Noppakow Kongsuwan is with Pusadee Ngamkum.
May 18
พูดถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุม 19 พ.ค.53 ที่แยกราชประสงค์ มันมีทั้งมิติของ "คนตาย" และ "คนเป็น"
.
"คนตาย" คือประชาชนมือเปล่า 99 ศพ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิต จากคำสั่งของ "ศอฉ." (ข้อเท็จจริงจากคำสั่งชี้สาเหตุการตายของศาล ในช่วงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง) ที่มี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นผู้อำนวยการ มี "พล.อ.ประวิตร" , "พล.อ.อนุพงษ์" และ "พล.อ.ประยุทธ์" เป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานดังกล่าว
.
"คนเป็น" คือคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ทั้งแกนนำ และผู้ชุมนุม หลายคนติดคุกหลังจากเหตุการณ์ เพิ่งจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา หลายคนยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ข้างนอก หลายคนกลับไปใช้ชีวิตปกติ กลับไปฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของตัวเอง แต่เราเชื่อได้เลยว่า สำหรับคนอยู่ร่วมเหตุการณ์ แม้ผ่านไป 12 ปี เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น ก็ยังคงจำความรู้สึกเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ เสมือนการเปิด "กล่องเรื่องราว" ในทุกๆปีที่วันครบรอบเวียนมาบรรจบ
.
"ผุสดี งามขำ" เสื้อแดงคนสุดท้ายเพียงคนเดียวในวันนั้น ที่ไม่ยอมลูกไปไหน หลังทหารเข้ายึดพื้นที่การชุมนุมแยกราชประสงค์ 100% คนเสื้อแดง-ผู้ชุมนุม ส่วนใหญ่ถูกต้อนเข้าวัดปทุมวนารามกันหมด แกนนำถูกจับไปไม่เหลือรอดสักคน
.
เขานั่งอยู่ตรงนั้น แม้ทหารที่ถือปืน M16 จะเต็มพื้นที่ แม้บนรางรถไฟฟ้าด้านบนหัวของเธอจะมี "พลซุ่มยิง" แต่เธอก็ไม่ลุกไปไหน จนกระทั่งฟ้ามืดถึงช่วงหนึ่ง ซึ่งจำเป็นที่เธอจะออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น
.
"ผุสดี" เป็นอดีตพยาบาล เข้าร่วมการชุมนุมกับคนเสื้อแดงมาโดยตลอด แม้ปัจจุบันสุขภาพของเขาจะไม่ค่อยดี แต่ก็ยังคงไปร่วมการชุมนุมของคนรุ่นใหม่อยู่บ้าง ครั้งล่าสุดที่ผมเจอ น่าประมาณ 2 ปีทีแล้ว
.
ครั้งหนึ่ง ผุสดีเคยเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังหลังเหตุการณ์ผ่านไปว่า เหตุที่นั่งปักหลักจนคนสุดท้ายในวันที่ 19 พฤษภา 2553 เพราะไม่เห็นด้วยกับการยุติการชุมนุม
.
"...มายุติตอนคนเสื้อแดงตายไปมากแล้ว ถ้าเลิกกลางคันแบบนี้ คนที่ตายก็ต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายทันที..."
.
ดังนั้นเพื่อคนเสื้อแดงไม่ต้องตายเปล่า ควรทำเพื่อให้โลกรู้ว่าคนเสื้อแดงไม่ได้เป็น "ผู้ก่อการร้าย" นั่นคือเหตุผลของการนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นคนสุดท้ายของ "ผุสดี"
.
.
เรื่องเล่านี้ แด่ "คนเป็น" ที่อยู่ร่วมให้เหตุการณ์ในวันนั้น และยังคงเดินทางสานต่อ มาจนถึงวันนี้...
19 พฤษภา 2553 - 19 พฤษภา 2565