จะว่า กกต.อยากลองของ กรณียังไม่รับรอง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่า กทม. ฟังขึ้นอย่างที่หลายคนว่า ก็ไม่เชิงนัก ในเมื่อผลประโยชน์แอบแฝงมันพอมีอยู่ ถ้าจะโยงข้อหาที่ ‘สำนักข่าวหงวน’ บอกว่า ‘ปุ๊ ซอยอารีย์’ นี่เขาเชียร์แมลงสาบสุดลิ่ม
ถึงอย่างนั้น ถ้า กกต.เอาใจนายที่แต่งตั้งพวกตนมา จัดให้ชัชชาติแพ้ฟาล์วด้วยข้อหาเก็บป้ายหาเสียงไม่หมดหลังสามวัน ปล่อยให้ประชาชนเอาป้ายเหล่านั้นไปทำกระเป๋าใช้ซ้ำ เป็นการตอบแทนคะแนนเสียง ละก็ น่าจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่
มากกว่าให้ผู้ได้คะแนนที่สอง ของ ปชป. (สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์) ขึ้นแทน หนักไปกว่านั้น มีเสียงสรรพยอกหยอกแรง ว่าถ้าเลือกกันใหม่แล้วได้ วิโรจน์ (ลักขณาอดิสร) พรรคก้าวไก่ไล่ชนแหลก ทั้ง กกต.และฐานเสียงสลิ่มจะหัวหมุน
Pita Limjaroenrat @Pita_MFP บอกแล้วตอนนี้ “การประวิงเวลาของ กกต....แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติขององค์กรอิสระที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร” ออกอาการ ‘ขี้แพ้ชวนตี’ แสดงอิทธิฤทธิ์ว่ามีอำนาจในมือ ‘๓๐+๓๐’ ยื้อได้ ๖๐ วัน
จน ศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องจอมก่อกวน (แต่กับฟากไม่เอารัฐประหาร) เหลิงหนักถึงขั้นเอาไปโพสต์กวนตรีนว่า “คน กทม. ๑.๓๘ ล้าน (ได้) ชักดิ้นชักงอเป็นไส้เดือนกิ้งกือบนกองขี้เถ้า” บ่งว่าคนร้องกับคนรับฟ้องรู้เห็นเป็นใจต่อกัน
จึงได้มีการเรียกร้อง “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ๑,๓๘๖,๒๑๕ เสียง” ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของศรีสุวรรณ “มีกระทำโดยเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่” รวมทั้ง “การหาข้อบิดเบือนในข้อกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง” (Lustha Mod Normal)
ในทางตัวบทกฎหมาย สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬา ชี้ถึง มาตรา ๑๑๘ วรรค ๒ พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ๒๕๖๒ ว่าคนที่ร้องเรียน “ต้องรับผิดชอบข้อฟ้องร้องของตนเองด้วย
กฎหมายไม่ได้ปล่อยให้ร้องได้เรื่อยเปื่อย” การนี้เมื่อไปดูที่ตัวบทพบว่า ถ้าเป็นการกลั่นแกล้ง “ให้ผู้สมัครถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพื่อมิให้มีการประกาศผลการเลือกตั้ง” อีกทั้งได้ทำการ “แจ้งหรือให้ถ้อยคำ” ไว้ต่อ กกต.ด้วย
“มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ ๗-๑๐ ปีและปรับตั้งแต่ ๑๔๐,๐๐๐-๒๐๐,๐๐๐ บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด ๒๐ ปี” แล้วยังหากพบว่ามีพรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจ “ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้น กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง”
สำหรับศรีสุวรรณ ไม่ยี่หระ เขาบอกว่า “ผมไม่สนใจ ๑.๓๘ ล้าน” แล้วยกตัวอย่างกรณี สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ ด้วยคะแนน ๑.๒ ล้านเสียง พอ คสช.ยึดอำนาจ “ไม่เห็นมีแฟนคลับออกมาร้องแรกแหกกระเฌอ ชักดิ้นชักงอเป็นไส้เดือน”
กระนั้นเมื่อนักข่าวถามชัชชาติระหว่างลงพื้นที่ย่านพระราม ๓ เขาตอบว่า “เรื่องนี้ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ เราก็ต้องให้เกียรติท่าน และก็อย่าไปกดดันท่าน คนร้องก็มีหน้าที่จะร้อง คนตัดสินก็มีหน้าที่ตัดสิน เราเป็นว่าที่ก็ลงพื้นที่หาข้อมูลไปเรื่อยๆ”
เชื่อสิ ชัชชาติอาจจะมองเห็นอะไรอยู่ในใจแล้ว ดูจากการได้รับเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ของ สุรชาติ เทียนทอง ดัง อจ.สิริพรรณตั้งข้อสังเกตุว่า กกต.ใช้เวลาเกือบ ๖๐ วันก่อนจะประกาศรับรอง ชัชชาติจึงได้ลงพื้นที่ตรวจโน่นตรวจนี่ รับฟังเสียงชาวบ้าน
ผลพลอยได้อยู่ที่ หากอำนาจเก่าต้องการผ่องถ่ายผลประโยชน์อะไรที่เคยมีเคยได้ ก็จะปลอดโปร่งสามารถทำได้สะดวกระหว่างที่ กกต.เตะถ่วงเวลายืดเยื้อ ๖๐ วันนี่ละ ถ้าผู้ได้รับเลือกตั้งใหม่ได้แต่นั่งเฉยรอเวลา
(https://www.facebook.com/Posttoday/videos/A1/377126301057051/, https://www.facebook.com/groups/225550657843210/posts/1592755897789339/ และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_7084073)