การระบาดไม่หยุดยั้งของไวรัสโควิด ‘กลายพันธุ์’ ยังเป็นปัญหาแก้ไม่ตกของรัฐบาลประยุทธ์ หนักหนาที่สุดตรงที่ไม่สามารถปูพรมฉีดวัคซีนสกัดกั้นได้ เนื่องเพราะการบริหารสถานการณ์อย่างไม่เอาไหน ด้วยข้อจำกัดที่เตรียมการวัคซีนอย่างบกพร่อง
วันนี้มีข่าวดี ที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดลดลงไปเหลือเพียง ๑๙ ราย ไม่นับอีกจำนวนสิบที่อ้างข้างๆ คูๆ ว่าตายเพราะโรคประจำตัว แต่จำนวนคนตายสะสมในระลอกนี้เพียงเดือนกว่าๆ เข้าไป ๑ พันกว่าราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไปอีกเป็น ๕,๔๘๕ สูงสุดของการระบาดครั้งนี้
ความไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา ล้วนแล้วแต่เป็นผลจากความผิดพลาดหรือปราศจากความสามารถของรัฐบาลเองเกือบทั้งนั้น แต่ทุกอย่างไม่เคยยอมรับ อ้างเหตุอื่นๆ นอกตัวทั้งสิ้น รวมทั้งโทษประชาชนไม่รู้จักปกปักรักษาตนเอง
การระบาดที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างนี้ เป็นที่พิสูจน์ในนานาประเทศแล้วว่าจะชลอลงได้ต่อเมื่อมีการระดมตรวจหาเชื้อ รักษา และป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดในเวลารวดเร็ว อังกฤษ สหรัฐ และจีน เป็นตัวอย่างเห็นชัดว่าปฏิบัติถูกทาง
สำหรับรัฐบาลประยุทธ์ดูเหมือนทำท่าว่าจะไม่โง่เง่าเหมือนผู้นำสหรัฐคนก่อน หรือผู้นำบราซิลคนนี้ ที่ปรามาสพิษสงของไวรัสโคโรน่า และหยามหมิ่นสรรพคุณของวัคซีน มีความพยายามจะฉีดวัคซีนให้ประชากรอยู่เหมือนกัน
นับแต่เมื่อต้นปี ประกาศเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ ๗๐ ล้านโด๊สเซส เริ่มที่กุมภาพันธ์ ๒ แสนโด๊สเซส มีนาอีก ๘ แสน พอเมษา ๑ ล้าน ถึงพฤษภา ๒๖ ล้านโด๊สเซส กับจะจัดหาเพิ่มอีก ๓๕ ล้านโด๊สเซส แต่ในความเป็นจริงจำนวนฉีดสักล้านเดียวได้ไหม
มิใยที่เสียงครหาอึงอื้อ ว่ารัฐบาลเอาความเป็นความตายของคนในชาติไปผูกไว้กับบริษัทผลิตวัคซีนแห่งหนึ่ง ซึ่งแซ่ซร้องกันว่ากษัตริย์รัชกาลที่แล้วทรงดำริห์ก่อตั้ง ทั้งที่นับแต่เปิดดำเนินการมา ก็เพิ่งมาเรียนรู้วิธีผลิตวัคซีนสำหรับไวรัสโคโรน่า เมื่อเกิดการระบาดระลอกแรก
แม้แต่เมื่อถูกตั้งข้อกังขาว่าภายในต้นเดือนมิถุนา จะมีวัคซีนที่ผลิตเองออกมาฉีดให้ประชาชนตามที่คุยไว้หรือไม่ ปรากฏมีข่าว ‘ลับลวงพราง’ วงในพลายกระซิบว่าถ้ามีวัคซีนมาฉีดทันวันที่ ๗ มิถุนาละก็ อาจไม่ใช่ที่สยามไบโอไซน์ผลิต
‘แพทย์ชนบท’ ปูดใหญ่ “รัฐบาลจ่ายหนัก สั่งด่วนมาจากเกาหลี ๕ แสนโด๊สเซส” ไว้แก้ขัดหากเกิดมีอันเป็นไป แอ้สตร้าเซเนก้าตำหรับสยามไบโอไซน์ไม่คลอด พร้อมกันนั้นยังมีการเตรียมเพิ่มวัคซีน ‘ซิโนแว็ค’ อีกกว่า ๓ ล้านโด๊สเซสด้วย
อีกทั้งมีความพยายามที่จะใช้วัคซีนแอ้สตร้าฯ ให้ได้อย่างคุ้มค่า ปกติวัคซีนปริมาณ ๑๐ โด๊สเซสในขวดหนึ่ง จะมีการเพิ่มปริมาณเผื่อติดคอขวดอีกเกือบโด๊ส มีข่าวลอดมาว่าศูนย์โควิดฯ สั่งให้ผู้ฉีดพยายามเฉลี่ยให้ได้ ๑๒ โด๊สเซสต่อขวด
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าจะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนแอ้สตร้าฯ อาจไม่สมบูรณ์เต็มร้อยดังที่ประชาชนวาดหวัง เรื่องที่อาจมองข้ามว่าเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ ในกระบวนการบริหารสถานการณ์โควิดของรัฐบาล ทำให้ความไม่ไว้วางใจรัฐบาลทวียิ่งขึ้น
ไหนจะปัญหาเศรษฐกิจที่ทับถมมาตั้งแต่สมัยเป็นรัฐบาลแย่งอำนาจด้วยการรัฐประหาร กระทั่งบัดนี้ท่องจำเป็นบทอาขยานว่าย่ำแย่เพราะโควิด เพื่อให้พ้นผิดซึ่งก่อนโควิดมาก็แย่อยู่แล้ว ไหนจะปัญหาคอรัปชั่นที่แก้เก้อกันด้วยการขู่ฟ้องร้องใครแชร์ข่าว
ไหนจะปัญหายาเสพติด ยาบ้า ยาไอ๊ซ์ส่งออกเป็นเฟสติวัล มันคล้องจองกับการที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรเคยเป็นผู้ต้องโทษจำคุกฐานลักลอบนำเข้ายาเสพติดในออสเตรเลีย แล้วศาลรัฐธรรมนูญอุ้มชูว่ามีคุณสมบัติสมกับตำแหน่งเพราะไม่ได้ติดคุกไทย
เมื่อเดือนที่แล้วตำรวจออสเตรเลียจับได้ มีการพยายามลักลอบนำยาไอ๊ซ์เข้าประเทศอีกมูลค่าเป็นหมื่นๆ ล้าน นั่นถ้าเป็นน้ำมือของรัฐมนตรีธรรมนัส คงบอกกับที่ประชุมรัฐสภาว่า มันคือผงชูรส แต่แล้วไม่ทันไรวานนี้ ศุลกากรฮ่องกงยึดยาเสพติดจากไทยได้อีก
“เฮโรอีนน้ำหนัก ๒๓.๕ กิโลกรัม มูลค่าราว ๒๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๙๐๐ ล้านบาท” ซ่อนอยู่ในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นเครื่องกรองน้ำและเครื่องชงกาแฟ ฤๅจะเป็นเพราะวิกฤตโควิดประเทศไทยไม่ค่อยมีสินค้าส่งออก เลยหันไปส่ง ‘ยา’
นี่สภากำลังเตรียมอภิปรายร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงคลังกู้ยืมเงินเพิ่มอีกล็อตใหญ่ ๕ แสนล้านบาท อ้างว่าจะเอาไปแก้ปัญหาโควิด ส่วนหนึ่งเป็นการเยียวยา ส่วนย่อมรับมือโควิด ส่วนเยอะอัดฉีดองคาพยพรัฐบาลให้เหนียวแน่น ทนทานเสียงด่า
ภาระหนี้รัฐบาลหน้ารับไปหากเป็นสายพันธุ์พลเรือน แต่ถ้าเป็นรัฐบาลทหารกลายพันธุ์อย่างเดิมละก็ ถมใส่รุ่นลูกรุ่นหลานตามเคย
(https://www.voicetv.co.th/read/ExR3irsPC, https://info.gov.hk/gia/general/202105/30/P2021053000310 และ https://www.facebook.com/102229915029914/posts/256236832962554/)