วันจันทร์, พฤษภาคม 23, 2565

ใบตองแห้ง ตั้งข้อสังเกตุการเลือกผู้ว่ากทม.ครั้งนี้ ต่อกระแสการเมืองไทย


Atukkit Sawangsuk
2h

สรุปว่า คะแนนสุชัชวีร์+สกลธี+อัศวิน+รสนา
รวมกันแล้วได้เกินครึ่งชัชชาติมาหน่อยหนึ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3360479
ชัชชาติ 1,386,769 คะแนน
สุชัชวีร์ 254,723 คะแนน
สกลธี 230,534 คะแนน
อัศวิน 214,805 คะแนน
รสนา 79,009 คะแนน
รวม 4 คน 779,071 คะแนน
"ไม่เลือกเราเขามาแน่"
เทให้ใครคนหนึ่งจนอีก 3 คนเป็น 0 ก็แพ้อยู่ดี แพ้เกือบครึ่งด้วยซ้ำ
(พูดแล้วอย่าหาว่าคุย ตอนออกรายการ Voice ก่อนห้าโมงเย็น ผมบอกแล้วว่า นับคะแนนสิบนาทีก็รู้ จะเห็นคะแนนนำโด่ง กลับไปนอนได้ แล้วค่อยตื่นมาดูผล สก.)
:
1.คะแนนชัชชาติมาจากหลายองค์ประกอบ
ฐานเสียงฝ่ายประชาธิปไตย (เพื่อไทย+ก้าวไกลส่วนหนึ่ง)
+ความเป็น Perfect Man โปรไฟล์ดี มีผลงาน ติดดิน
ชนะใจคนชั้นกลางโดยทั่วไป ทั้งคนกลางๆ คนไม่สนใจการเมืองมากนัก โลกสวย คิดบวก หรืออนุรักษนิยมอ่อนๆ
การโจมตีว่าเป็นนอมินีเพื่อไทยไม่ได้ผล
ไม่เลือกเราเขามาแน่ก็ไม่ได้ผล
:
2.ถ้าชัชชาติลงสมัครสังกัดเพื่อไทยจะไม่ได้มากเท่านี้
เท่าที่ฟังคนรู้จักมีไม่น้อยที่ไม่เลือกเพื่อไทยแต่เลือกชัชชาติ
(คือพวกอนุรักษนิยมอ่อนๆ ไม่ใช่สลิ่มฝังหัว)
นอกจากนี้ สังคมไทยยังมีพวกหน่อมแน้มเชื่อประนีประนอม "อย่าทะเลาะกัน" ซึ่งถ้าสังกัดพรรคก็จะถูกชักให้เขวว่า อย่าเลือกขั้วเลือกข้างดีกว่า
อันนี้ ชัชชาติคิดมาแล้วไง ถึงไม่ลงในนามเพื่อไทย
:
3.ทั้งนโยบายและตัวบุคคลล้วนสำคัญ
อย่างที่บอกว่านโยบายเพื่อไทยจับต้องได้กว่าทุกพรรคทุกกลุ่ม จึงชนะ สก.มากที่สุด
ขณะที่ชัชชาติ นโยบายหลักคือไรหว่า นึกไม่ออก มีแต่เส้นเลือดฝอย
แต่คนเชื่อว่าชัชชาติจะเข้าไปทำงานๆๆ ทำดีที่สุด ถ้อยแถลง ท่าที การแสดงออกทุกอย่างจับใจ
:
อันที่จริง อนาคตใหม่ ที่ได้คะแนนเกินคาดเลือกตั้ง 62
ก็มาจากตัวบุคคลคือธนาธรด้วย เป็นคนที่สร้างความเชื่อมั่น ว่าทั้งจุดยืนเข้มแข็งและคิดอะไรใหม่ๆ ได้เสมอ
(ซึ่งต้องยอมรับว่า พิธา ไม่ได้ขนาดธนาธร)
ส่วนเพื่อไทย 62 ชูตัวบุคคลผิดสถานการณ์ คือมันเป้นสถานการณ์สู้รบ ต้านรัฐประหารสืบทอดอำนาจ กลับชูหญิงหน่อย (ชัชชาติก็เป็นอันดับหลังและไม่เหมาะสถานการณ์สู้รบเช่นกัน ชัชชาติเหมาะกับงาน Service แบบ กทม.)
:
ดังนั้น การเลือกตั้งใหญ่ใน กทม.รอบหน้า
หนึ่ง ต้องเข้าใจว่าคะแนนชัชชาติไม่ใช่คะแนนเพื่อไทย อาจต้องทอนลงอย่างน้อย 40% ส่วนที่เหลือขึ้นกับตัวบุคคล นโยบาย และสถานการณ์
สอง นโยบายเพื่อไทยนั้นค่อนข้างเชื่อมือได้
แต่สาม แคนดิเดทนายกฯคือใคร
พูดอย่างไม่เกรงใจ ถ้าเป็นอุ๊งอิ๊ง ได้ไม่เท่าชัชชาตินะ เผลอๆ ได้ไม่ถึงล้าน
และจะถูกปลุกถูกผลักเรื่องแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายขู่ให้คนไม่กล้าเลือกแบบเลือกไปก็ไม่สงบ
:
4.คะแนนชัชชาติทิ้งห่างวิโรจน์มาก เมื่อเทียบกับเลือกตั้งหลักสี่
ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะ "ไม่เลือกเราเขามาแน่" คนกลัวสลิ่มรวมหัว ที่จะเลือกวิโรจน์เลยเลือกชัชชาติเพื่อความมั่นใจไว้ก่อน
แต่อันนี ตอนหลักสี่ก็กลัวเหมือนกัน แต่คนก็๋ยังเลือกก้าวไกลจนตามไม่ห่าง
มันอาจเป็นเรื่องตัวบุคคลด้วย คือความคาดหวัง ความผูกพัน ความต้องการอย่างแรงกล้าที่อยากให้ชัชชาติชนะ (ถ้าแพ้ขึ้นมา ร้องไห้กันทั้งประเทศเลยนะ) ประกอบกับเป็นผู้ว่ามีนัยสำคัญสูงกว่า ส.ส.เขตที่เหลือวาระแค่ 1 ปี มันคือการได้อำนาจบริหาร เมื่อคิดว่ายังไงๆ วิโรจน์ก็ไม่ได้อยู่แล้ว ก็เอาชัชชาติไว้ก่อน
:
5.(สำหรับติ่งส้ม )
แพ้ล้านเสียง จะมีผลต่อพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง ส.ส.แค่ไหน
มีผลทางจิตวิทยา แต่อย่างที่บอก เพื่อไทยไม่ใช่ชัชชาติ และการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ คือกลัวว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะแพ้ ต้องเลือกพรรคหนึ่งพรรคใดไว้ก่อน ในพื้นที่ กทม.ปริมณฑล (หรือ ตจว.เขตเมือง) ไม่สามารถบอกได้ว่า่จะเลือกเพื่อไทยหรือก้าวไกลดี ใครกันแน่น่าจะชนะ ไม่เหมือนชัชชาติ-วิโรจน์ ที่รู้แต่ในมุ้งว่าชัชชาติเหนือกว่าเยอะ
มองด้านดี นี่คือฐานคะแนนต่ำสุดของก้าวไกล และยังได้ สก. (ล่าสุดว่า 13 คน แต่ก็แพ้เพื่อไทยเฉียดฉิว ไม่ใช่แพ้ ปชป.)
แต่มองอีกมุม ก็ต้องเข้มขึ้นในเรื่องการลงพื้นที่ การคิดนโยบาย
:
6.ท่ามกลางด้านบวก ก็มีด้านลบจากผลเลือกตั้ง
คือแมลงสาบ กปปส. มันจะเอาไปเป็นประเด็นว่า
พรรคปฏิรูปสถาบันได้คะแนนน้อยกว่า ปชป. หรือได้มากกว่า กปปส.หน่อยเดียว กระแสตกแล้ว จับไอ้พวกม็อบเข้าคุกไม่ต้องให้ประกันเลยก็ได้ มันทำอะไรไม่ได้แล้ว
นั่นแหละคือนับสำคัญของทุกคะแนนก้าวไกล
...

Atukkit Sawangsuk
2h

เพื่อไทย+ก้าวไกล 33 เขตจาก 50 เขต + ไทยสร้างไทยอีก 2
ประชาธิปัตย์เหลือ 9 เขต
เมื่อเทียบปี 56 ที่ ปชป. กวาดเกือบหมด
:
นี่ผิดจากโพลหลายสำนักที่คาดว่าก้าวไกลจะได้เยอะ จะกวาด สก.
แต่ผมไม่ค่อยเชื่อตั้งแต่แรก
เพราะก้าวไกลไม่มีฐานชุมชน เพิ่งลงพื้นที่ปีสองปี
ที่สำคัญ นโยบายเพื่อไทย ชัดเจนจับต้องได้ กว่าทุกพรรคทุกกลุ่ม
เช่น ชุมชนละสองแสน 50 รพ. 50 เขต
เป็นจุดเด่นที่ต้องยกให้เพื่อไทยเหนือกว่าคนอื่นเสมอ ในการคิดนโยบายที่จับต้องได้ เข้าใจง่าย ประชาชนมองเห็นผลทันที
(แต่นโยบายปากท้องก็ไม่ใช่ต้องปฏิเสธเรื่องปฏิรูปโครงสร้าง มันไปด้วยกันได้ ยิ่งมีพลัง)
:
นอกจากนี้ เหตุที่เพื่อไทยพลิกโพล
ยังน่าจะมาจากชัชชาติฟีเวอร์
คือคนมองว่าทำงานด้วยกันได้มากที่สุด พวกที่ไม่ใช่ FC พรรคใดโดยเฉพาะก็ลงให้เพื่อไทย
อย่างไรก็ดี แม้จะไม่ได้มากสุด แต่สำหรับก้าวไกล การได้ สก. 14 เขต ก็คุ้มเกินคุ้ม โดยส่วนใหญ่ได้เขตกลางเมืองด้วย
:
ดังนั้นแม้แมลงสาบอาจไถปาก ว่าได้คะแนนผู้ว่ามากกว่าก้าวไกล
แต่ในสนาม สก. ซึ่งมีผลต่อการวางรากฐานเลือกตั้งใหญ่ ปชป.แพ้กระจุย
(คะแนนวิโรจน์บอกแล้วว่านี่คือเรตติ้งต่ำสุดของก้าวไกล เพราะ FC ส่วนหนึ่งก็เลือกชัชชาติ “ไม่เลือกเราเขามาแน่” ก็ทำให้คนกลัวสลิ่มรวมกันได้ เลยเลือกชัชชาติไว้ก่อน)
:
ส่วนที่หนาวก้นเลย ก็คือ 12 ส.ส.พปชร.
ได้ สก.แค่ 2 คน สมัยหน้าจะเหลืออะไร