เรื่องประหลาดในไตแลนเดีย ฟังแล้วต้องร้องฮ้า เยาวชนทำโพลชิมลองบนท้องถนน และในศูนย์การค้า ก่อนหน้านั้นทำเรื่องรถติดเพราะขบวนเสด็จ คะแนนท่วมท้นหน้าเบ้บอกว่า ‘เดือดร้อน’ ฝ่าย ‘จงรัก’ จึงทำบ้าง ผลท่วมท้นเหมือนกัน
โพลของกลุ่ม ‘ไทยรักษา’ ซึ่งไปยืนถือป้ายให้เลือกติดสติ๊กเกอร์ที่เมเจอร์รัชโยธิน มีแต่บอกว่า “อยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับประชาชนชาวไทยตลอดไป” ก็เลยมีกลุ่มนักกิจกรรมอิสระไปยืนทำโพลแบบเดียวกัน ที่เก่า คนละวัน ๙ พฤษภา
พอเริ่มมีสติ๊กเกอร์ติดเฉพาะข้างที่บอกว่า “ไม่รัก ไม่อยากให้อยู่” ก็มีคนของห้างเมเจอร์ฯ ไปห้ามว่าทำไม่ได้เป็นสถานที่ส่วนบุคคลต้องขออนุญาตก่อน แล้วไล่ให้ออกไป มีตำรวจจาก สน.พหลโยธินทั้งในและนอกเครื่องแบบชี้หน้าว่ากิจกรรมนี้ ‘หมิ่นเหม่’
หมิ่นเหม่ยังไง อ๋อ มันทำท่าจะทำให้โพลของไทยรักษาเป็น ‘เฟค’ ละสิ จึงต้องจัดการยับยั้ง ห้ามรายนี้แต่ไม่ห้ามรายโน้น ก็ยังดีที่รายไม่ถูกห้ามไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ถึงขนาดสิ้นเปลืองงบประมาณจากเงินรายได้เก็บภาษีอากรราษฎรกว่า ๔ พันล้านบาท
กรมพัฒนาชุมชนได้รับงบประมาณ ๔,๗๘๗.๙๑๖ ล้านบาท ทำโครงการ ‘โคกหนองนา’ โมเดล อันเป็นวิถีการเกษตร ‘ทฤษฎีใหม่’ ที่แตกต่างจากปกติ ตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ อีกทั้งยังดำเนินรอยตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของ ร.๙ ด้วย
ครั้นเมื่อเริ่มโครงการในปีแรก ๒๕๖๔ ปรากฏว่าเผชิญปัญหาเยอะแยะ ขุดบ่อแล้วน้ำไม่ขัง เลี้ยงปลาไม่ได้ หรือว่าขุดเท่าไหร่ไม่เป็นบ่อตามสเป็คเสียที เพราะพื้นที่ต่างกัน บ้างดินทราย บ้างฝนชุกแซะโคลนไหล บ้างพื้นที่แคบกว่ากำหนด กลายเป็นคลองไส้ไก่เต็มไปหมด
จนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ แห่งที่ประสบผลดีตามวาดหวังก็มีอยู่ แต่ดูเหมือนที่ยังแก้ปัญหาโน่นนี่ไม่ตกก็เยอะ ทั้งๆ ที่เบิกใช้งบประมาณกันไปแล้ว “๘๔% หรือกว่า ๔,๐๖๗ ล้านบาท” ทั้งนี้ตามรายงานพิเศษตอนที่ ๓ ของ ‘บีบีซีไทย’ ซึ่งไปสัมภาษณ์ชาวนาในโครงการ
ตัวอย่างเกษตรกรรายหนึ่งชาวดอนหันพัฒนา เชียงยืน ฯสารคาม บอกว่า “เลี้ยงปลาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร…แล้วน้ำมันก็เซาะดินลงไป (ในบ่อ) หมดแล้ว เลยว่าอยากจะเลี้ยงกบ เพราะว่าไม่ได้ใช้น้ำเยอะ” อยากได้พล้าสติกมาคลุมดิน
“เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนกลับบอกให้เธอเดินหน้าปรับปรุงบ่อน้ำ และยังแนะนำด้วยว่าให้ทำแบบคนจน...” ไม่ต้องจ้างแรงงาน ไม่ต้องใช้เครื่องจักร พอวิศวกรอาสาไปตรวจดูสภาพพื้นที่บอกว่า “จะต้องใช้เวลาราว ๓ ปีในการปรับปรุงบ่อ จึงจะกักเก็บน้ำได้”
สรุปว่านอกจากจะใช้หลัก ‘พอเพียง’ แล้วยังต้องใช้หลัก ‘เพียร (ให้) พอ’ อย่าง ‘พระมหาชนก’ อีกด้วย วิศวกรอาสาคนหนึ่งเล่าว่าเคยเจอปัญหาแบบเดียวกันจากอำเภออื่นมาแล้ว ต้อง “ใช้เวลาแก้ปัญหาอยู่ ๘ เดือน ก็เริ่มเก็บน้ำได้”
“ที่เราทำกันมาทั้งหมด มันทำให้คนไทยตื่นรู้นะว่า สิ่งที่ในหลวงสอน สอนให้มีความเพียร ไม่มีโครงการไหนหรอกครับ ทำมาแล้วจะเป็นไปตามตำราแล้วก็ทำได้สมบูรณ์แบบ” เขาแจงให้บีบีซีไทยทราบ แต่สำหรับเกษตรกรรายนั้น “ความเพียรอย่างเดียวไม่พอ
...ต้องหาขี้วัวมาให้เพียงพอด้วย” การย่ำขี้วัวที่พื้นบ่อเป็นภูมิปัญญาโบราณ ซึ่งจะทำให้น้ำไม่ซึมหายไปหมดอย่างที่เป็นปัญหา เพียงแต่ว่าขี้วัวที่ใช้ย่ำในพื้นบ่อขุดของเกษตรกรรายนี้น้อยไปหน่อย เลยไม่ได้ผล จึงต้องใช้ความเพียรอย่างเพียงพอ หาขี้วัวมาเพิ่มให้พอเพียง
(https://www.bbc.com/thai/thailand-61368729_OPvs และ https://www.facebook.com/RatsadonNews/posts/388978293195893)