ท่ามกลางกระแสชื่นชมชัชชาติไม่สร่าง ‘ตู่’ เอาบ้างแต่วางก้าม ‘สั่งงาน’ ปากบอก ‘ฝาก’ เคลียร์โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่าช้านะ “ยิ่งช้า ประชาชนยิ่งเดือดร้อน” ตัวเองไปพล่ามเรื่อง “ขับขี่ปลอดภัย” คุยโวอยู่มานานรู้หมด ยังทำไม่ได้ “เพราะความร่วมมือยังไม่เกิด”
อนุสนธิ์ @4UUUU4NNNN สดุดีชัชชาติ “เราไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มานาน...เข้าถึงง่าย ไม่ต้องมีคณะเดินตามให้วุ่น คนให้กำลังใจ มีคนยกมือไหว้แบบเคารพเค้าจริงๆ แล้ว ‘ชัชชาติ’ ก็ไหว้ตอบ ซีนคนขับรถเมล์บีบแตร แล้วคนบนรถโบกมือให้...
แม่งเอ้ยยย ประชาธิปไตยมันเป็นแบบนี้นี่เอง” อีกคนสนอง “เป็นผู้ว่าฯ ของประชาชนที่แท้จริง เดินไปไหนก็ไม่ต้องกลัวใครมาโห่ไล่...ไม่เหมือนพวกที่ปล้นเค้ามา” หัวโจกของพวกนั้น สั่งท่าเดียวมาแล้ว ๗ ปีกว่า ยังทำไม่ได้ก็โทษ “คนไม่ร่วมมือ”
“ให้นโยบายไปแล้ว...ต้องหาวิธีการร่วมมือกันให้ได้ ไม่ใช่ติคนนั่นคนนู้นตินี่ ติแล้วทำไม่ได้แน่นอน เป็นความรับผิดชอบของทุกคน...เราต้องทำให้ทุกคนยอมรับกติกา พร้อมกับสร้างการเรียนรู้ การรับรู้ ไม่ได้อยู่ด้วยการเกลียดชัง” ด่าใครล่ะ
ที่จริงปัญหามันอยู่ที่ จะ ๘ ปีแล้ว ได้แต่กินของเก่าจนจะเกลี้ยง ไม่มีปัญญาหามาเพิ่ม วานนี้พูดถึงโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ยังไม่คืบหน้านัก เพราะ “ต้องดูเรื่องงบประมาณที่เหลืออยู่ที่มีความจำกัดมากเต็มที งบกลางก็เหลือน้อย
ซึ่งต้องเตรียมเก็บไว้เยียวยาในช่วงฤดูฝน ที่อาจจะมีน้ำหลาก ต้องเตรียมการดูแลเรื่องความเสียหาย” อ้างประเทศอยู่ในที่ลุ่ม “บางทีฝนก็ตกนานเกินไป จากที่ไม่เคยตกแรงกว่านี้ ระบบการรองรับมันรับไม่ได้...แต่ถ้าฝนตกปกติก็พอรับได้”
เฮ้ย นี่พูดอะไร ให้ใครฟัง มันไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกประเทศนะ และประเทศที่เป็นเขาก็หาทางแก้ หรือแม้แค่ผ่อนเบา เขาไม่รอถึง ๘ ปี แล้วมาสาธยายเรื่อง ทำไมมันถึงเกิดอย่างนี้ คนทั่วไปเขารู้ต้นตอปัญหา หน้าที่ของคุณต้องหาทางแก้ แต่ทำไม่ได้
เดี๋ยวนี้พูดอะไรถึงไม่ค่อยมีใครใส่ใจฟังเพราะความไร้แก่นสาร สิ่งที่เขาจับตากลับเป็นท่าทีและกิริยาหลุกหลิก ยักคิ้วหลิ่วตาอะไรงี้ อย่างกรณีออกสื่อเมื่อวาน มีคนสังเกตุ “ทำไมคิ้วแปลกๆ อ่า หรือตาเราไม่ดี” @moui ทวี้ตเมื่อเห็นคิ้วโด่งข้างเดียว
ยังไม่ไปถึงเรื่องการควบรวมสองค่ายมือถือ TRUE+DTAC ที่กำลังจะเป็นประเด็นร้อนว่า “ผลกระทบชัดเจนในมุมการกระจุกตัวของธุรกิจ และผลกระทบราคาที่ผู้บริโภคต้องแบกรับ” ดัง ศิริกัญญา ตันสกุล ชี้ถึงผลการศึกษาของจุฬาฯ ว่าจะทำให้อัตราค่าบริการเพิ่มขึ้น ๒๐%
หรือแม้แต่เมื่อวันก่อนมีประชาชนกลุ่ม “ต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน” ไปชุมนุมประท้วงกันที่หน้าองค์การสหประชาชาติ เพราะมีการทักท้วงให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายฉบับนี้แล้ว รัฐบาลไม่ฟัง คณะรัฐมนตรีกำลังจะผ่านร่างฯ ออกมา
แค่มีคำถามธรรมด๊าธรรมดา จากผู้สมัครของพรรคก้าวไกลชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. สองอาทิตย์มาแล้วยังทำไม่รู้ไม่ชี้กันอยู่ “ประเด็นสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ต้องร่วมกันตรวจสอบ และรัฐควรชี้แจง ก็คือ #สถานีแยกร่มเกล้า”
ซึ่ง วิโรจน์ ลักขณาอดิสร จี้อีกครั้งว่า “มีที่ดินเปล่าอยู่ ๓๐๐ ไร่ ที่ห่างจากสถานีมีนบุรี แค่ ๘๐๐ เมตร สถานีสุดท้ายควรเป็นสถานีมีนบุรี ที่เชื่อมกับสายสีชมพู” ชวนให้ติดใจสงสัยไม่คลาย ว่ายืดเส้นทางออกไปจากเดิมเพื่ออะไร
ใครเป็นเจ้าของที่ดิน ๓๐๐ ไร่ที่ดึงรถไฟฟ้ายืดเส้นทางออกไปหาจนได้ ทั้งที่สถานีสุดเส้นทางเดิมคือมีนบุรีนั้น เป็นจุดเชื่อมต่อกับสายสีชมพูพอดีอยู่แล้ว ต่อออกไปอีกแค่ ๘๐๐ เมตรสิ้นเปลืองค่าก่อสร้างอีกตั้งเท่าไร คุ้มประโยชน์แก่ประชาชนหรือใคร
เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องรอความร่วมมือจากประชาชนทั่วไปดังที่ตู่พล่ามเลยสักนิด ชาวบ้านเขาช่วยสอดส่องติติงแล้ว ต้องคว้าเอาไปศึกษาหาทางแก้ไข แล้วลงมือปรับปรุงทันที ไม่ต้องถึงกับให้เกิดการชุมนุมร้องเรียนแล้วจึงขยับ
หรือเช่นที่เป็นอยู่ ทำไม่รู้ไม่ชี้มั่วนิ่มต่อไปอย่างใจเย็นและเลือดเย็น
(https://twitter.com/wirojlak/status/1529269749921632257, https://twitter.com/ThaiPBS/status/1529292491685756928 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_3364789)