วันอังคาร, กันยายน 14, 2564

ข้อคิด การประท้วงที่ดินแดง เมื่อรัฐปรับกลยุทธ์

ภาพจาก ประชาไท

Yingcheep Atchanont
16h ·

การชุมนุมที่ดินแดงเมื่อคืนที่ผ่านมา (12กันยา) นอกจากกรณีรถสน.พลับพลาไชย ที่ดันขับฝ่าพื้นที่ชุมนุมมาชนคน ซึ่งน่าจะอยู่นอกแผนการรับมือหลักของตำรวจ ที่เหลือตำรวจปรากฏตัวมาเพื่อปะทะน้อยมาก รถฉีดน้ำพร้อมกำลังหนึ่งกองปรากฏมาสองครั้ง เพื่อดับไฟที่ไหม้ซุ้มตรงทางด่วน ดับเสร็จแล้วกลับไป ในจุดที่มีคนขว้างเยอะๆ ก็ถูกแก๊สน้ำตาสวนบ้าง กระสุนยางบ้าง แต่ตำรวจไม่วิ่งดาหน้าออกมา
การปฏิบัติจุดไหนถูกบ้างผิดบ้าง ในทางกฎหมายขอไปว่ากันอีกสนามหนึ่ง เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริงที่นิ่งพอ แต่ในทางการเมืองตำรวจแสดงความ "ฉลาด" ในการวางแผนปฏิบัติการได้พอสมควร
ในวันที่ตำรวจดาหน้าออกมาวิ่งเข้าใส่ประชาชนเหมือนหมาบ้า เอากระบองหวด ยิงกระสุนยางจ่อๆ มีผู้บาดเจ็บและมีหลักฐานมากมาย สังคมจะหันมาสนใจและรุมด่าตำรวจ ไม่ว่าจะเห็นด้วยกับผู้ชุมนุมชาวทะลุแก๊สหรือไม่ก็ต้องด่าตำรวจก่อน พอตำรวจใช้วิธีไม่ปรากฏตัว ผู้ชุมนุมมาถึงก็ไม่รู้จะปาใส่เป้าหมายอะไร ไม่รู้จะปะทะกับใคร
บางคนอาจเตรียมของมาแล้วมากมาย ก็เลยจุดเล่น ก่อให้เกิดเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญกับคนที่อยู่อาศัยใกล้เคียง นักข่าวมากันเต็มมากมายก็ไม่อาจถ่ายภาพที่เป็นความรุนแรงจากตำรวจ ภาพถ่ายที่เผยแพร่ออกไปและสร้างภาพจำของสมรภูมิดินแดงจึงเป็นภาพของกลุ่มชายวัยรุ่น ขว้างนั่นขว้างนี่ ตะโกนบอกกันตำรวจมาทางนั้น ทางนี้ ขี่มอไซค์วนไปวนมา จุดกองไฟบนถนน ปิดถนนสาธารณะตั้งกลุ่มจับจองพื้นที่หลังเคอร์ฟิว
พอมีภาพทำนองนี้ติดต่อกันสักพัก คนก็จะเริ่มรู้สึกเบื่อกับสถานการณ์ที่ดินแดง ขณะที่ตำรวจก็เอาภาพความรุนแรงจากผู้ชุมนุมมาออกสื่อสาธารณะเรื่อยๆ เรียกพวกเขาว่า "ผู้ก่อความไม่สงบ" ซ้ำๆ จนเข้าไปในหูคนที่รับข่าวสาร เมื่อวันไหนตำรวจเห็นจังหวะฟ้าฝนเหมาะ มีข่าวอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจ ก็ค่อยใช้กำลังเป็นหมาบ้าวิ่งไล่จับและทำร้ายร่างกายอีกครั้งได้ และถ้าตำรวจอดทนพอปล่อยให้ชาวทะลุแก๊สมารวมตัวกันครั้งแล้วครั้งเล่าโดยตำรวจไม่ได้ออกมาทำอะไร เดี๋ยวกำลังก็คงตกลง ของก็หมดเพราะจุดเล่นไปเยอะแล้ว คนและสื่อเลิกสนใจ ตำรวจก็จะถือความได้เปรียบเต็มที่ในการปราบปรามไม่รู้รูปแบบไหนบ้าง
ในการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้วัดกันที่ใครมีกำลังมากกว่า เพราะต่อให้วัดยังไงฝ่ายรัฐก็มีกำลังมากกว่า แต่วัดกันที่การสร้างความรับรู้และสร้างความชอบธรรมในสายตาของประชาชนคนอื่นๆ อีกหลักสิบล้าน ถ้าตำรวจฝ่ายวางแผนจิตวิทยา "ฉลาด" ได้พอสมควรหรือมากกว่านี้ โอกาสชนะใจสังคมของตำรวจก็อยู่ในมือพวกเขาเองอยู่แล้ว และก็คิดว่าคงมีคนฉลาดๆ อยู่บ้างในห้องประชุม
การชุมนุมอิสระ แบบไม่มีแกนนำ ไม่มีใครสั่งใครได้มีความสวยงาม แต่ก็มีจุดอ่อนเมื่อต้องเล่นเกมเพื่อสร้างความชอบธรรมในระยะยาว เพราะทิศทางการสื่อสารไม่ชัด และการตัดสินใจของแต่ละบุคคลก็อาจกระทบภาพลักษณ์แบบเหมารวม จึงมีโอกาสแพ้ในเกมระยะยาวได้ง่าย

Atukkit Sawangsuk
8h ·

เห็นด้วยว่ามันใช้กลยุทธ์สลับ
พอข่าวอื่นกลบ คนไม่ทันสนใจมันก็ใช้ความรุนแรงกับทะลุแก๊ซ กับชาวแฟลต
พอเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา นักข่าวเยอะ ผู้สังเกตการณ์เยอะ มันก็ลดระดับ ปล่อยให้ม็อบเคว้งกลายเป็นขว้างปาเล่น
อันนี้อยู่ที่เราจะสร้างสภาพแวดล้อมช่วยกันอย่างไร
เช่นประกาศตั้งทีมสังเกตการณ์ประจำ มีทั้งสื่อทั้งตัวแทนนักวิชาการ ส.ส. กรรมาธิการ เพื่อไม่ให้ตำรวจทำเกินกว่าเหตุอีก

The Reporters
36m ·

NEWSCLIP:เปิดใจ "โอปอล สำนักข่าวราษฎร" เผย ถูกแจ้ง 2 ข้อหา ตำรวจนำตัวสอบปากคำ สน.พหลโยธิน และยื่นฝากขังวันพรุ่งนี้ รวมทั้งผู้ร่วมชุมนุม 11 คน ยัน มีกำลังใจดี ตำรวจฝากขังพรุ่งนี้ เตรียมยื่นประกันตัว #ม็อบ13กันยา
วันนี้ (13 ก.ย.) เวลา 01.30 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานยอดผู้จับกุมใน #ม็อบ13กันยา จากการเข้าควบคุมพื้นที่ของจนท.คฝ. บริเวณถนนมิตรไมตรี โดยมีผู้สื่อข่าวอิสระจากเพจเฟซบุ๊ซปล่อยเพื่อนเรา สำนักข่าวราษฎร "นายณัฐพงศ์ มาลี หรือ โอปอล" และแพทย์อาสารายหนึ่ง ถูกควบคุมตัวมายัง สน.พหลโยธิน เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาด้วย
นายณัฐพงศ์ เผยว่า เจ้าหน้าที่นั้นได้ขอตรวจบัตรสื่อมวลชน แต่ไม่มีใบอนุญาติออกนอกเคหะสถานในเวลาฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว) ซึ่งได้ทำเรื่องขออนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ โดยจนท.ได้นำตัวไปยังรถยนต์กะบะ ในช่วงแรกจะมีการนำตัวไปยังกรมดุริยางค์ทหารบก แต่มีการนำตัวมายัง สน.พหลโยธิน พร้อมกับมวลชนที่ถูกจับกุมแทน แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงการลงบันทึกหรือจดประวัติเท่านั้น พร้อมขอบคุณทุกคนที่ติดตามแลพให้ความเป็นห่วง โดยยืนยันว่าจะยังคงทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว และจะมีความรัดกุมในการปฎิบัติหน้าที่มากกว่านี้
ทั้งนี้นายณัฐพงศ์ มาลี หรือ "โอปอล " ผู้สื่อข่าวเพจ วำนักข่าวราษฎร ได้ถูกดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ห้ามมีการออกนอกเคหะสถานในเวลา 21.00 - 04.00 น. และห้ามมีการจัดกิจกรรมชุมนุม หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค
ส่วนผู้ร่วมชุมนุมที่ถูกจับกุมมาด้วยนั้นมีการดำเนินคดีในข้อกล่าว มาตรา 215 ฐานมั่วสุมเกิน 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว) รวมผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 11 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน จะนำตัวส่งแก่ ศาลอาญา รัชดา ในช่วงเช้าต่อไป
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์