ระหว่างนายกฯ ไปพูดที่พิษณุโลกรายการรับฟังปัญหาน้ำประปาขุ่น โดยไม่หาเสียง เพียงแค่บอกให้ชาวบ้านที่ชอบนโยบายแจกเงินดิจิทัล ๑ หมื่นบาท ช่วยกันเชียร์โครงการนี้กันดังๆ หน่อย บางทีจะได้กล้าบอกแหล่งที่มาของเงินใช้จ่ายนี้เสียที นะเราว่า
ช่างเถอะ มาดูข่าวดี โดยเฉพาะสำหรับกองทัพอากาศไทย หน้าแตกมาหลายวัน ครื่องแอร์บัสที่จะไปรับคนไทย แรงงานประสบภัยสงครามฮามัส-ยิว กลับบ้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ขนาดเครื่องพร้อมมาตั้งนาน แต่ไม่มีนักบินมา ๘ วันแล้ว
ท้ายสุดต้องใช้วิธีเรียกกำลังพลสำรอง มาจากการบินไทย เที่ยวแรกนี่ใช้แอร์บัส A340-500 เครื่องถึงสนามบินเบ็นกูเรียนหลังเที่ยงคืน ๑๔ ตุลา กะจะขนคนไทยกลับได้ ๑๓๗ คน จากนั้นจะบินอีก ๖ เที่ยวตลอดถึงสิ้นเดือนตุลา
แต่คงขนกลับได้ไม่หมด เพราะข่าววันนี้มีว่าแรงงานไทยบางส่วนยืนยันยังไม่กลับ ขออยู่ทำงานต่อ ตอนนี้สถานการณ์ภายในอิสรเอลเริ่มสงบแล้ว ถ้ากลับมาแล้วยังไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน เป็นห่วงเรื่องหนี้เดี๋ยวไม่มีเงินพอใช้ได้หมด
ขณะที่ดูเหมือนรัฐบาลเศรษฐาจะเป็นท่าที หรือจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศ ต่อสถานการณ์รบในกาซ่าขณะนี้ เมื่อรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศออกมาพูดภาษาการทูต “เราไม่ได้ประณามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” เพียงประณามการใช้ความรุนแรง
จุดยืนทางการของรัฐบาลไทยเวลานี้จึง “วางตัวเป็นกลาง” และสนับสนุนการแก้ปัญหาในภูมิภาคนั้น ด้วยการมี ๒ รัฐ “คือรัฐอิสราเอล และรัฐปาเลสสไตน์ สนับสนุนให้แก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและสันติ” แม้นว่าเมื่อเริ่มเกิดเหตุ นายกฯ ไทยทะลุกลางปล้อง
“เหตุการณ์นี้ไม่สมควรเกิดขึ้น และผมขอร่วมกับประชาคมโลกประนามการกระทำดังกล่าว” ซึ่งทั้งสองประโยคผิดข้อเท็จจริง เพราะจากประวัติความขัดแย้งเหตุการณ์อย่างนี้โน้มน้าวที่จะเกิดอยู่เสมอ และประชาคมโลกไม่ถึงขั้น ‘ประณาม’ เสมอไป
กรณีนี้ ความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขาใช้กันกับสถานการณ์ ไม่ใช่ต่อรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง
(https://matichon.co.th/local/news_4232465, https://twitter.com/Thairath_News/status/1713375824399983062 และ https://www.facebook.com/100067480567756/posts/659358849656795/)