วันอังคาร, ตุลาคม 15, 2567

สรุปสาระสำคัญรายงานกรณีตากใบของคณะกรรมการอิสระ


คณะกรรมการฯ เชื่อว่าการชุมนุมมีเบื้องหลังและมีการวางแผนมาก่อนสรุปสาระสำคัญรายงานกรณีตากใบ

25 เมษายน 2005
บีบีซีไทย

ผลการเปิดเผยเอกสารสรุปผลการสอบสวนกรณีตากใบของคณะกรรมการอิสระ
ชี้ชัดว่า มีข้อมูลหลายประเด็นของเจ้าหน้าที่ไม่มีน้ำหนักมากพอ ไม่ว่าเรื่องที่ว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธสงครามในครอบครอง หรือใช้สารเสพติด


แต่คณะกรรมการฯ เชื่อว่า การชุมนุมดังกล่าวมีเบื้องหลังและมีการวางแผนมาก่อน

จากเอกสารผลการสอบสวนของคณะกรรมการอิสระที่นำโดยนายพิเชต สุนทรพิพิธ ซึ่งคณะกรรมการเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติหรือกอส. นำมาเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้สรุปว่า

การดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตจริง แต่ว่าไม่เจตนา ไม่ได้คาดหมายไว้ล่วงหน้า

คณะกรรมการฯ ระบุให้เป็นผลของการกระทำของทหารพรานและทหารเกณฑ์ที่ “ ไม่มีวุฒิภาวะ ” มากพอในเรื่องนี้

การดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้มีการเสียชีวิต แต่ว่าไม่เจตนา

แต่คณะกรรมการฯ ระบุให้นายทหารสามรายมีส่วนรับผิดชอบในฐานะบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่

ไม่ว่าแม่ทัพภาคที่สี่ในเวลานั้นคือพลโทพิศาล วัฒนวงษ์คีรีที่ไม่ได้ควบคุมดูแลการดำเนินการให้ลุล่วง

รองแม่ทัพในเวลานั้น ที่ไม่ไหวตัวให้ทัน เมื่อพบผู้เสียชีวิต ไม่ได้สั่งการให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงการลำเลียงคนให้ดีขึ้น และผบ.พล.ร.๕ ที่รับหน้าที่สสลายการชุมนุมและการลำเลียงคนก็ไม่ได้ดูแลให้ลุล่วงเช่นกัน

ในผลการสอบสวนนี้ยังเป็นการเปิดเผยเป็นครั้งแรกด้วยว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเสียชีวิตในรถสองคัน คันหนึ่งยี่สิบสามคนและอีกคันยี่สิบคน ในรถทั้งสองคันบรรทุกคนจำนวนมาก เจ็ดสิบคนและเก้าสิบคน

นอกจากนั้นยังทิ้งประเด็นเรื่องการใช้อาวุธและกระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุมว่า เรื่องนี้เหมาะสมหรือไม่ต้องให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม

แต่คณะกรรมการฯ ก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่ ใช้มาตรการถูกต้อง ก่อนสลายการชุมนุม ทั้งยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ามีเหตุจำเป็นที่ทำให้จะต้องสลายการชุมนุม ซึ่งเหตุนั้นก็คือการที่มีคนมาชุมนุมจำนวนมากและความเชื่อที่ว่า การชุมนุมมีเบื้องหลัง

ประเด็นที่น่าสนใจจากรายงาน

กรณีการมีอาวุธปืน


แม่ทัพภาคสี่ พลโทพิศาล วัฒนวงษ์คีรีรายงานว่า เดินพบปะผู้ชุมนุม ได้โอบกอดผู้ไปชุมนุมหลายรายปรากฏว่ามีอาวุธ

ขณะที่รายงานของกอ.สสส.จชต. ถึงนายกรัฐมนตรีระบุว่า สตรีที่ไปร่วมชุมนุมมีที่พกอาวุธปืนติดตัวไปด้วย

จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนเอ็มสิบหก สี่กระบอก ปืนเล็กยาวเอชเคสี่เจ็ดอีกสามกระบอก ปืนพกแบบต่าง ๆ อีกสิบหกกระบอก ยังมีกระสุนปืน ลูกระเบิดขว้างและมีดอีกจำนวนหนึ่ง



คณะกรรมการฯ เห็นว่าเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการถูกต้องก่อนสลายการชุมนุม

แต่ผู้ถูกควบคุมตัวยืนยันทุกคนว่า ระหว่างชุมนุมไม่พบเห็นใครมีอาวุธ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจค้นอย่างละเอียดตามจุดสกัดต่าง ๆ อีกด้วย

ก่อนการชุมนุม แหล่งข่าวของฝ่ายเจ้าหน้าที่ระบุได้รับคำเตือนว่า จะมีการจัดประชุมที่บ้านอุสตาสคนหนึ่งที่นราธิวาส เป็นสิ่งบอกเหตุว่า จะมีการใช้ความรุนแรง

นอกจากนั้นมีแหล่งข่าวแจ้งว่ามีเด็กนักเรียนโรงเรียนปอเนาะในพื้นที่จะนะ สงขลาหายตัวไปจากโรงเรียนยี่สิบกว่าคน

การวางแผนสลายการชุมนุมทำเมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงของวันที่ 25 ผู้เข้าร่วมวางแผนสลายการชุมนุมคือแม่ทัพภาคสี่ พลโทพิศาล รองผู้อำนวยการ กอ.สสส.จชต. พลตำรวจโทวงกต มณีรินทร์ พลตำรวจโทมาโนช ไกรวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเก้า พลตรีเฉลิมชัย วิรุฬเพชร ผู้บัญชาการพล.ร.๕ ซึ่งได้รับคำสั่งจากมทภ.๔ ให้เป็นผู้นำกำลังเข้าสลายการชุมนุม ทั้งยังมีผู้บังคับการหน่วยนาวิกโยธินด้วย

ส่วนอำนาจในการสลายการชุมนุมตามกฏหมายเป็นอำนาจของแม่ทัพหรือผู้ว่าราชการจังหวัด

ความพยายามหลายต่อหลายครั้งของฝ่ายเจ้าหน้าที่ในอันที่จะสลายการชุมนุมโดยสันติ ไม่ว่าการนำญาติผู้ถูกจับ ผู้นำฝ่ายปกครองและศาสนาในท้องที่มาเจรจาไม่ได้รับการตอบสนองด้วยดีจากฝ่ายผู้ชุมนุม

แม่ทัพภาคสี่ให้การว่าได้เปิดพื้นที่ด้านปีกขวาของสภอ.ตากใบให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่

ผู้ชุมนุมให้การว่าไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ เพราะแกนนำการชุมนุมกีดขวาง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ก็ปิดล้อม ขณะที่หลายคนไม่ได้ยินเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่เพราะมีเสียงโห่ฮาจากแกนนำการชุมนุมกลบเสียงเจ้าหน้าที่


คณะกรรมการฯ ระบุให้นายทหารสามนายรับผิดชอบในฐานะบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่

ในแง่ของการจับกุม

จุดประสงค์เริ่มต้น เจ้าหน้าที่ต้องการจับกุมแกนนำราวสามสิบถึงสี่สิบคน แต่พอสั่งให้ทุกคนถอดเสื้อออกทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แม่ทัพภาคสี่จึงสั่งให้ควบคุมตัวไปให้หมดเพื่อไปคัดตัวทีหลัง

ประเด็นจำนวนรถที่ใช้ขนผู้ถูกจับกุมสับสน มีตั้งแต่ยี่สิบห้าและยี่สิบแปดคัน ส่วนผู้ลำเลียงคนขึ้นรถคือทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารจากหน่วยนาวิกโยธิน รถบรรทุกแต่ละคันจะมีผู้ควบคุมสี่ถึงห้าคน

ในระหว่างการลำเลียงผู้ถูกจับกุมพันกว่าคนไปยังค่ายอิงคยุทธบริหารที่ปัตตานี ซึ่งเป็นช่วงที่เจ็ดสิบแปดรายพบจุดจบนั้น มีการทำร้ายร่างกายผู้ถูกจับกุมบางรายด้วยการถีบหรือตีด้วยพานท้ายปืน

ในรถคันแรก ๆ ผู้ถูกจับได้รับอนุญาตให้นั่งไป และปริมาณการบรรทุกดูจะไม่แออัด

จากรายงานของกอ.สสส.จชต. ระบุว่ารถบรรทุกมีทั้งหมดยี่สิบหกคัน สี่คันแรกเป็นรถของทหารพราน บรรทุกคันละสามสิบถึงสามสิบห้า รถอีกยี่สิบสองคันที่เหลือบรรทุกคันละห้าสิบ เจ็ดสิบและเก้าสิบ

รถคันที่ยี่สิบเอ็ดบรรทุกเก้าสิบคน พบคนตายบนรถคันนี้ยี่สิบสามราย ในรถอีกคันหนึ่งที่บรรทุกเจ็ดสิบคน มีคนตายยี่สิบคน

กรรมการสอบสวนอ้างภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์มติชนแสดงให้เห็นว่า มีการให้คนในรถนอนทับซ้อนกันไป


ส่วนใหญ่เสียชีวิต เพราะขาดอากาศหายใจและถูกกดทับบริเวณหน้าอก

ผู้บัญชาการระดับสูง พลตำรวจโทมาโนช ไกรวงศ์ ผบ.ตร. ภาคเก้า สั่งไม่ให้มีการเอาคนนอนไป แต่ให้นั่ง และแม่ทัพภาคสี่สั่งให้เอาคนลง แต่ไม่มีหลักฐานว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตาม

การลำเลียงคนทำเป็นสองขบวน กลุ่มแรกออกเดินทาง บ่ายสี่โมงสิบห้าถึงทุ่มครึ่ง
ส่วนขบวนที่สองออกเดินทางหนึ่งทุ่ม ถึงจุดหมาย คือค่ายอิงคยุทธบริหารเวลาสี่ทุ่ม แต่ระยะเวลาไม่ชัด คันที่ออกสามทุ่มจะถึงตีสอง

ในระหว่างเดินทาง เมื่อผู้ถู

กจับกุมร้องขอความช่วยเหลือหรือส่งเสียงจะถูกทำร้ายร่างกายด้วยการตีด้วยพานท้ายปืนหรือไม้กระบอง เตะหรือเหยียบ มีคันเดียวที่มีการดูแลอย่างดี

การจราจรติดขัดหน้าค่าย เพราะการลำเลียงรถเข้าไปขนถ่ายคนลงจากรถทำได้ทีละคัน ทำให้เสียเวลาอีก

จากการที่คณะกรรมการอิสระสอบปากคำของผู้ถูกจับกุมเก้าสิบสองรายพบว่า ทุกรายระบุว่าต้องนอนซ้อนกันไปและอยู่ในท่าเดียวกันนั้นจนถึงที่หมาย มีเพียงรายเดียวที่ได้นั่งไป

ทางด้านทหารบอกว่าผู้ถูกควบคุมยืนตลอดในระหว่างเดินทาง ในรถที่บรรทุกเจ็ดสิบคนและตายยี่สิบคนนั้น ทุกคนนอนคว่ำและถูกมัดมือไพล่หลัง

ส่วนในรถคันแรกผู้ถูกจับนอนคว่ำแต่ไม่ซ้อนกัน มีคนตายหนึ่ง แต่เพราะถูกตีด้วยของแข็ง

รถที่มีคนตายมากที่สุดคือมียี่สิบสามกับอีกคันยี่สิบเอ็ดคน ที่เหลือมีตั้งแต่หนึ่งถึงหกคน

การรับทราบเรื่องการเสียชีวิตของผู้ถูกควบคุม

นายศิวะ แสงมณี รองผอ.สสส.จชต.ได้รับรายงานสี่โมงเช้าวันที่ยี่สิบหกคือวันถัดไป แม่ทัพภาคสี่แจ้งว่าได้รับรายงานตอนเจ็ดโมงสี่สิบห้านาทีของวันรุ่งขึ้นเช่นกัน เพราะได้ออกจากที่เกิดเหตุไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมราชินีนาถจนถึงเวลาตีสี่ และในช่วงนั้น ไม่มีใครสามารถติดต่อได้


ผู้ถูกจับกุมบอกว่ามีการทำร้ายร่างกายในระหว่างเดินทาง

แต่จากการให้ปากคำของรองสมุหราชองครักษ์ระบุว่า ในช่วงดังกล่าวมีผู้เข้าเฝ้าหลายคนและได้กลับออกมาเวลาตีหนึ่งครึ่ง พร้อมทั้งแจ้งว่าในระหว่างเข้าเฝ้าหากมีเรื่องด่วนสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้

ส่วนผู้ตายที่บริเวณชุมนุมหกคนตาย เพราะถูกบาดแผลจากกระสุนปืนที่คณะกรรมการฯ ระบุว่า “ ยิงมาจากระยะไกล ”

สาเหตุการเสียชีวิตนั้น คณะกรรมการฯ ระบุว่า

- สามสิบสามคน เพราะขาดอากาศหายใจและถูกกดทับบริเวณหน้าอก

- สี่คน เพราะขาดอากาศหายใจ การกดทับที่หน้าอก มีบางแผลถูกกระแทกด้วยของแข็งแต่ไม่รุนแรง

- สิบคน เพราะขาดอากาศหายใจ การกดทับที่หน้าอก ชักเพราะการเสียสมดุลย์ของสารในเลือด บางรายโดนของแข็ง

- สามสิบเอ็ดคน ขาดอากาศหายใจ

เมื่อเทียบเคียงหาสาเหตุการเสียชีวิตกับอาการบาดเจ็บของผู้ที่บาดเจ็บจากการเดินทางพบว่า สี่คนที่ต้องผ่าตัดด่วน เป็นเพราะกล้ามเนื้อและอวัยวะเกิดการอักเสบเพราะขาดเลือด

เนื่องจากลักษณะการเดินทางที่แออัดผสมกับความอ่อนแอของร่างกายทำให้กล้ามเนื้อถูกทำลาย “ มีการเคลื่อนย้ายและเสียงสมดุลย์ของสารในเลือดและในเซลล์ของเม็ดเลือดกับเซลล์ของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงทำให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่หายใจหมดกำลัง จึงขาดอากาศหายใจ ” สันนิษฐานว่า ส่วนใหญ่ตายด้วยอาการแบบนี้

การตรวจสารเสพติดในผู้ถูกจับกุมจากกว่าพันตัวอย่าง พบเพียงสิบสามตัวอย่างเท่านั้น


มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 78 คน

ผลการพิจารณาในบางประเด็นของคณะกรรมการฯ

อย่างแรก การชุมนุมหนนี้เป็นการกระทำที่มีการวางแผนมาก่อน “ โดยคนกลุ่มหนึ่ง ” มีการจัดตั้งและมีเบื้องหลังมากกว่าการชุมนุมเรียกร้องตามปกติ และมีการวางแผนยั่วยุเจ้าหน้าที่

คณะกรรมการฯ ยังไม่เชื่อว่ากลุ่มผู้ไปชุมนุมมีอาวุธไปด้วย โดยเฉพาะอาวุธสงครามที่มีการงมขึ้นมาจากแม่น้ำ แต่เชื่อว่ามีอาวุธมาบ้าง เพียงแต่ไม่มากและไม่กี่คน

คณะกรรมการฯ เชื่อด้วยว่าเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการที่เหมาะสมแล้ว ก่อนที่จะสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้น การเชิญผู้นำศาสนาและผู้เกี่ยวข้องไปหาทางเจรจา

แต่เห็นว่าควรจะสกัดกั้นให้ได้ผลมากกว่านั้น และการใช้เครื่องขยายเสียงชี้แจงผู้ชุมนุมให้เลิกชุมนุม ดูจะไม่ได้ผล เพราะเสียงถูกกลบด้วยเสียงโห่ฮาของผู้ไปชุมนุม

การที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก และดูจะมีการวางแผนล่วงหน้า มีไม้ ก้อนหินและอาจมีอาวุธอื่นด้วย บวกกับภาวะกดดันที่เจ้าหน้าที่เผชิญ การตัดสินใจใช้กำลังสลายการชุมนุมจึงถือว่า “ เป็นไปตามเหตุผลและความจำเป็นของสถานการณ์ ”

ประเด็นที่ทิ้งไว้ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน คือการใช้อาวุธและกระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม ตลอดจนการใช้ทหารพรานและทหารเกณฑ์ซึ่งมี “ วุฒิภาวะ ” ไม่สูงพอเข้าร่วมในการสลายการชุมนุม


คณะกรรมการฯ ไม่พบว่าในจำนวนผู้ตายในที่เกิดเหตุ มาจากการจ่อยิง

ความบกพร่องของการปฏิบัติ

คณะกรรมการฯ เห็นว่า เริ่มที่การผิดแผนที่รถไม่พอ เพราะคิดจะจับแค่สามสิบถึงสี่สิบคน แต่กลับไปจับกุมกว่าพันคน จำนวนรถไม่เพียงพอต่อการบรรทุก

เรื่องการให้นอนทับซ้อนจนมีการเสียชีวิต คณะกรรมการฯ เห็นว่า ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องขาดการใช้วิจารณญาณ ละเลยไม่ดูแลการลำเลียงและเคลื่อนย้าย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่ขาดประสบการณ์ซึ่งอาจไม่เคยคาดมาก่อนว่า การทำดังนี้จะทำให้มีการเสียชีวิต

มีผู้สูญหายเจ็ดคน

คณะกรรมการฯ เห็นว่าผู้ที่รับผิดชอบในการสลายการชุมนุม การควบคุมตัวและลำเลียงขึ้นรถคือพลตรีเฉลิมชัย วิรุฬเพชร ผบ.พล.ร.๕ ที่ได้รับมอบหมายจากแม่ทัพภาคสี่ แต่พลตรีเฉลิมชัยไม่ได้อยู่ควบคุมการดำเนินการทั้งหมดให้ลุล่วง เพราะออกเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีที่นราธิวาสโดยไม่มีเหตุผลและความจำเป็น ถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่องไม่ครบถ้วนตามที่ได้รับมอบหมาย

คณะกรรมการฯ ยังเห็นอีกว่าพลตรีสินชัย นุตสถิตย์ รองแม่ทัพภาคสาม ซึ่งได้รับคำสั่งจากแม่ทัพภาคสี่ให้ดูแลสถานที่เตรียมรับผู้ถูกจับกุมนั้น ไม่ระงับเหตุการตายในรายหลัง ๆ อย่างทันท่วงที

เพราะหลังจากรู้ว่าในรถคันแรก ๆ มีการตายกลับไม่ได้ออกคำสั่งใด ๆ แก่รถคันหลัง ๆ ที่จอดรออยู่ เพื่อรักษาชีวิตคนในรถคันหลัง ๆ ถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง

คณะกรรมการฯ ระบุว่าทหารพรานและทหารเกณฑ์ไม่มีวุฒิภาวะมากพอ

แม่ทัพภาคสี่ พลโทพิศาล วัฒนวงษ์คีรี ยังต้องรับผิดชอบในภาพรวมด้วย เพราะคณะกรรมการฯ เห็นว่า แม้จะมอบหมายหน้าที่ไปแล้ว แต่ยังต้องรับผิดชอบให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ๆ ให้ลุล่วงด้วยดี

นอกจากนั้น ยังมีข้อเท็จจริงบางประการระบุว่า แม่ทัพภาคสี่ทราบเรื่องคนตายเจ็ดสิบคนตั้งแต่ตีหนึ่งครึ่งของวันรุ่งขึ้น แต่ไม่ได้ดำเนินการอะไร ถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ขาดความรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา

แต่คณะกรรมการฯ เห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีเจตนาก่อให้เกิดการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ การตายของผู้ถูกจับกุมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงหรือเจตนา

https://www.bbc.com/thai/highlights/story/2005/04/050425_2330gtakbai