดจาเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งสื่อทั่วโลกย่อมให้ความสำคัญอย่างมาก โดยในขณะนี้เมื่อชัดเจนว่าอดีตนายกฯ หญิงหลบหนีออกจากประเทศไทยแล้ว สำนักข่าวต่างประเทศที่ทรงอิทธิพลหลายแห่ง ได้เสนอข้อมูลและบทวิเคราะห์วิจารณ์อย่างอื้ออึง

โดยจับประเด็นที่ว่า หลังจากพี่ชาย ซึ่งเป็นอดีตนายกฯ ถูกโค่นล้มและต้องหลบหนีออกต่างแดน บัดนี้น้องสาวที่เป็นนายกฯ เช่นกัน ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน

เท่ากับเป็นการกวาดล้าง 2 พี่น้องชินวัตร ให้พ้นจากเส้นทางอำนาจการเมืองในไทย

“ย่างก้าวต่อจากนี้ของ 2 พี่น้องชินวัตร ย่อมได้รับการจับตาจากสื่อทั่วโลกแน่นอน!”

ขณะเดียวกัน หากจะมองอนาคตในการใช้ชีวิตในต่างแดนของยิ่งลักษณ์ กล่าวกันว่าสามารถเทียบได้กับเส้นทางก่อนหน้านี้ของทักษิณ

นับจากทักษิณถูกโค่นด้วยการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แล้วได้กลับเข้าไทยอีกหนในต้นปี 2551 ก่อนจะเดินทางออกไปอีก แล้วไม่ได้กลับอีกเลย

ราวสิบปีที่ผ่านมา ทางการไทยได้พยายามล่าตัวทักษิณให้กลับมาติดคุกในประเทศอยู่ตลอด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

“เพราะชาติต่างๆ ทั่วโลก มองถึงเบื้องหลังการโค่นล้มทางการเมือง มากกว่าจะมองเนื้อคดีที่ถูกตัดสินว่าทุจริต”


ทักษิณจึงปักหลักใช้ชีวิตสบายๆ ในดูไบ แล้วเดินทางไปยังประเทศต่างๆ หลายแห่ง ไปลงทุนทำธุรกิจในหลายดินแดน โดยไม่ต้องหลบซ่อนตัวแต่อย่างใด

มองเช่นนี้ ก็พอจะได้เทียบได้ว่า สำหรับยิ่งลักษณ์เอง การนำเสนอข่าวในระยะนี้ของสื่อชั้นนำทั่วโลก ล้วนวิเคราะห์ถึงกระบวนการโค่นล้มทางการเมืองเป็นหลัก

ทำให้ภาพรวมของยิ่งลักษณ์คล้ายคลึงกับทักษิณ นั่นคือ เป็นน้องสาวที่ได้เป็นนายกฯ และโดนกลุ่มอำนาจทางการเมืองเล่นงานเหมือนๆ กัน

เป็นเรื่องการเมือง มากกว่าจะมองว่ามีพฤติกรรมทุจริตโกงกิน

ยิ่งถ้าหากยิ่งลักษณ์ใช้วิธีขอลี้ภัยทางการเมือง ยิ่งทำให้มีสถานะอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในเวทีสากลมากยิ่งขึ้น

นักวิเคราะห์การเมืองกำลังพากันสนใจติดตามคดีฟอกเงินแบงก์กรุงไทย ซึ่งมีกระแสข่าวโหมกระหน่ำให้เห็นว่า โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของทักษิณ ตกเป็นเป้าในคดีนี้ จนกระทั่งเริ่มมีนักกฎหมาย รวมทั้งนักเคลื่อนไหวต่อต้านคอร์รัปชั่นคนดัง นายวีระ สมความคิด ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนที่ดีเอสไอหลายครั้ง

เตือนว่าอย่าดำเนินคดีอย่างรวดรัด รวมทั้งอย่าเลือกปฏิบัติ และอย่ามุ่งเฉพาะใครบางคน

“ชะตากรรมของ โอ๊ค พานทองแท้ จึงเริ่มถูกจับตากันอย่างกว้างขวาง”

จากทักษิณ มาถึงยิ่งลักษณ์ที่เดินตามไปในเส้นทางเดียวกัน

เริ่มสนใจกันว่าจะมีชินวัตรคนที่ 3 เข้าคิวต่อหรือไม่

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคดีฟอกเงินกรุงไทย กำลังจ่อ โอ๊ค พานทองแท้ อย่างมุ่งมั่นจริงจัง!”





แต่จะว่าไปแล้ว เอาแค่กรณียิ่งลักษณ์ที่ต้องเดินทางหลบหนีคดีออกต่างประเทศ หากมองในทางการเมือง ทำให้มองได้ว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอำนาจกับตระกูลชินวัตร ไม่ได้คลี่คลายไปจากเดิมเลย

รบกับทักษิณก็ยังยืดเยื้อยาวนานนับสิบปี

“ตอนนี้มียิ่งลักษณ์ไปเสริมทัพให้ทักษิณในต่างประเทศอีก เป็น 2 แรงแข็งขัน”


จริงอยู่ การหลบหนีคดีออกไปนอกประเทศ จะมองว่าเป็นชีวิตที่มีความทุกข์ทางจิตใจก็ได้

แต่จะมองว่า 2 พี่น้องชินวัตร ยกระดับตัวเองไปสู่เวทีระดับสากลก็ว่าได้ ซึ่งมองในแง่นี้เท่ากับว่ากลุ่มอำนาจที่เป็นคู่ขัดแย้งในไทย ต้องสู้รบอย่างเหน็ดเหนื่อยขึ้นกว่าเดิม

“ที่เปรียบกันว่าเป็นศึกโลกล้อมไทยนั่นเอง”

ไม่เพียงเท่านั้น จะพบว่าเดิมทีทักษิณเล่นบทเงียบ ไม่พูดจาวิจารณ์การเมืองไทยอยู่หลายปี เพราะไม่อยากให้กระทบสถานะของยิ่งลักษณ์ ที่ถูกดำเนินคดีสารพัดหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

คล้ายห่วงน้องสาวที่ตกเป็นตัวประกัน

แต่วันนี้เมื่อยิ่งลักษณ์หลุดพ้นออกมาแล้ว มาอยู่อย่างอิสระในต่างแดนแล้ว

“น่าเชื่อว่าทักษิณจะเริ่มกลับมาติดเครื่องทางการเมืองอีกหนอย่างหนักหน่วง”

รวมทั้งศึกเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในปีสองปีข้างหน้า

จะได้เห็นสงครามแย่งชิงมวลชนและการยึดที่นั่งในสภาอย่างดุเดือดเลือดพล่านแน่นอน!