วันอาทิตย์, พฤษภาคม 30, 2564

ไม่รู้ว่าประเทศนี้ทำอะไรกันอยู่


.....
อั้ม อิราวัต อารีกิจ
9h ·

ไม่รู้ว่าประเทศเราทำอะไรกันอยู่นะครับ
แทนที่จะ #เปิดเสรีวัคซีนโควิด
โดยที่มีเจ้าภาพใหญ่ คือ #รัฐบาล
ผ่านหน่วยงาน #กระทรวงสาธารณสุข
และส่งต่อ กระจายไปตามหน่วยงานต่างๆ
ทั้งรัฐบาลและเอกชน #ส่วนไหนฟรีคือฟรี
ส่วนที่นอกเหนือการดีล #ใครเต็มใจจ่ายคือจ่าย
ช่วยเหลือคนลำบาก ที่งบแผ่นดินไม่พอ
แต่นี่..
เหมือนมีหน่วยงาน #เอาภาษีประชาชนไปซื้อ
แล้วให้อีกหน่วยงาน เอางบจังหวัด-องค์กรรัฐ
ซึ่งก็มาจาก #ภาษีประชาชน อีกที
ไป #ซื้อต่อ จากหน่วยงานที่เป็นธุระจัดหา
ในบรรทัดบนนั้นอีกต่อหนึ่ง
ยุ่งยาก และพังพินาศในระบบ
มองเป็นอื่นไม่ได้เลยครับ
นอกจาก #ความหวานหอม ของส่วนต่าง
ที่คนได้ผลประโยชน์นั้น ไม่ใช่ประชาชน
และสาเหตุแห่งความล้มเหลวนี้
จะโทษประชาชน หรือโทษใครไม่ได้เลย
นอกจาก #ความล้มเหลว_ดื้อแพ่งของรัฐ
ที่ตั้งใจ #ผูกขาดวัคซีน แต่แรก
จนเกิดปัญหา มาถึงวินาทีนี้..
เป็นประเทศอื่น ที่เขามี #ยางอาย
ที่เขาหน้าไม่ด้าน #เขาลาออกไปแล้ว
.....

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
19h ·

โรคเบื่อกำลังระบาด
ผมดีใจจริงๆที่ในที่สุดราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ก็สามารถแหวกวงล้อมทะลายกำแพงการจัดหาวัคซีนที่รัฐบาลทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายประจำและฝ่ายมั่นคงร่วม(หัว)กันยึดไว้(ปฏิวัติอีกแบบหรือเปล่า)
เป็นความจริงเช่นกันและไม่เสียหายอะไรที่จะยอมรับว่า หากไม่ใช่ราชวิทยาลัย คงทำไม่ได้แน่นอน ประเทศและประชาชนชาวไทยได้ประโยชน์และปลอดภัยกันถ้วนหน้า ก่อนนี้มีแต่รอเจ็บกับรอตาย (ขอบคุณครับ)
ที่ผมยังไม่ยอมจบเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าจำเป็นต้องวิเคราะห์ว่า เหตุใดจึงเกิดนโยบายปิดบ้านแบบนี้ขึ้นมาในยุคที่ทั้งโลกเขาเปิดหมดแล้ว
1. ฝ่ายมั่นคงเข้ามาถือบังเหียนควบคุม(จึงเพี้ยน)
2. คิดว่า วัคซีนคืออาวุธยุทโธปกรณ์ เมื่อทำสงครามกับโควิดก็ต้องควบคุมแบบเบ็ดเสร็จ
3. ต้องการจัดกองทัพ(กองพลพิเศษมั๊ง)จึงรวบอำนาจสั่งการและผู้คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน(แบบสปาตันเมื่อ 1000ปีมาแล้ว) โดยรวบกฎหมายและระเบียบ 31 ฉบับมาไว้กับตน
4. นายกเป็นผบ.สูงสุด มีเสนาธิการคือเลขาสมช. คณะเสนาธิการคือ ศบค. ชุดใหญ่ ชุดเล็ก ชุดจิ๋ว(ประชุมทุกวันจนเมียถามหา) วิเคราะห์สถานการณ์เสนอ(ท่านพูดเองนะว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามสถานการณ์) พลทหารคือ หมอ พยาบาล อสม.และอื่นๆที่สั่งได้(เจ็บตายไปอื้อเลย น่าสงสาร) คิดรบแทนที่จะคิดป้องกันและรักษาโรค
5. มีที่ปรึกษา(หมอ)เยอะเกินไปโดยที่ตัวเองไม่มีความรู้พื้นฐาน ก็เลยเชื่อทุกเรื่องหรือเปลี่ยนใจทุกเรื่อง(ตามอารมณ์) มันจึงไม่นิ่ง เกิดสับสนยุ่งเหยิงประชาชนตามไม่ถูก
6. ไม่ไว้วางใจใครเพราะคิดว่า น่าจะมีผลประโยชน์(ทำท่าจะแอบมีจริงๆ) จึงต้องทำเอง เจรจาเอง และอธิบายว่า ผู้ผลิตวัคซีนเขาไม่ยอมเจรจากับเอกชน แล้วทำไมเขาเจรจากับราชวิทยาลัยเล่า (หมอหนูบอกเพิ่งรู้เมื่อ 26 พ.ค. ก่อนนี้ไม่รู้เรื่อง)
7. คิดว่า โควิดน่ะกระจอก(นกหรือเสือครับ) จะได้ชื่อเสียงในฐานะผู้พิชิต และถือโอกาสของบประมาณเพิ่มเติม แปลงเป็นซานตาคลอสแจกหวังหาเสียง(จะถูกด่ามากกว่ามั๊ง)
8. สร้างระบบตั้งชื่อ ตั้งรหัสเยอะแยะยุ่งเหยิงไปหมด ผลสุดท้ายคอมพิวเตอร์ยังมึนแอเร่อไปเลย ทำไมไม่ออกแบบง่ายๆ ใช้เลข 13 หลักของบัตรประชาชซึ่งสมบูรณ์ครบถ้วนทุกเรื่องอยู่แล้ว(คิดมากให้ยุ่งทำไม)
ผมวิเคราะห์แบบนักวิชาการและนักปฎิบัติที่เคยทำงานสำเร็จมาพอสมควร ท่านจะฟังอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ก็อย่าอยู่อีกนานเลยเพราะกำลังจะมีโรคเพิ่มขึ้น(เบื่อยังไงครับ) อันนี้แรงพอๆกับโรคหึงเชียวนะ
.....
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
Yesterday at 8:48 AM ·

วิกฤตโควิดสามรอบ หนักสุดรอบที่สาม ป่วยและตายรายวัน ศก.ดิ่งเหว พร้อมกับความล้มเหลวและไม่โปร่งใสของการบริหารวัคซีนให้ทั่วถึงและทันเวลา ณ วันนี้ แฉให้เห็นชัดถึงอำนาจจริงที่เป็นเนื้อแท้ไส้ในของทั้งระบอบ ใครที่ยังไม่เห็นก็คือมืดบอดขนานแท้
#โควิด19 #วัคซีนโควิด