วันเสาร์, พฤษภาคม 21, 2565

คนรุ่นใหม่เขาไม่เอาระบบอำนาจนิยมแล้ว รุ่นเก่าก็บ่เอา #พ่อมึง - ชวนรู้จัก "เอีย" ด.ช.ผู้ถูกดำเนินคดีการเมืองถึง 2 คดีขณะมีอายุเพียง 12 ปี ทำให้ตอนนี้เขามีโทษจำคุกสูงสุดถึง 4 ปีรออยู่ เขาคือเด็กที่มีความคิดเกินวัย


“เอีย” เด็กแสบมาดทะเล้นขวัญใจชาวม็อบวัย 12 ปี กับ 2 คดีการเมืองที่มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี

18/05/2565
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ซีรีย์: YOUNG มีหวัง

17 ปี – อายุของ “ธนกร”เยาวชนคนแรกที่ถูกตั้งข้อหา ม.116 และ “สายน้ำ” เยาวชนคนแรกที่ถูกตั้งข้อหา ม.112

16 ปี – อายุของ “นัท” เยาวชนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานพินิจฯ นานที่สุด เพราะไม่มีผู้ปกครองมาประกันตัว

15 ปี – อายุของ “วาฤทธิ์ สมน้อย” เยาวชนที่ถูกยิงใน #ม็อบ16สิงหา64 จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

14 ปี – อายุของ 3 เยาวชนอายุน้อยที่สุดที่ถูกตั้งข้อหา ม.112

13 ปี – เด็กหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกตำรวจคุกคามข่มขู่ถึงบ้าน เพราะเข้าร่วมม็อบและไปรับเสด็จ

12 ปี – เด็กชายที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกจับกุมจากเหตุชุมนุม เพียงเพราะปั่นจักรยานจากบ้านไปดูม็อบ

แนวโน้มการดำเนินคดีและการคุกคามเด็กเยาวชนที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ ปี 2563 จนถึงวันที่ 5 พ.ค. 2565 มีเยาวชนถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและชุมนุมทางการเมือง แล้วทั้งสิ้นอย่างน้อย 280 ราย ใน 204 คดี จนอาจกล่าวได้ว่า ‘ยิ่งดำเนินคดีกับเด็กอายุน้อยเท่าไร – ยิ่งสะท้อนความเข้มข้นในการปราบปรามของรัฐเท่านั้น’

เยาวชน 1 ใน 280 ราย คือ เด็กชายวัย 12 ปี ข้างต้น ที่ถูกจับกุมและดำเนินคดีแรกในชีวิต ในข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพียงเพราะผ่าน #ม็อบ13กันยา64 ที่ดินแดงระหว่างปั่นจักรยานกลับบ้าน และวันที่ 5 พ.ค. 2565 เขาเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีจากการแสดงออกทางการเมืองคดีที่ 2 ในชีวิต หลังวันเกิดครบรอบ 13 ปีเพิ่งผ่านพ้นไปได้เพียงครึ่งเดือนเศษ โดยถูกกล่าวหาว่าเข้าร่วม #ม็อบ15เมษา65 ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และร่วมมั่วสุมใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

คดีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี คือของขวัญที่รัฐไทยมอบให้ในวันเกิดอายุครบ 13 ปี …

ชวนรู้จัก “เอีย” เด็กสุดแสบ ที่มีภาพจำชอบทำท่าทางยียวน หน้าตากวนโอ๊ย โดยเฉพาะกับพี่ๆ ตำรวจ เด็กที่มีความคิดเกินวัย ผู้ก่อนนี้เคยสารภาพเต็มปากว่า “รักลุงตู่” แต่หลังถูกจับพร้อมกับจักรยานคู่ใจและถูกดำเนินคดีแรกในชีวิตจากม็อบดินแดง – เห็นชาวทะลุแก็สถูกเจ้าหน้าที่รัฐโต้ตอบด้วย ‘ความรุนแรง’ เกินเหตุสารพัด หลังจากนั้นเขาพยายามเรียนรู้และเข้าใจเรื่องการเมือง นั่งลงลองจดจ่อฟังปราศรัยในม็อบครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ตอนนี้เอียออกปากว่าในวัย 13 ปี เขาเห็นด้วยกับการ “ให้นายกฯ ลาออก” รวมถึงเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของขบวนการเคลื่อนไหวที่แม้แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังสองจิตสองใจว่าจะเอายังไงดีอย่าง “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์”

1.

จักรยานคู่ใจสีฟ้าอมเขียว แนวเหล็กที่คั่นระหว่างเบาะนั่งกับล้อหน้าพาดตัวอักษรคำว่า “SPEEDLY TURBO” ยาวไปตลอดแนว ตัวรถไม่สูงมากขนาดกำลังพอเหมาะกับเด็กที่สูงราว 140-150 ซม. จักรยานคันนี้ถูกเด็กชายใช้ถีบตะลอนไปเที่ยวเล่น ตกปลา เที่ยวบ้านเพื่อน ไป-กลับบ้านย่านเตาปูนแทบทุกวัน เป็นระยะทางเฉลี่ยไม่น้อยกว่าวันละ 10 กิโลเมตร ตามประสาเด็กวัยกำลังโต กำลังซน


ภาพจักรยานคู่ใจของเอีย ขณะถูกยึดไปที่ สน.พหลโยธิน หลังเอียถูกจับกุมใน #ม็อบ13กันยา64 ที่ดินแดง

เย็นวันที่ 13 ก.ย. 2564 หลังมีการชุมนุมต่อเนื่องที่ดินแดงทุกวันมากว่าเดือนเศษ เพจเฟซบุ๊ก “ทะลุแก๊ส” ประกาศยุติบทบาทชั่วคราว เพื่อหาข้อสรุปด้านยุทธศาสตร์ แต่ปรากฏกลุ่มผู้ชุมนุมอิสระยังคงไปรวมตัวกันอยู่ที่แยกดินแดง เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก และเพื่อทวงยุติธรรมให้กับผู้ชุมนุมที่ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงในสลายการชุมนุมจากครั้งก่อนๆ

เป็นอีกวันหนึ่งเช่นหลายครั้งที่ผ่านมาที่ถนนสายนี้ถูกเด็กชายใช้ถีบจักรยานเดินทางผ่านเพื่อกลับบ้าน แต่ในวันนั้นเขากลับถูกจับกุมและดำเนินคดีเป็นครั้งแรกของชีวิต ในวัยเพียง 12 ปี 4 เดือนเศษ

“วันนั้นผมกำลังจะกลับบ้าน เป็นจังหวะที่ผ่านหน้ากรมดุริยางค์พอดี ได้ยินพวกตำรวจประกาศนับ 5 ‘ถ้าใครไม่ยอมกลับ ก็จะจับ’ ตอนนั้นพอผมได้ยิน ผมก็รีบเร่งฝีเท้าถีบจักรยานกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่เผอิญโซ่มันดันหลุดพอดี! แป๊บเดียวก็มีรถกระบะตำรวจมาชนผม จนผมหล่นลงไปในคลองข้างถนนเลย จากนั้นตำรวจเขาก็เรียกให้ผมขึ้นมา ผมก็ค่อยๆ ลุกยันตัวขึ้น แล้วตำรวจก็เดินลงมายกรถจักรยานผมขึ้นมา

“เขาบอกว่าจะจับผม เพราะผมมาชุมนุม แต่ผมบอกว่า ‘ผมผ่านมาเฉยๆ อย่าจับผมเลยพี่ ผมยังเป็นเด็กอยู่เลย ผมจะรีบกลับบ้าน แม่รออยู่’ แต่ตำรวจก็ไม่ฟังแล้วก็ยกรถจักรยานขึ้นรถกระบะตำรวจ แล้วพาผมขึ้นรถไปด้วยเลย

“ตอนแรกเขาบอกว่าจะปล่อยผมไป แต่ก็มีหัวหน้าหรือลูกพี่เขานี่แหละครับมาบอกว่า ‘ไม่ต้องปล่อย’ ‘ให้รีบพาตัวผมไป เพราะเดี๋ยวนักข่าวจะมาเห็น’ เขาก็เลยพาผมกับพี่โอปอล (ผู้สื่อข่าวพลเมือง สำนักข่าวราษฎร) ไปไว้ข้างในกรมดุริยางค์

“ผมได้ยินเขาคุยกันว่า ‘จะเอาไงกับไอ้เด็กคนนี้ดี – จะปล่อยหรือจะยังไง…’ สักพักหนึ่งก็มีคนเหมือนหัวหน้าเขาขับรถเก๋งเข้ามา เปิดกระจกลงแล้วบอกว่า ‘ไม่ต้องปล่อย พาไป สน.พหลฯ แทน เพราะถ้าไป สน.ดินแดง กลัวคนมาล้อม”

คืนนั้นเด็กชายถูกรัดข้อมือด้วยสายเคเบิลไทร์และพาตัวไป สน.พหลโยธิน โดยตำรวจพยายามกีดกันไม่ให้ผู้ปกครองเข้าพบ และเขายืนยันที่จะไม่เซ็นเอกสารใดทั้งนั้น

ท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องถ่ายรูปตอนยื่นสำเนาเอกสารให้แทน พร้อมกับบันทึกภาพและเสียงตอนสอบปากคำถูกเด็กชายถูกแจ้งข้อหา “ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” ซึ่งอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่มาอย่างน้อย 3 ครั้งแล้ว โดยให้เหตุผลว่า ‘สำนวนคดียังไม่สมบูรณ์’ จนถึงขณะนี้อัยการก็ยังไม่มีคำสั่งฟ้องแต่อย่างใด


ภาพม็อบ13กันยา64 ภาพจากประชาไท

“ทำไมเขาต้องใช้ความรุนแรงจับผม ทำไมต้องอยากจับผมเข้าคุก อนาคตผมจะไปต่อยังไง…

“ผมขอร้องพวกพี่เขาตลอดว่า ‘ปล่อยผมไปเถอะพี่ ผมไม่ได้มาทำอะไรผิด’ เขาบอก ‘เค – เดี๋ยวพี่ปล่อย…’ แต่เขาก็ไม่ปล่อย พูดดีกับเขาเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมปล่อยเลย”

เอีย – “คืนนั้นกว่าจะถูกปล่อยตัวก็เกือบ ตี 5 แล้วพี่”

ป้า – “ตำรวจเขาขอพาสเวิร์ดโทรศัพท์เอียด้วยนะ”

แล้วเอียให้รหัสไหม

เอีย – “ให้” (หัวเราะ)

ป้า – “เขาคิดว่าเด็กถูกจ้างมาม็อบ จ้างอะไร ตำรวจจะเจออะไร ค้นไปก็ไม่เจอ สุดท้ายตำรวจก็คืนโทรศัพท์ เพราะมันไม่มีอะไร, หลังจากนั้นกลับไป เขาก็ไปซ้อมปะทะกับ คฝ. ทุกวันเลยนะ (ยิ้ม) เอาฝาหม้อบ้าง ตะหลิวบ้างทำทีว่าปะทะกับตำรวจอยู่” ป้าหัวเราะ ส่วนเอียทำหน้าเขินแล้วรีบยกมือขึ้นมาป้องหน้า

ป้า – “ส่วนคดีเขาก็เลื่อนฟ้องมาเรื่อยๆ อัยการบอกแค่ว่า สำนวนยังไม่พร้อม”


รู้หรือเปล่าเปล่าว่าเขาไปม็อบกันทำไม

“ดูในข่าว เขาบอกว่ามาเรียกร้องให้ประยุทธ์ออกไปนี่แหละ เพราะทำประเทศเสียหาย ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้อะไรมาก เพราะแรกๆ ผมยังไม่อินกับการเมืองไง

“แต่พอดูข่าวเยอะๆ เห็นตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ผมก็อยากไล่ประยุทธ์ด้วยครับ เขาชอบเอาภาษีของคนอื่นไปซื้อของมั่วซั่ว แล้วก็ทำประเทศเป็นหนี้ แถวบ้านผมก็ไม่ชอบเขา เพราะชอบโกหกครับ บอกจะทำประเทศให้ดีขึ้นมา 8 ปีแล้วก็ไม่ยอมทำ ทำไมเขาต้องโกหก”

“ตอนแรกผมก็รักเขาแหละ แต่ตอนหลังเกลียดแล้ว” (หัวเราะ)

2.

การถูกจับที่ดินแดงใน #ม็อบ13กันยน64 ทำให้แม่ของเอีย เข้มงวดมากขึ้นหลายเท่า เขาแทบจะไม่ได้ก้าวออกนอกบ้านเลยนานหลายเดือน จนกระทั่งในช่วงต้นปี 2565 มีการชุมนุม #ม็อบพีมูฟ ของกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เรียกร้องความเป็นธรรมเกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกิน และ #ม็อบชาวนา ของพี่น้องเกษตรกร เรียกร้องให้รัฐชะลอหนี้สินและช่วยเหลือปัญหาราคาข้าวตกต่ำ
 

ม็อบชาวนา หน้ากระทรวงการคลัง ภาพจากไข่แมวชีส

เอีย – “หลังจากแม่ยอมให้ออกบ้านแล้วผมก็ไปทุกม็อบเลย ที่ไปประจำตอนนั้นก็คือ ม็อบพีมูฟ กับ ม็อบชาวนา”

ป้า – “เขาอินมากเลยนะม็อบพีมูฟ เขากลับไปเล่าให้คนแถวบ้านฟังว่า ‘รู้มั้ยว่ามีคนโดนไล่ที่ โดนเอาเปรียบนะ’ เขาชอบไปหาแนวร่วม”

เอีย – “ประยุทธ์ชอบเอาเปรียบคนบนดอย จะทำโรงงาน ที่อื่นก็มี กรุงเทพฯ ก็มี ไม่ยอมไปทำ ไปทำบนเขา…” เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ป้า – “เขาไปคุยกับชาวบ้าน เป็นห่วงชาวบ้านในม็อบมาก ไปถามชาวจะนะว่า ‘กลับบ้านกันได้ไหมครับ’ ‘ถ้าเกิดเขาไล่ที่แล้วจะไปอยู่ที่ไหนกัน’”

เอีย – “ประยุทธ์วันๆ ไม่ยอมทำอะไร เอาแต่นั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง เอาแต่สั่งๆ ไม่ยอมมาตรวจอะไรด้วยตัวเองเลย เอาเปรียบชาวนา จนชาวนาไม่มีอะไรเหลือแล้วเนี่ย พอเขามาเรียกร้องให้ช่วยแก้ปัญหาหน่อย ประยุทธ์ก็ไม่ยอมออกมาเจรจาด้วย…”

แม้จะเป็นม็อบหน้าทำเนียบรัฐบาล – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – วงเวียนใหญ่ เอียก็ยังใช้จักรยานคู่ขวัญซิ่งจากบ้านย่านเตาปูนไปถึงจุดหมายอยู่

เขาทำได้ไง? ทั้งๆ ที่ทางมันทั้งไกล รถเยอะ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และโดยเฉพาะ ‘กรุงเทพฯ’ เมืองที่ไม่ได้เป็นมิตรกับคนรักการขี่จักรยานเลยแม้แต่น้อย ไม่มีเลนจักรยาน เลนที่มีอยู่บนถนนไม่กี่สายก็เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง ทางไม่ต่อเนื่อง และอีกร้อยแปดเหตุผล

“เรื่องปกติ – ก็ผมเป็นนักซิ่งตั้งแต่เกิดแล้ว!” เอียตอบสั้นๆ ด้วยสีหน้าภูมิใจพร้อมแสยะยิ้มเบาๆ

แต่บางจุดหมายที่ไกลเกินกว่าฝีเท้าจะถีบไหวเขาก็ยังเลือกที่จะเดินทางด้วยรถเมล์หรือแท็กซี่

3.

ใน ม็อบพีมูฟ – ม็อบชาวนา น่าจะเป็นการชุมนุมทางการเมืองแรกที่ไปอย่างตั้งใจ เด็กชายเล่าว่าเขาไปเพราะอยากรู้ อยากฟังปราศรัยจะได้เข้าใจการเมืองที่เป็นอยู่ให้มากขึ้น หลังเพิ่งถูกจับ-ดำเนินคดีจากม็อบดินแดงอย่าง ‘งงๆ’ เขารู้คร่าวๆ เพียงว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกี่ยวโยงกับ ‘การเมือง’ และนายกที่ชื่อ ‘ประยุทธ์’

เอียนั่งฟังปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มติดตามการชุมนุมเหมือนแฟนตัวยง จนรู้จักนักกิจกรรมหลายคน โดยเฉพาะ “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมที่ขณะนี้ถูกขังอยู่ในคดี ม.112 และ “พิมพ์” พิมชนก ใจหงษ์ นักกิจกรรมกลุ่มมังกรปฏิวัติ สองคนที่เขายกให้เป็น ‘พี่สาวคนโปรด’ เลยก็ว่าได้

ป้า – “เขารักพี่ตะวัน เขารักพี่พิม รักมาก วันก่อนเขียนจดหมายถึงพี่ตะวัน ป้าบอกให้เขียนให้กำลังใจพี่เขานะ เขียนไปเขียนมาลามไปด่าประยุทธ์เฉยเลย สุดท้ายมีแต่เรื่องด่าประยุทธ์เยอะกว่าเขียนถึงตะวันอีก ไม่รู้จดหมายจะถึงตะวันหรือเปล่า (หัวเราะ)

“วันที่ตะวันโดนถอนประกัน เขาก็ไปช่วยตะโกนหน้าเรือนจำด้วยนะ บอกว่า ป้าผมจะบุกเข้าไปนะ! จะเข้าไปช่วยพี่ตะวัน… พูดอย่างกับเป็นหนัง (หัวเราะ), มันไม่ได้! – เราก็สอนเขาว่าจะทำด้วยความสะใจอย่างเดียวไม่ได้ เดี๋ยวจะลำบากทีหลัง”

ทำไมถึงรักพี่ตะวัน

เอีย – “ผมชอบพี่ตะวันเพราะเขาพูดเรื่องการเมือง ตอนนี้เป็นห่วงแล้วก็สงสารเขา อยากให้เขาออกมา”

“เขายื่นประกันพี่ตะวันไปยังนะป้า” เอียหันหลังขวับไปถามป้า

ป้า – “น่าจะยื่นแล้วมั้ง…”
 

ภาพจากไข่แมวชีส

เราจึงอธิบายต่อว่า ทนายยื่นประกันตะวันไปแล้วตั้งแต่วันที่ถูกศาลถอนประกัน และครั้งล่าสุดได้ทำการคัดค้านการขอฝากขังของตำรวจไป ซึ่งน่าจะยื่นคัดค้านฝากขังอีกทีในวันที่ 5 พ.ค. 2565

ป้า – “ก็วันเดียวกับที่เอียต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีที่ 2 ที่ สน.นางเลิ้ง”

เอีย – “พี่ตะวันไม่กินข้าว ตอนนี้คงตัวเล็กกว่าผมแล้วมั้งน่ะ… สงสารพี่พิมด้วย พี่พิมก็ไม่ได้นอน เพราะเป็นห่วงพี่ตะวัน

“ประเทศนี่มันอยู่ไม่ได้แล้ว พูดไรนิดหน่อยก็โดนเข้าคุก” เอียพูดด้วยน้ำเสียงโมโห

ขณะเดียวกันเขาบอกว่า การได้นั่งฟังปราศรัย ถกถาม ถกเถียงกับเหล่านักกิจกรรมในม็อบ ทำให้เขาเองมีคลังความรู้เรื่องการเมืองมากยิ่งขึ้น จากความสนใจใคร่รู้เพราะเห็นข่าวการชุมนุมของทะลุแก็สที่ดินแดงบนจอทีวี และต่อมาถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงจับกุม-ดำเนินคดี จนเริ่มเห็นด้วยเรื่องการขับไล่รัฐประยุทธ์ วันนี้เขาบอกว่าตัวเองเข้าใจและเอาด้วยกับข้อเรียกร้องอย่าง ‘การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์’ แล้ว

‘เด็กอายุ 13 อยากจะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์’

4.

เอียกลายเป็นที่รู้จักของใครหลายคนมากขึ้น หลังเหตุการณ์ประจันหน้ากับตำรวจด้วยท่าทางสุดกวนโอ๊ย ในการชุมนุม #ม็อบ6เมษาใครฆ่าพระเจ้าตาก ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ เพื่อเรียกร้องให้มีการชำระประวัติศาสตร์และให้ความเป็นธรรมกับพระเจ้าตาก กรณีถูกรัฐประหารอำนาจการปกครองจนสิ้นพระชนม์

หลังการชุมนุมในวันนั้นเริ่มต้นขึ้นไม่นาน ผู้กำกับการ สน.บุปผาราม ได้ประกาศผ่านโทรโข่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการรวมตัวทำกิจกรรมเนื่องจากอาจเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขณะที่ตำรวจประกาศต่อไปเรื่อยๆ เด็กชายเดินเข้าไป พร้อมทำสีหน้าและท่าทียียวน แกล้งทำทีเอาหัวหมุดเข้าไปในโทรโข่งบ้าง ดึงเสื้อยืดตัวเองไปแกล้งคลุมโทรโข่งของตำรวจบ้าง ทำหน้าผีแลบปลิ้นตาทำท่ากระโจนใส่ตำรวจบ้าง

หลังภาพเรียกรอยยิ้มเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไป กลายเป็นว่าผู้คนในโลกโซเซียลถูกใจกันมากถึงมากที่สุด เอียจึงแจ้งเกิดในวันนั้น


ม็อบ6เมษาใครฆ่าพระเจ้าตาก ภาพจากไข่แมวชีส

ทำไมกล้าไปแกล้งตำรวจแบบนั้น

เอีย – “เขาพูดๆๆ อะไรของเขาก็ไม่รู้ ผมก็เลยบอกว่า ‘ไร้สาระ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง’ ตำรวจเขาพูดอะไรไม่มีความจริงเลยสักอย่าง… ผมไม่อยากฟังก็เลยเอาเสื้อไปคลุมโทรโข่งตำรวจเลย เขาก็หลบ ผมเลยเอาหัวไปหมุด เขาก็หลบอีก สักพักเขาก็ผลักผม ผมก็ยังแกล้งเอาหัวเข้าไปหมุดใหม่เรื่อยๆ เลย จากนั้นไม่พอผมไปยกกรวยจราจรขึ้นมาทำท่าพูดเหมือนเป็นโทรโข่งบ้าง พูดไล่ตำรวจ แล้วก็มีตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาเหมือนจะต่อยผมเพราะไม่พอใจด้วย ใครไม่รู้

“จนสุดท้ายตำรวจน่าจะทนไม่ไหวก็เลยไม่พูดต่อ กลับเลย (หัวเราะ)”

ป้า – “เป็นวันแจ้งเกิดของเอียเลย เอาหัวไปหมุดลำโพง เอาเสื้อไปคลุมลำโพงตำรวจ (หัวเราะ) มีคนเอาไปลงติ๊กต๊อกด้วย คนดูเป็นแสนแหนะ ดังเลยจากคลิปนั้น”

แสบมาก – หลายคนบอกเขาอย่างงั้น เพราะในวันที่ ‘ผู้พิทักษ์ราษฎร์’ สร้างความยำเกรงให้ประชาชนจำยอมแบบไม่เลือกหน้า ยังมีเด็กชาย 12 ปี คนหนึ่งที่ขนาดตัวสูงไม่ถึงหน้าอกผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำกล้าเผชิญหน้าและจ้องตากลับชายชุดกากี

5.


เห็นเอียเป็นคนท่าทางกวนๆ ความคิดโตเกินตัวและดูเข้มแข็งเกินวัยอย่างนี้ แต่เขาเคยปล่อยโหร้องไห้ในม็อบมาแล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์วันเดียวกันกับที่นำมาสู่คดีที่ 2 ในชีวิตของเขา นั่นก็คือ #ม็อบ15เมษา65 เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2565 ในวันนั้นกลุ่มมังกรปฏิวัตินัดหมายเพื่อทำกิจกรรม ‘รับเสด็จรดน้ำดำหัวราชวงศ์จักรี’ ที่บริเวณวัดพระแก้ว

แต่ปรากฏว่าเวลาประมาณเกือบสี่โมงเย็น มีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวปิดถนนพยายามขัดขวางการแสดงออก จนแกนนำได้รับบาดเจ็บ และวันนั้นเอียถึงกับ ‘น้ำตาซึม’ ให้พี่ๆ น้องๆ เห็นเป็นครั้งแรก


#ม็อบ15เมษา65 ภาพจากไข่แมวชีส

เอีย – “วันนั้นพี่อายโดนต่อยที่หน้าอก พี่ตะวันโดนต่อยหน้า ผมก็เลยจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่ผมกลับถูกเตะขา”

ป้า – “เอียร้องไห้เลย”

เอีย – “แล้วก็มีตำรจแก่ๆ ดึงคอเสื้อผม ถามว่ามาจากไหน จะดึงผมขึ้นรถตำรวจ ผมก็พยายามดิ้นหนี สักพักก็มีพี่อายดึงตัวผมออกมา หลังจากนั้นตำรวจก็บอกว่าให้ไปโรงพยาบาล ไปตรวจว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แล้วเขาก็เอาชื่อผมไป ผมไม่ได้แผลอะไร มีแค่ ‘ช้ำตรงส้นเท้า กับหัวเข่า’ ปวดนานหลายวันเลยกว่าจะหาย


#ม็อบ15เมษา65 ภาพจากไข่แมวชีส

เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายรายรวมถึงการเข้าชาร์ตเพื่อจับกุมของตำรวจ โดยมีผู้ชุมนุมบางรายถูกกดหัวลงกับพื้นจนแว่นแตก ฟันกระแทกกับพื้น และบางรายถูกกระทืบด้วย สุดท้ายกลุ่มมังกรปฏิวัติยุติการเคลื่อนขบวนไปวัดพระแก้ว โดยยังไม่ได้รับเสด็จตามนัดหมายแต่อย่างใด

“เดี๋ยวนี้ผมจะไม่ค่อยไปม็อบแล้ว เพราะจะต้องแข่งบอลแล้ว”

เกี่ยวอะไรกับแข่งเตะฟุตบอล

“ไม่ได้! เดี๋ยวแข่งบอลอยู่ ตำรวจจะไปจับในสนาม เกมส์ยังไม่ทันจบ ตำรวจมาจับก่อนจะทำไง (หัวเราะ)” เขาพูดติดตลกแล้วหัวเราะกร๊ากชอบใจใหญ่ แต่ความจริงเขากำลังจะบอกว่าการไปม็อบทำให้เสี่ยงบาดเจ็บ ซึ่งจะทำให้ลงแข่งนัดเตะลูกหนังไม่ได้

“ป้าเมื่อไหร่จะพาไปซื้อรองเท้า ป้าไม่ยอมพาไปสักที!” เด็กชายหันหลังไปงอแงกับป้าของเขา ให้พาไปซื้อรองเท้าสตั๊ดเพื่อใช้ลงแข่งฟุตบอลนัดสำคัญที่ใกล้จะมาถึงอีกครั้ง ตลอดการสนทนาเอียหันไปพูดกับป้าทำนองว่า ‘เดี๋ยวร้านปิดนะ, กี่โมงแล้ว’ เป็นพักๆ ราว 4-5 ครั้งได้

6.

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2565 หลังเอียจัดงานวันเกิดอายุครบ “13 ปี” ได้เพียง 3 วัน เด็กชายได้รับหมายเรียกจาก สน.นางเลิ้ง โดยถูกกล่าวหาว่าเข้าร่วมการชุมนุมและร่วมทำร้ายร่างกายตำรวจในการชุมนุม #ม็อบ15เมษา65 ซึ่งนับว่าเป็นคดีที่ 2 ในชีวิตของเด็กชาย

กระดาษสีขาวหนึ่งใบระบุโทษสูงสุดว่าเขาอาจจะต้องถูกจำคุกสูงสุดนานถึง 2 ปี เป็นเสมือนสิ่งตอกย้ำว่าก้าวต่อไปบนถนนวัย 13 ขวบปีของเขาไม่ราบเรียบ และคงไม่สนุกสนานเหมือนเด็กคนทั่วไปอีกแล้ว


หมายเรียกคดีที่ 2 ของเอีย

ตกใจไหมที่ได้หมายเรียกอีกแล้ว

เอีย – “ผมก็เอ้าโดนได้ไง! เมื่อวาน (วันที่ได้หมายเรียก) ผมก็เศร้าอยู่ แต่ไม่ได้ร้องไห้ ปกติ แต่ก็ซึม เพราะแม่ผมด่าขนาดนั้น ผมก็ซึมเลย”

แม่ว่าไงบ้าง

เอีย – “แม่ด่าว่า มึงไปทำอะไรมาอีกแล้ว ไปก่อความวุ่นวายอะไรมาอีกแล้ว เดี๋ยวให้เปลี่ยนนามสกุลเลย (หัวเราะ) แต่ผมก็ปกติ เรื่องมันจิ๊บจ๊อยไปแล้ว”

ป้า – “มีคนบอกว่าซึมไปเลยเมื่อวาน”

เอีย – “ไม่ซึมพูดจริงงงงงง !” เขาปฎิเสธเสียงแข็งแต่ลากเสียงสูง

“ทำไมตำรวจมันถึงแจ้งผม ผมก็อายุแค่นี้ ความผิดก็ไม่มี ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ตำรวจนั่นแหละที่เป็นคนทำผมก่อน ตำรวจเอาแต่จับคน ตั้งด่านลอย แถวบ้านผมก็จับอย่างเดียว”

ป้า – “เขาเข้าใจว่าตำรวจรีดไถชาวบ้านแล้วก็เอาตังไปให้เมีย (หัวเราะ)”

เอีย – “ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวไปกระทืบเด็กที่ดินแดง ต่อยพวกพี่ตะวัน ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ในทีวีผมก็เห็นข่าวตำรวจชอบจับคนไปเรียกค่าไถ่ จับผิดคน จับแพะ”

ป้า – “ในข่าวมีแต่ตำรวจไม่ดีไง เด็กมันก็เลยไม่ค่อยชอบตำรวจกัน”

7.

เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนี้ หลายคนคงกำลังวิ่งเล่นอยู่บนสนามหญ้าโรงเรียนใหม่ – สนุกกับเกมโทรศัพท์ – ตื่นมาดูการ์ตูนในเช้าวันหยุด ใช้ทั้งวันไปกับการเล่นสนุก กินขนม และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้สมกับวัย แต่เอียออกไปเรียนรู้โลกแห่งความจริง ถูกตำรวจจับ จนมีคดีติดตัวถึง 2 คดี ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดรวมกันทั้งหมด 4 ปี

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีอีกด้านหนึ่งที่เหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆ ไป เด็กที่ใช้เวลาว่างไปกับเตะฟุตบอลและฝันว่าจะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพเมื่อโตขึ้น เขายังดูการ์ตูน เล่นเกมส์เหมือนเด็กคนอื่น และใช้เวลาว่างอีกส่วนใหญ่ๆ เพื่อหารายได้จากการ “เชิดสิงโต” และ “ตกปลา” ตั้งแต่จำความได้


บางครั้งปลาที่เอียตกได้ส่วนหนึ่งถูกนำมาทำอาหาร

ปลาดุก ปลาสวาย ฯลฯ ที่เอียตกได้ถูกขายในราคาตลาดให้กับคนมากหน้าหลายตา หลังๆ มานี้ลูกค้ามักจะเป็นกลุ่มแฟนคลับของเขาที่รู้จักจากม็อบมากกว่า โดยเฉพาะพ่อยกแม่ยกที่เหมาเกลี้ยงแทบทุกวัน มิหนำซ้ำบางครั้งยังเข้าคิวส่งสั่งจองล่วงหน้าข้ามวันอีกต่างหาก เอียมีเงินจุนเจือครอบครัวตั้งแต่เขาเริ่มตกปลาเป็น มาจนถึงตอนนี้ที่กลาย “เซียนคันเบ็ด” ไปแล้ว

เงินที่พอหามาได้ก็ไม่ได้มากพอจะยกสถานะครอบครัวให้ดีขึ้นแบบตาเห็น แม่ของเอียยังต้องทำงานหาเงินเลี้ยงในบ้านอีก 6 คน เอียมีน้อง 2 คน มีพี่ชาย 1 คน และพี่สาวอีก 1 คน ในบ้านยังมียายอีกคนหนึ่งด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขายังไม่ได้เรียนต่อชั้น ม.1 หลังเรียนจบ ป.6 มาได้เกือบปีแล้ว

เอียอยากจะเรียนต่อ ม.1 ไหม

เอีย – “ไม่แน่ใจ, ต้องคุยกับแม่เรื่องค่าเทอมก่อนครับ แล้วก็มีค่าเดินทางด้วยครับ เพราะโรงเรียนเดิมมีถึงแค่ ป.6 โรงเรียนใหม่อยู่ไกลไปตั้ง 10 กว่ากิโล”

ป้า – “จริงๆ ค่าเทอมมันก็ไม่ได้แพงมากหรอก แต่เขากลัวที่บ้านไม่มีเงินจ่าย เขาเสียดายตังค์ด้วย”

เอีย – “จริงๆ ผมอยากเรียนนะครับ แต่เข้าเรียนปีนี้น่าจะไม่ทันแล้ว ต้องรอปีหน้าครับ”

ประเทศในฝันของเอียเป็นแบบไหน

“ประเทศที่ดี ไม่มีภัยร้ายเข้ามา ประเทศรุ่งเรือง เศรษฐกิจดี แต่ประยุทธ์ทำอะไรไม่ได้เลย ประเทศก็จนเหมือนเดิม ค่าแรงก็ถูกลง ภาษีก็เก็บแพงขึ้น มีแต่ ‘ยาบ้า’ ที่ราคาดี อยากให้คนเท่าๆ กัน เท่าเทียม อยากให้เอาภาษีไปใช้ในทางที่ถูก ไม่ใช่เอาไปซื้อของไร้ประโยชน์ – อย่างเรือดำน้ำ

“ฝากถึงรัฐนะครับ ที่ทำความวุ่นวายในบ้านเมือง ให้ตำรวจทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ใช้ความรุนแรงกับชาวบ้าน กับคนที่เขามาขอความช่วยเหลือในม็อบ เขามาอย่างสันติ แต่ทำไมถึงต้องใช้แต่ความรุนแรงกับพวกเขา กับพวกเรา กับผม …”

เอีย อายุ 13 ปี เยาวชนอายุน้อยที่สุดที่ถูกจับกุมในคดีการเมือง

*หมายเหตุ ทำการสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2565