วันจันทร์, พฤษภาคม 10, 2564

อาจารย์ชลธิรา สัตยาวัฒนา เขียนบทยกย่องเพนกวิน "วรรณกรรมคนคุก" ถ่ายทอดความรู้สึก ความหวังที่มีต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ กินใจยิ่ง กำลังเป็นที่กล่าวขานกัน อย่าพลาด...


บทกวีของ เพนกวิน พริษฐ์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความหวังที่มีต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์

Nov 22, 2020

The Reporters TV

เวลา 16 วัน ในเรือนจำ เป็นห้วงเวลาที่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้กลับมาทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบอีกครั้ง นั่นคือการเขียนบทกวี.. 

เพนกวินถ่ายทอดประสบการณ์การต่อสู้ในช่วงชุมนุม รวมทั้งประสบการณ์ในเรือนจำ และความรู้สึก ความหวังที่มีต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เป็นบทกลอนขนาดยาว บทนี้..
.....
Jaran Ditapichai
5h ·

ขอบคุณอาจารย์ชลธิรา สัตยาวัฒนา เขียนบทยกย่องเพนกวิน กินใจยิ่ง ครับ

"วรรณกรรมคนคุก"
ยิ่งกว่านานทีปีหน
ทุกกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางสังคมในเชิงโครงสร้าง ไม่มี "ประวัติศาสตร์" หน้าใด ที่เขียนขึ้นได้โดยฝ่ายประชาชน ถ้าปราศจาก "ผู้กล้าหาญและเสียสละ"
เราผู้ร่วมสร้าง "ประวัติศาสตร์ประชาชน" ช่วยกันได้ ด้วยการขบคิดใคร่ครวญว่าจะทำอย่างไรจึงจะสูญเสีย "ลูกที่แสนดี" ของประชาชนในจำนวนที่น้อยที่สุด หรือต้องไม่ต้องสูญเสียเลย หากเป็นไปได้
'ทะแกล้วทหารเสือฝ่ายประชาชน' อย่างแท้จริงนั้น เป็นนักรบที่มีคุณภาพ กว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์จะสร้างขึ้นมาได้นั้นแสนยาก ใช้เวลาหลายขวบปี ลงทั้งน้ำพักน้ำแรงและน้ำใจ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือสถาบันการศึกษา แต่เพื่อแผ่นดินเกิด เพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชน เพื่อโลกและมวลมนุษยชาติ
การจะเป็น 'นักรบเพื่อประชาชน' นั้น ฝืนใจกันไม่ได้ บีบบังคับกันยิ่งไม่ได้ แม้จ้างวานก็ไม่ยั่งยืน เขาต้องรู้สึกอยู่ภายใน ด้วยมโนธรรมสำนึกของเขาเอง ด้วยความตระหนักและตื่นรู้อยู่ภายใน สั่งสมความเข้าใจในเชิงปริมาณต่อความขัดแย้งเชิงโครงสร้างของสังคม จนได้ที่ในเชิงคุณภาพ แล้วรื้อสร้างทำลาย 'ตัวตน' เก่า สลัดตัวเองออกมาจาก 'บ่วง' ต่างๆ ที่ร้อยรัดไว้ สร้าง 'ตัวตน' ใหม่ ที่รู้จักรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง และรักประชาชนยิ่งกว่าใครทั้งสิ้น
ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา มีบรรยากาศการเมืองที่คนหนุ่มสาวได้ ‘ออกฤทธิ์ออกเดช’ สำแดงพลังความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเมืองขนานใหญ่ บรรยากาศเช่นนี้เอื้อให้ก่อเกิด ‘วรรณกรรมการเมือง’ จากความใฝ่ฝันและประสบการณ์ตรงของหนุ่มสาวบางคน ที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ทดลองปฏิบัติการเคลื่อนไหวสังคมเพื่อสานฝันของตน โดยเอาชีวิตตนเข้าแลก ในการนี้ 'นกตื่นรู้’ หลายตัวต้องติด 'กับดัก' เหมือน ‘พญาหงส์ทอง’ ติดบ่วงแร้วของนายพรานและพระยาเวณสา (อ่านเรื่องเต็ม "พญาหงส์" ในตอนที่แล้ว)
นี่คือ ‘วรรณกรรมการเมือง’ ของ 'คนคุกเจ้าปัญญา' พริษฐ์ ชีวารักษ์ เจ้าของฉายา ‘เพนกวิ้น’ ที่แต่งใน ‘คุก’ ซึ่งผู้เขีบนพบจากสื่อยูทูบโดยบังเอิญ
เจ้าตัวนกกวิ้น ว่า ‘บทกวี คนคุก’ อย่างพรั่งพรู ขณะให้สัมภาษณ์กับนักข่าว 'พี่แยม' (คุณฐาปนีย์ เอียดศรีไชย) ที่ไปเยี่ยมขอสัมภาษณ์ถึงที่คุมขัง ไม่ได้เหลียวแลดู ‘บท’ แม้แต่แวบเดียว เพราะเขาแต่งขึ้นเอง มันจึงฝังประทับอยู่ในใจ
ยามฟัง เห็นหน้าผู้ร่ายบทกวี รู้สึกได้ว่า เป็น 'บทกวี คนคุก' ที่ทรงพลัง อัดแน่นด้วยเนืัอหาสาระ และเปี่ยมด้วยอารมณ์รักประชาชน รักเพื่อนที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน

“บทนี้...จริงๆ เนี่ย...ผมเขียนให้รุ้งนะ…”
กวีในคุกพูดกลั้วเสียงเขินนิดๆ จนรู้สึกได้ "แต่ผมก็แต่งให้ '...ณัติ' ด้วย เขาออกไปก่อน"
“มันเป็นบทกวีเพื่อชีวิต… ผมก็อยากให้ทุกๆ คน ได้อ่าน…”
'นานทีปีหน' หรือว่ากันตามจริง นานหลายปีทีเดียว กว่าจะมี 'กวีนักสู้' เพื่อประชาชน ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของตน อย่างถึงที่สุด 'แจ้งเกิด'
นักวรรณคดีวิจารณ์อย่างอาจารย์ชล มีหรือจะ 'มองขัาม' นกกวินตัวนี้
หยิบปากกามาจรด มือไม้สั่น ทำงานตามวิชาชีพที่ถนัด
บ่ได้ย่านไผ คือสิแก่เฒ่าเด...
ถอดเสียงเจ้านกกวิน คำต่อคำ จากยูทูบ
เปิดวนไปมากว่าสิบเที่ยว กว่าจะได้มาเต็มบทไม่ผิดไม่เพี้ยน
ก็ได้แต่เล็กเชอร์ให้ศิษย์จด ไม่เคยจดเล็กเชอร์ใคร มากว่าหกสิบปี
*เอ็นดูเจ้านกกวินนี้ หาที่ไหนจะมีได้
อาจารย์ชลไล่ล่าศิษย์ หวุดหวิดจะห้าสิบปี บ่เคยมีใครบอกผ่าน ว่าอยากอ่าน 'นิราศหริภุญไชย' ทำไมหรือ...พึงต้องรู้ ดูแต่ท่าน 'ราชบัณฑิต' ดร.ประเสริฐยังคิดระย่อ เริ่มแรก..ยอกร..ถอยออก บอกว่ามันยากเกินขบ จึงขอจบยกสามนิ้ว ให้นกกวิน เจ้าเอย ฯ

"บทกวีคนคุก             ปลุกใจรุ้งและผองเพื่อน"

"ฟ้าขื่นค่ำคืนหนาว      ยะเยือกร้าวกระดูกไข
ลมพัดโหมซัดไอ          ละอองฝนกระเซ็นสาย
มองเดือนก็เดือนดับ    มองดาวอับลับแสงพราย
คืนนี้นอนเดียวดาย      ในกรงขังอันวังเวง
เงี่ยหูฟังสุ้มเสียง         หาใช่เสียงดนตรีเพลง
คือถ้อยร้อยบรรเลง     แห่งคืนมืดประโคมขาน
ที่ฟาดคือฟ้าร้อง          ใช่เสียงกลองย่ำโมงกาล
ที่ดังแว่วกังวาน           ใช่กระดิ่งคือโซ่ตรวน
ที่หวีดมาหวิวหวิว          ใช่ขลุ่ยผิวหากลมหวน
ที่ขับคันธรรพครวญ     คือเสียงเพรียกของผู้คน
เสียงคนผู้จนยาก         ได้ยินจากทุกแห่งหน
เพลงเข็ญยังเล่นวน      ระงมเลื่อนมิเลือนหาย
คืนนี้แน่คืนยาก            ดังใจพรากพัดจากกาย
ความเป็นคนมลาย        พายุห้ำกระพือโหม
เธออาจจะหวาดหวั่น      เมื่อฟ้าลั่นประจันโจม
หากฟ้าที่ถาโถม            ย่อมวัดมาตรขนาดใจ
เหล็กกล้าที่แกร่งมี        ต้องถูกตีและผ่านไฟ
คนกล้ายิ่งกว่าใคร         ต้องผ่านภัยใจจึงทน
มีสู้ย่อมมีเจ็บ                และหนาวเหน็บในบางหน
แต่เพื่อประชาชน           จงทนทุกข์อย่างทนทาน
เพื่อเกียรติภูมิมั่น          จงยิ้มหยันโดยอาจหาญ
แสนปืนทั้งหมื่นมาร       ฤจะสู้เพียงหนึ่งใจ
ที่หยัดและศรัทธา          ทะนงท้าบนทางไกล
อำนาจทมิฬใด              มิอาจข่มให้ก้มหัว
แม้ฝนกระหน่ำฟ้า          จงเชิดหน้าอย่าเกรงกลัว
ประกาศให้รู้ทั่ว              ว่าฟ้าใหม่คืบใกล้มา
ถึงวันที่แสงส่อง            อำไพผ่องทั่วท้องนภา
ผองคนบนผืนหล้า         จะลั่นกลองอย่างเกรียงไกร
วันนั้นคือวันพรุ่ง           ย่อมเห็นรุ้งอร่ามไกล
มวลชนจะมีชัย              และเป็นใหญ่ในแผ่นดินฯ"

ชลธิรา สัตยาวัฒนา