วันศุกร์, ตุลาคม 11, 2567

อีก 15 วัน คดีตากใบหมดอายุความ! - “เท้ง ณัฐพงษ์” จี้ “อิ๊งค์” ถกนายกฯ ญี่ปุ่น นอกรอบ ขอส่งตัวจำเลยคดีตากใบกลับไทย


อีก 15 วัน คดีตากใบหมดอายุความ!: Suthichai Live 10-10-2567
Streamed live 8 hours ago ในประเทศ
.....




หัวหน้าพรรคประชาชน แนะนายกฯ ใช้โอกาสประชุม ASEAN+3 คุยนอกรอบนายกฯ ญี่ปุ่น ขอส่งตัวจำเลยคดีตากใบกลับประเทศไทยก่อนหมดอายุความ 25 ต.ค. นี้ ชี้ไทยมีตัวแทนใน UNHRC แล้ว ถึงเวลาพิสูจน์ความจริงใจต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชน

วันที่ 10 ตุลาคม 2567 ที่ห้องแถลงข่าวสภาผู้แทนราษฎร ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวข้อเสนอแนะถึงนายกรัฐมนตรีให้ใช้เวที ASEAN+3 ในการนำตัวจำเลยคดีตากใบกลับประเทศเพื่อยกระดับประเทศไทยในเวทีโลก

นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีที่ผู้แทนของประเทศไทย ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้แสดงเจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศ ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญก็คือ คดีตากใบที่ทั่วโลกให้ความสนใจ

เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมของคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ ซึ่งมี กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.พรรคประชาชาติ เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดตามกรณีตากใบมาโดยตลอด ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจและอัยการมาสอบถามถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวจำเลยมาดำเนินคดีให้ทันอายุความที่จะหมดในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ หรืออีก 15 วัน พบว่า มีจำเลยที่มีส่วนสำคัญ 2 คนที่กำลังหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ คือ ที่อังกฤษและญี่ปุ่น ซึ่งทุกหน่วยงานชี้แจงว่า ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว ในส่วนของตำรวจเองก็ได้ออกหมายแดงของ Interpol แล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการแปล

อีกช่องทางที่ทำได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหน่วยงานได้ให้ความชัดเจนในคณะกรรมาธิการฯ คือ การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แม้ไทยจะไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับญี่ปุ่น แต่ก็สามารถใช้ช่องทางการทูตแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีต่อนายกรัฐมนตรีได้ แต่กระบวนการอาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน อีกช่องทางหนึ่งที่ดำเนินการได้และมีประสิทธิภาพมากกว่า คือ การขอให้ประเทศญี่ปุ่นและอังกฤษเนรเทศจำเลยกลับไทยในฐานะบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ของประเทศปลายทาง (deportation) ซึ่งสามารถทำได้ เนื่องจากจำเลยถูกออกหมายจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
10 ต.ค. 2567
https://www.thairath.co.th/news/politic/2819237