วันจันทร์, พฤษภาคม 04, 2558

"นักวิชาการสื่อ" เขาโพสต์อย่างนี้ครับ นี่คือเสรีภาพสื่อในทัศนะของ "นักวิชาการสื่อ" ที่ไม่เคยทำสื่อ



ที่มา เพจ

Atukkit Sawangsuk

มีเพือนส่งภาพและข้อความมาให้ดู คนที่สถาปนาตัวเองเป็น "นักวิชาการสื่อ" เขาโพสต์อย่างนี้ครับ นี่คือเสรีภาพสื่อในทัศนะของ "นักวิชาการสื่อ" ที่ไม่เคยทำสื่อเคยแต่ทำมาหากินกับเครือข่ายลัทธิประเวศ (มีเดียมอนิเตอร์ แล้วไปอยู่ในเครือไทยพีบีเอส สถานีถลุงเงินภาษี)

ไม่ต้องวิพากษ์หรอกเขาฟ้องตัวเอง
...................................................
พีซทีวีไม่ใช่ช่องสื่อมวลชน

1. พีซทีวีเป็นช่องเคลื่อนไหวการเมือง เช่นเดียวกับช่องบลูสกาย ว๊อยซทีวี เอเชียอัพเดท TV24 และเอเอสทีวี เพราะรัฐธรรมนูญ. 2550 มาตรา48 กำหนดห้ามนักการเมือง พรรคการเมืองเข้าเป็นเจ้าของสื่อทั้งทางตรงและอ้อม

2. การเมืองไม่ควรมายุ่ง แทรกแซงสื่อ เพราะทำให้สื่อไม่สามารถรายงานข่าวตรงไปตรงมาได้ เพราะทำให้ข่าวสารบิดเบือน ถูกครอบงำด้วยผลประโยชน์มากกว่าข้อเท็จจริง ช่องการเมืองไม่ใช่สื่อมวลชน แต่เป็นกระบอกเสียงมากกว่า

3. การใช้ภาษารุนแรง ข่าวสารที่เอนเอียง อคติ มดเท็จหรือบิดเบือน หรือโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง หรือ วาจาแห่งความเกลียดชัง ย่อมเป็นสาเหตุต้นของการถูกปิด

4. การสื่อสารเพื่อสรัางความแตกแยก ปลุกปั่น ยุยง ย่อมนำไปสู่ผลร้ายในสังคมไทย เพระฉะนั้นช่องไหนๆจากนี้ก็อาจมีปัญหาโดนปิดได้ทั้งนั้น. ไม่ใช่เฉพาะพีซทีวีหรอกครับ

5. เอเอสทีวี อาจมีประเด็นแตกต่างในตอนนี้เพราะเป็นคนทำสื่อจากหนังสือพิมพ์มาก่อน และก็ด่าทุกฝ่าย ทั้งหมดไม่ยกเว้น (แต่ปกป้องสถาบัน) ส่วนบลูสกายนั้นคล้ายกับเอเอสทีวีแตกต่างที่ไม่ได้เป็นช่องที่มีธุรกจสื่ออื่นๆด้วย ส่วนว๊อยซ์ทีวีนั้น ของคนเสื้อแดงแน่นอน ยังสงสัยอยู่ว่าประมูลช่องทีวีดิจิทัลได้อย่างไรทั้งๆที่สัมพันธ์กลับพรรคการเมืองชัดเจน น่าจะผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา48

พีซทีวีนั้นการเมืองเนื้อหาเข้มข้นและถูกชี้นำด้วยแกนนำนปช.มากเกินไป
ว๊อยซ์ทีวีนั้นใช้นักวิชาการ นักคิด. นักเขียน. บางกลุ่มมาชี้นำเนื้อหาซึ่งก็เลี่ยงการนำด้วยการเมืองไปออกได้บ้าง

6. ผลประกอบการก็สำคัญพีซทีวีขาดทุนมาตลอด ทำยังไงก็ไม่มีกำไร ฉะนั้นปิดไปก็ดีอยู่แล้ว แต่ที่ดันทุรังเพราะเหตุผลทางการเมือง

7. กสทช.ต้องเอาช่องบลูสกายเข้าพิจารณาต่อเนื่องแน่ๆ และก็ต้องเอาช่องอื่นๆเข้าพิจารณาด้วยเช่นกันเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน

คำถามคือ แล้วช่อง 11 และช่อง 5 ล่ะที่รัฐบาลคุมได้เบ็ดเสร็จนั้น กสทช. จะเรียกเข้ามาพิจารณาด้วยรึไม่ เพราะสองช่องนี้ก็รายงานข่าวเสมือนกระบอกเสียงของรัฐบาลเช่นกัน

8. พีซทีวีจะไปออกในอินเทอร์เน็ตได้ไหม
ได้ แต่จะไปโดนกระทรวงไอซีทีปิดซ้ำดาบสองเพราะจะผิดพรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา14 เพราะเนื้อหารายการผิดเรื่องความมั่นคงและ(อาจ)มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือกระทบสถาบัน

9. คนทำงานสื่อในช่องพีซทีวีเดือดร้อนควรร้องเรียนใคร
ตอบร้องเรียนไปได้ แต่ยังไงก็ตามอำนาจสิ้นสุดที่ กสทช.เท่านั้น ร้องถวายฎีกาไม่เหมาะสมและไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้พีซทีวีก็แสดงจุดยืนชัดแจ้งแดงแจ๋ว่ามีทัศนคติเช่นไรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ร้องรัฐบาลยิ่งตลกเพราะรัฐบาลคสช.ต้องการแก้ปัญหาและถอนรากถอนโคนเสื้อแดง

10. ถามว่าเสรีภาพสื่อหายไปหรือไม่เพียงเพราะพีซทีวีโดนปิด คำตอบคือไม่ เพราะตอนนี้คนเสื้อแดงยังมีสื่ออีกมากมายในช่องตนเอง

ถามว่ากระทบสิทธิสื่อคนเสี้อแดงไหม
ต้องตอบก่อนว่าพีซทีวีเป็นสื่ออาชีพหรือเป็นสื่อวิชาชีพ
สื่อวิชาชีพรับผิดชอบต่อสังคม มีจริยธรรม เลือกข้างความจริง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและสังคม

พีซทีวีปิดได้ ก็เคยเปิดมาได้นี่นา ที่แน่ๆ ยังมีอีกหลายช่องที่อาจโดนปิดตามมา

อยากจะบอกกสทช.เหมือนกันว่า อย่าสองมาตรฐาน รัฐบาลเองก็ครอบงำสื่อรัฐทุกช่อง กสทช.ต้องแม่นยำในกฎที่ตั้งเอาไว้ มิใช่เลือกปฎิบัติกับบางช่อง แต่ยืนยันว่า กสทช. เองก็ทำถูกต้องแล้วในการปิดพีซทีวี เรียกมาคุย ตักเตือน พักใบอนุญาต สั่งแก้ไข และสุดท้ายหากไม่แก้ก็สั่งปิด!

ผมอยากให้เราๆท่านๆ ยอมรับเถอะว่านี่คือขั้นตอนที่กสทช.ควรทำและได้ทำไปแล้ว