วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 17, 2567

กูรูการเมือง ปุ๊ ธนาพล ส่องอนาครัฐบาลแพทองธาร รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่จนครบวาระ 2570 หรือไม่ก็ชิงยุบสภาก่อนหน้านั้นไม่นาน

ภาพจาก บีบีซีไทย

Thanapol Eawsakul
9 hours ago
·
รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่จนครบวาระ 2570 หรือไม่ก็ชิงยุบสภาก่อนหน้านั้นไม่นาน
ขณะเดียวกันรัฐบาลแพทองธารก็ไม่สามารถ ส่งมอบนโยบายเรือธงอะไรได้เลย
นอกจากเอาทักษิณกลับบ้านแบบไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว
.....
(1)
ขณะที่กูรูการเมืองต่างๆ พร้อมเพรียงกัน บอกว่ารัฐบาลแพทองธาร จะเป็นรัฐบาลอายุสั้น และจะสิ้นสุดลง โดยกระบวนการ "นิติสงคราม"
ผมเห็นต่างออกไป เอาเข้าจริงกระบวนการนิติสงคราม ในการสอยเศรษฐา. ทวีสินลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทย ด้วยซ้ำไป
ไม่ว่าจะดูจากปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยเอง หรือคะแนนความนิยมของแพทองธาร. ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ภายหลังจากที่เศรษฐา หลุดจากเก้าอี้ และแพทองธารมารับไม้ต่อ
หรืออีกนัยหนึ่ง นิติสงคราม รอบนี้มาช่วยฟื้นชีวิต พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน ฝ่ายชนชั้นนำเอง ก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า แพทองธาร ชินวัตร ในการมา หยุดยั้งพรรคก้าวไกล/พรรคประชาชน
สิ่งที่เกิดอยู่ตอนนี้คือการสมประโยชน์ร่วมกันระหว่างทักษิณ. ชินวัตร และชนชั้นนำ ที่เคยฟาดฟันกันมา 2 ทศวรรษ กลายมาเป็น "พันธมิตรชั่วคราว"
จนกว่าที่พรรคก้าวไกล/พรรคประชาชน จะล่มสลายและไม่เป็นภัยคุกคามใหม่อีกต่อไป
ดังนั้นรัฐบาล แพทองธาร ก็ จะอยู่จนครบวาระ 2570
(2 )
แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุใดก็ตามที่ทำให้ แพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้ ไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยจะส่งมอบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้กับอนุทิน. ชาญวีรกุลจากพรรคภูมิใจไทยเด็ดขาด
เพราะถ้าอนุทินจะขึ้นเป็นนายกได้ก็จะต้องมีเสียงโหวตจากส.สพรรคเพื่อไทย 141 คนไปเป็นฐานค้ำยัน
ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้วการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคเพื่อไทยจะพ่ายแพ้กับพรรคภูมิใจไทย อย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะในภาคอีสาน
หรือไม่ก็ส.สพรรคเพื่อไทย จะย้ายพรรคไปเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ ทักษิณ. ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
ทักษิณก็จะขู่ชนชั้นนำในฐานะพันธมิตรชั่วคราวว่าจะยุบสภา ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้วก็ไม่มีใครรับประกันว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร
นี่คือไพ่ที่เหนือกว่าของทักษิณกับชนชั้นนำ
และจะทำให้ รัฐบาลแพรทองธารจะอยู่จนหมดวาระ ในปี 2570
(3)
ขณะที่เสถียรภาพรัฐบาลแพทองธารดูจะมั่นคงด้วยเหตุผล การเป็นพันธมิตรชั่วคราวระหว่างทักษิณ กับชนชั้นนำ
แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลแพทองธารจะเป็นรัฐบาล ที่อ่อนด้อยที่สุดในการส่งมอบนโยบาย ของรัฐบาลทักษิณ ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา
เหตุผลก็คือรัฐบาลแพทองธารจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ในพรรคร่วมรัฐบาลตลอด
เพราะจาก คะแนนเสียงของรัฐบาล ประมาณ 330 เสียง ปรากฏว่ามีเพียง 141 ของพรรคเพื่อไทยและ 9 เสียงของพรรคประชาชาติ ที่รวมเป็น 150 เสียง ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือ ก็ขี่คอรัฐบาลเพื่อไทยได้ตลอด
โดยเฉพาะบทบาทของพรรคภูมิใจไทย นอกจาก 70 เสียงในสภาแล้ว ยังมีอีก 140 เสียงเป็นอย่างน้อยในวุฒิสภาที่พร้อมจะใช้กลเกมทาง รัฐสภา ในการเตะตัดขา กฎหมาย ของพรรคเพื่อไทยในทุกๆด้าน
ไม่เพียงเท่านั้นยังมี กลุ่มพลังมวลชนต่างๆและองค์กรอิสระ ที่พร้อมที่จะขัดขวางการดำเนินนโยบายเรือธงต่างๆ
ดังที่เราเห็นได้จากนโยบายแจกเงินดิจิตอล วอลเลต 500,000 ล้านบาท 50 ล้านคน ที่เคยเป็น นโยบายเรือธงของพรรค เพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้ง 2566 โดยหวังจะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ
แต่เมื่อผ่านไปมากกว่า 1 ปีหลังการเลือกตั้ง เป็นเพียงแค่การแจกเงิน 1.4 แสนล้านสำหรับกลุ่มเปราะบางเท่านั้น พายุหมุนทางเศรษฐกิจจึงกลายเป็น เพียงแค่ หย่อมความกดอากาศต่ำเท่านั้น
ขณะที่นโยบายเรือธงอื่นๆไม่ว่าจะเป็นแลนด์บริดจส์ คาสิโน (ในนาม Entertainment Complex) หรือแม้แต่การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชากรณีแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ก็ถูกขบวนการนอกสภา ที่นำโดยจตุพร. พรหมพันธุ์ ตั้งธงเอาไว้แล้ว ว่าจะลงถนนทันทีถ้ารัฐบาลดำเนินนโยบายที่กล่าวมา
นี่ไม่ต้องกล่าวถึงการเอายิ่งลักษณ์. ชินวัตรกลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวเหมือนกรณีทักษิณก็ยิ่งไม่มีทางเกิดขึ้นได้เด็ดขาด
(4)
ข้อสรุปของรัฐบาลแพทองธาร. ชินวัตรความสำคัญอันดับแรกสุดคือ
อยู่ในอำนาจรัฐให้ยาวนานที่สุด
เพราะประสบการณ์การตกจากอำนาจรัฐตั้งแต่ปลายปี 2556 จนถึงปี 2566 เป็นเวลาร่วม 10 ปีนั้นเป็นบทเรียนได้แล้วว่าการเป็นฝ่ายค้านนอกจากอดอยากปากแห้งแล้วเมื่อเสียอำนาจรัฐกระบวนการนิติสงคราม ก็ยิ่งถาโถมเข้ามา
สุดท้ายแล้ว
รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่จนครบวาระ 2570 (หรือไม่ก็ชิงยุบสภาก่อนหน้านั้นไม่นาน)
ขณะเดียวกันรัฐบาลแพทองธารก็ไม่สามารถ ส่งมอบนโยบายเรือธงอะไรได้เลย