คอการเมืองทั่วไปบอกว่าเป็น ‘tall order’ หรือตั้งหวังสูงเกินเอื้อม หลังจากที่ร่วมหัวจมท้ายกับกลุ่มสืบอำนาจ คสช.มาสามปีกว่า ขยับจากเมียน้อย ‘น้ำใต้ศอก’ มาเป็น ‘กิ๊ก’ เมียเก็บ พาออกเที่ยวเป็นครั้งคราว ก็ยังไม่มีทางได้เชิดหน้าชูตา
ซ้ำยังเสื่อมโทรมลงไปทุกวัน แต่วานนี้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล้าคุยคำโต อาจจะเป็นเพราะว่าที่นั่นเหมือนหลังบ้าน จัดสวนหย่อมริมสระ มีซุ้มไม้ดอกชื่นตาเจริญใจ เป็นของตายไม่ไปไหนเสีย แต่ก็ยังเห็นมีเสียงสาดเสียประปราย บอกอะไรกันสวน ‘สภาพพพ’
โพสต์ของใครไม่ต้องบอกให้เสียอารมณ์ แต่สิ่งที่เขาพูดถึงก็จริงแหละ ‘แซนด์บล็อก’ กำลังจะเป็นปลักโคลน คลัสเตอร์โควิดกลับมาขย้ำซ้ำ นักท่องเที่ยวระเห็ดกลับบ้านกลางคันกันเป็นพรวน คนพื้นที่ยังย่ำแย่ มองไม่เห็นทางฟื้น แต่ ‘อู๊ดด้า’ เอาแต่คุยอวดตัว
ไม่ได้พูดถึงนโยบายหรือแผนงานสำหรับพื้นที่ก่อนจะไปถึงการเลือกตั้ง จะทำอย่างไรให้ชาวบ้านใจชื้น รอวันชื่นใจเมื่อได้ผ่อนคลายความหวาดกลัวภัยโรคระบาดร้าย และที่สุดกว่านั้นได้เห็นภาพกันว่าจะลืมตาอ้าปากกันอีกครั้ง อีท่าไหน
หัวหน้า ปชป.บอกว่าพรรคเตรียมตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งหน้าไว้ ๒ คนพักใหญ่แล้ว ตอนนี้เพียงปรับกระบวนเล็กน้อย หาผู้สมัครคนที่สามตามสเป็คมาลงเขตเลือกตั้งที่เพิ่มใหม่ จะได้ยกทีมประชาธิปัตย์ทั้งภูเก็ต ไม่เผื่อเหลือให้ใครอื่น
เขาชี้ว่าภูเก็ตนี่เป็นสังคมเมืองใหญ่ คล้ายกรุงเทพฯ เชียงใหม่ นัยว่าพื้นที่ถนัดของพรรคแมลงสาบมาแต่ไหนแต่ไร แต่คงลืมไปว่าในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ปชป.พ่ายยับเยินในกรุงเทพฯ เพราะเกิด ‘อนาคตใหม่ฟีเวอร์’ อู๊ดด้าคงเอามโนเข้าสู้ว่าครั้งหน้าไม่มีแล้ว
ห่างกันวันเดียวคณะของรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์แวะที่ระนองในเส้นทาง มีการจัดปรัมต้อนรับเอิกเกริกที่ อ.กระบุรี แทนที่จะผ่านมาอย่างเรี่ยมแร้และซาบซ่า กลับปรากฏมีโพสต์ “feeling terrible” ออกมาว่า #กาแฟดีที่ระนองถูกตบหัวทิ่ม...
แถมมีขนุนจำปาดะชุบแป้งทอด ของว่างลือชื่อเป็นเครื่องเคียง ปรากฏว่ารองนายกฯ มีเรื่องต้องคิดมากมาย ไม่ฉุกคิดว่าเจ้าของพื้นที่เขาต้องการอวด ‘ของดี’ ระนอง ต่อรัฐมนตรีพาณิชย์โดยตรง ถ้าเป็นรัฐมนตรีไว้ด่าม็อบ ฟ้องแกนนำชุมนุม ก็ไปอย่าง
พวกเขาคงไม่มาบ่นน้อยอกน้อยใจ ถ้าด็อกเต้อเสกสถลไม่ยอมจิบกาแฟดีระนอง เอาแต่ดื่มน้ำแร่ที่ทีมเลขาฯ จัดเตรียมหิ้วไปด้วย คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง “ฝากไว้ให้ทีมงานได้คิดและละเอียดรอบคอบมากกว่านี้” โพสต์ลงท้ายว่าอย่าปล่อยให้ของดีพื้นที่ “ถูกตบหัวทิ่ม” อีก
ระนองกับภูเก็ตก็ไม่ไกลกันมากเท่าไรนัก เหตุเกิดที่กระบุรี่อาจจะมีคลื่นกระทบไปถึงป่าตองก็ได้นา อุทธาหรณ์เคยมีมาแล้ว สมัยนายหัวเมืองตรังได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั่น เคยมีผู้บริหารในสำนักนายกฯ เล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งมีงานเลี้ยงรับรองแขกต่างประเทศ
ยุคนั้นมีเครื่องดื่มชนิด ‘ดัง’ ในต่างประเทศ เรียกว่า ‘ไวน์คูลเลอร์’ ประมาณเหล้าไวน์ (ขาวหรือชมพู) ผสมเซเว่นอัพนั่นละ บ้านเราสมัยนั้นยังพอทันโลกอยู่ จึงมีบริษัทผลิตเครื่องดื่มประเภทนี้บรรจุขวดขายเป็นล่ำเป็นสัน เรียกชื่อเก๋ไก๋ว่า ‘สไปร์’
งานนั้นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเลี้ยงของสำนักนายกฯ เลือกใช้สไปร์นี่แหละเป็นเครื่องดื่มรับรองแขก เผื่อว่าต่างชาติเห็นแล้วติดใจ นำไปแพร่งพรายหรือกระทั่งช่วยเผยแพร่ในต่างประเทศ จะทำให้ไวน์คูลเลอร์ไทย ‘โกอินเตอร์’ อาจดังก่อน ‘เร็ดบูล’ ก็ได้
ที่ไหนได้ ‘ทั่นชวน’ ไม่เห็นด้วย เห็นว่าเป็นเครื่องดื่มชนิดที่วัยรุ่นไทยยุคนั้นนิยม ดูไม่ขลึม ไม่คัมภีรภาพ ทั่นสั่งยกเลิก ดูเหมือนนายกฯ ให้เปลี่ยนเป็น ‘โกปี๊’ แทนมั้ง ต่างชาติที่ไปร่วมงานร้องอ๋อ เฮ้ เลียนแบบจ๊อร์จทาวน์ ปีนัง นี่หว่า
(https://www.facebook.com/oh.ponchai/posts/4496280430437901 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2937651)
