Sompong Srakaew
20h · Bangkok, Thailand ·
วานนี้ที่ไทยพีบีเอส รายการ "ฟังเสียงประเทศไทย"
สัมภาษณ์โดยคุณสุทธิชัย หยุ่น
ผมบอกเล่าข้อเสนอต่อรัฐไทยในห้วงสถานการณ์โควิด 19 ไปไม่กี่ข้อ
แต่ผมได้เขียนไว้มากกว่า 15 ข้อ
เร็วๆ นี้ คงถึงท่านนายกรัฐมนตรี และรองนายกนะครับ
เปลี่ยนแปลงได้สัก ครึ่งหนึ่งก็ยังดี!!!!
เพราะในภัยคุกคามโควิดคิดแก้แบบเก่าๆ ไม่ได้แล้ว
รักนะจึงบอก นี้เป็นเสียงจากแรงงานและผู้ใกล้ชิิดปัญหาจริงๆ
โปรดอ่านข้อเสนอด้านล่างนี้
ขอขอบคุณ
สมพงค์ สระแก้ว รายงาน
085 534 1595
#LABOURPROTECTIONNETWORK
#COVID19
29/05/2021
-----------------------------------------------------------
ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะกิจเร่งด่วน
และระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด19 และการบริหารแรงงานข้ามชาติใหม่ ต่อ สบค.และรัฐบาลไทย (1)
โดย
นายสมพงค์ สระแก้ว
"พวกเราไม่อยากเห็นภาพ เมื่อแรงงานข้ามชาติมีเรี่ยวแรงเราใช้เขาอย่างเต็มที่
แต่เมื่อเขาเจ็บไข้ได้ป่วย ปล่อยทิ้งเขาไปตาย
เหมือนผักปลา หรือตามเวรตามกรรม"
สถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลต่ออัตราจำนวนที่เพิ่มขึ้นของการติดเชื้อ Covid-19 ในกลุ่มพี่น้องแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯปริมณฑลและจังหวัดที่มีแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศไทยจากทั่วทุกภาค
การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีการอยู่พักอาศัยอย่างหนาแน่น กระจุกตัว อาทิ ชุมชนคลองเตย ชุมชนในแคมป์ก่อสร้างต่างๆ มากกว่า 400 แห่ง ในสถานประกอบการต่างๆ ตลาดสด ห้องพัก รวมถึงแรงงานที่อยู่ทำงานเป็นคนทำงานบ้านร่วมด้วย
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้สามารถประเมินได้ว่าแรงงานข้ามชาติ เป็นกลุ่มใหญ่ที่ต้องเฝ้าระวัง ควบคุมพื้นที่ไม่ให้มีการแพร่เชื้อออกไปในวงกว้าง ต้องแก้ไขปัญหาที่รากเหง้าของปัญหาแรงงานข้ามชาติให้ตรงจุด และจัดระเบียบบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติใหม่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ในพื้นที่เมืองชั้นในทั้งหมด
ปัญหาที่แท้จริงของแรงงานข้ามชาติในปัจจุบัน คือ จำนวนตัวเลขที่อยู่ในระบบจริงๆ ไม่มีอยู่จริงตามนั้นแต่ในความเป็นจริง แรงงานมีการเปลี่ยนย้ายงานเปลี่ยนนายจ้าง และไม่ได้ทำงานกับนายจ้างที่ระบุไว้ในบัตรใบอนุญาตทำงาน ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากแทบทุกจังหวัดก็ว่าได้
กรณีแรงงานเปลี่ยนย้ายงานแล้วนายจ้างคนใหม่ส่วนใหญ่จะไม่เอาขึ้นในระบบหรือมีการแจ้งเข้า และนายจ้างคนเก่ามักไม่แจ้งออกให้ ทำให้แรงงานจำนวนหนึ่งหล่นไปเป็นแรงงานเถื่อน ถึงแม้ว่ามีเอกสารเดิม เช่น หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงานก็ตาม ส่งผลให้พวกเขาไม่ได้รับการคุ้มครองทางสังคม ไม่สามารถเข้าถึงการดูแลรักษาในประกันสุขภาพและประกันสังคม
แรงงานที่หลุดออกนอกระบบก่อนหน้านี้ และเมื่อรัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ให้แรงงานที่มีนายจ้างและไม่มีนายจ้างมาลงทะเบียนออนไลน์ใหม่ ในช่วงวันที่ 15 มกราคม ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 มีจำนวนแรงงานมาขึ้นเพียงแค่ 6 แสนกว่าคนเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของการคาดประมาณการณ์จำนวนว่ามีแรงงานที่ไม่มีเอกสารใดใดอย่างน้อยเกือบ 2 ล้านคน ทั่วประเทศ
การคาดการณ์จำนวนแรงงานที่อยู่ในระบบและนอกระบบในกรุงเทพมหานครไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน ที่ทำงานและพักอาศัยในกิจการภาคบริการต่างๆ สถานประกอบการ โรงงานต่างๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และงานบ้าน เป็นต้น
ดังนั้น โจทย์สำคัญของการแก้ไขและควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19 และบริหารจัดการด้านแรงงานไปพร้อมกันคือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือระยะสั้น และระยะยาว
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือระยะสั้นคือ
หนึ่ง การเปิดโอกาสให้แรงงานที่ไม่มีเอกสารใดๆเลยซึ่งเราตั้งข้อสมมติฐานว่าแรงงานเหล่านี้คือหนึ่งในผู้ที่เป็นพาหะนำเชื้อโรคไปแพร่ระบาดโรคไปในที่อื่นๆหากไม่เปิดโอกาสให้เข้าถึงการคัดกรองตรวจโรค หากติดเชื้อให้มีการกักตัว รักษาพยาบาล เข้าโรงพยาบาลสนามโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ปัจจุบัน จากข้อมูลพบว่า โรงพยาบาลของรัฐปฏิเสธการตรวจและรักษา เนื่องจากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินจากกระทรวงสาธารณสุขได้
ซึ่งในขณะสถานการณ์ปัจจุบันแรงงานที่ติดเชื้อโควิด19 และไม่มีเอกสารใดใด จำต้องไปโรงพยาบาลเอกชน ต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายเบื้องต้น จำนวนไม่ต่ำกว่า 80,000 ถึง 600, 000 บาท ทำให้แรงงานจำนวนหนึ่งต้องเผชิญชะตากรรมเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล เพราะไม่มีเงินค่ารักษา
สอง ให้มีการออกประกาศสำหรับกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล ผ่อนผันหรืออนุโลมให้แรงงานที่ไม่มีเอกสารใดๆ หรือทำงานผิดประเภท ผิดนายจ้างจะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับกลุ่มคนเหล่านี้ที่อาจเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นผู้ป่วย ให้เข้าสู่ระบบการคัดกรอง ตรวจโรค และรักษาฟรีอย่างทั่วถึง ณ สถานพยาบาลของรัฐ
สาม หากแรงงานเหล่านี้ข้างต้นมีนายจ้าง มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ให้นายจ้างรับผิดชอบในการดูแลต่อ สามารถให้มีการจัดระบบลงทะเบียนอย่างถูกต้อง ง่ายดาย โดยขั้นตอนไม่ซับซ้อนมาก และไม่ดำเนินการเอาผิดกับนายจ้างหรือสถานประกอบการ แต่อาจมีการติดตามตรวจสอบสถาพการจ้างงานในกระบวนการต่อไป
สี่ กรณีที่แรงงานมีปัญหาการแจ้งเข้า แจ้งออก ขอให้หน่วยงานภาครัฐได้ปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ใหม่ แรงงานที่มีเอกสารถูกต้อง เมื่อออกจานายจ้างเก่า หรือนายจ้างเก่าแจ้งออกเกิน15วัน และนายจ้างไม่ได้แจ้งออก แต่แรงงานได้ย้ายไปทำงานกับนายจ้างใหม่แล้ว ให้นายจ้างใหม่และลูกจ้าง มีสิทธิ์สามารถขอปรับปรุงข้อมูลในระบบใหม่
และขอใบอนุญาตทำงานใหม่เพื่อให้ถูกต้องกับสถานะการทำงานในปัจจุบัน โดยกำหนดให้เสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานใหม่ตามความเหมาะสม(ถ้าคิดว่าลูกจ้างได้เปรียบ)
ห้า คนต่างด้าว หรือ แรงงานข้ามชาติที่มีเอกสารถูกต้องไม่จำเป็นต้องแจ้งที่พักอาศัยต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคนเข้าเมือง เพราะว่าเป็นการเพิ่มภาระและเป็นช่องทางที่รีดไถ เอาเปรียบจากคนบางพวกที่ร่วมดำเนินการ ถ้าเป็นไปได้อาจขอให้เป็นหน้าที่ของนายจ้าง สถานประกอบการ เจ้าของบ้าน ห้องพัก หรือห้องเช่า และอื่นๆ เป็นผู้แจ้ง
หก เนื่องจากการการแพร่ระบาดโรคโควิด19 ทำให้แรงงานที่เข้ามาทำงานตามระบบ MOU แรงงานข้ามชาติที่พิสูจน์จน์สัญชาติในไทย และแรงงานที่ขึ้นทะเบียนใหม่ บางกลุ่มเอกสารหนังสือเดินทางหมดอายุ บางกลุ่มดำเนินการการไม่ทัน เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคของรัฐ และหน่วยงานให้บริการของรัฐดำเนินการไม่ได้ตามปกติ
ต้องปิดการให้บริการไป
ทั้งนี้ ขอให้รัฐพิจารณาผ่อนผันให้แรงงานทุกกลุ่ม สามารถพักอาศัยและทำงานไปเป็นกรณีพิเศษเพื่อรอดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการออกประกาศกระทรวงให้ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการนายหน้าเถื่อน เจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม บางคน บางหน่วยงานแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ดังกล่าว
เจ็ด กลุ่มประชากรข้ามชาติ และแรงงานข้ามชาติ เป็นกลุ่มเปราะบางที่เข้าถึงยาก และไม่ค่อยได้รับการดูแลช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานภาครัฐเท่าที่ควร ดังนั้น อยากให้รัฐบาล จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากทางตรงและทางอ้อม ให้เข้าถึงปัจจัย 4 บรรเทาทุกข์และเยียวยาเป็นพื้นฐานได้
โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน ให้นำเงินที่เกิดจากค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตทำงาน กองทุนช่วยเหลือแรงงาน กองทุนประกันสังคม นำมาเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขนำมาจัดทำชุดยังชีพให้กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ
และแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในระบบประกันสังคมอยู่แล้วสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือเยียวยา ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง และแรงงานสามารถร้องขอได้ด้วยตนเอง
การแก้ไขปัญหาระยะยาว
หนึ่ง กลุ่มประชากรข้ามชาติ ใน 3 สัญชาติ คือ
เมียนมา ลาว และกัมพูชา ต้องสามารถอยู่ในระบบBig Data การจัดทำฐานข้อมูลของรัฐในหนึ่งระบบอย่างถูกต้องและสามารถเชื่อมโยง ตรวจสอบข้อมูล ต่างๆ ระหว่างหน่วยงานได้
สอง แรงงานข้ามชาติทุกคนต้องเข้าถึงระบบการคุ้มครองทางสังคม การประกันสุขภาพ ประกันสังคม ส่งผลให้ระบบคัดกรอง ตรวจโควิด19 และการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐเต็มไปด้วยความพร้อมและประสิทธิภาพ
สาม เด็กแรกเกิด จนถึง 15 ปี ได้รับการประกันสุขภาพถ้วนหน้าฟรี โดยไม่จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งประสบผลล้มเหลวมาก
สี่ รัฐส่วนกลางต้องกระจายอำนาจให้หน่วยงานหรือองค์กรปกครองท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านแรงงานข้ามชาติ เนื่องจากเป็นองค์กรที่รู้จักพื้นที่ดี หากมีการดำเนินการใดๆ จะสามารถ เข้าถึงการแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที รวมถึงสามารถนำทรัพยากรงบประมาณมาใช้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในพื้นที่มาบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถดึงการมีส่วนร่วมของพี่น้องแรงงานข้ามชาติมาพัฒนาท้องถิ่นตนเองได้
ห้า รัฐบาลต้องจัดการปัญหา กระบวนการนายหน้า เถื่อน นายหน้าที่มีส่วนร่วมแสวงหาประโยชน์มิชอบจาก กระบวนการการจัดการด้านแรงงานให้เด็ดขาด
และตัดวงจรอุบาทว์ส่วยแรงงาน การคอรัปชั่นในพื้นที่จังหวัดต่างๆ
หก ต้อง จัดระเบียบและบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในรูปแบบใหม่หรือ Set Zero โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้ององค์กรภาคธุรกิจองค์กรภาคประชาสังคม และกลุ่มเครือข่ายทางสังคมพี่น้องแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย
เจ็ด การกำหนดให้องค์กรภาคธุรกิจ นายจ้างและสถานประกอบการ มีแนวปฏิบัติที่ดีการใช้แรงงานข้ามชาติ มีมาตรฐานแรงงานเป็นที่ยอมรับ และดำเนินการอย่างเป็นธุรกิจและสิทธิมนุษยชนควบคู่กัน
แปด รัฐต้องเปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านแรงงานข้ามชาติหรือกลุ่มประชากรข้ามชาติในประเทศไทย สามารถมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านแรงงาน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่จำเพาะเฉพาะกระทรวงแรงงานเท่านั้น พร้อมรับข้อเสนอต่างๆเพื่อไปปรับปรุงแก้ไข ให้ตรงกับปัญหาที่แท้จริงและความต้องการแรงงานที่แท้จริง
เก้า การป้องกันการลักลอบขนคนองกระบวนการนายหน้าเพื่อหลบหนีเข้ามาหางานทำในประเทศไทย จากประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ให้มีการสกัดกั้นอย่างเข้มงวดตามปกติ ดำเนินการเอาผิดจากกระบวนการนายหน้า ทั้งที่เป็นคนไทยและคนข้ามชาติ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐบางคนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างจริงจัง
สิบ กรณีของการเข้าไปตรวจค้น จับกุมแรงงานเถื่อน ในสถานประกอบการใดๆ หากมีการพบว่ามีการใช้หรือลักลอบใช้แรงงานที่ไม่มีเอกสารใดใด ให้มีบทลงโทษสำหรับสถานประกอบการนั้นๆ ตามปกติ แต่หากนายจ้างมีความพร้อม มีความจำเป็นใช้จริงๆ มีการปรับ และ ตัวแรงงานนำไปเข้าสู่ระบบการคัดกรองตรวจโรคต่าง ๆ และโควิด 19 กักตัว รักษาพยาบาล แล้วนำเข้าสู่การลงทะเบียนเพื่อทำงานต่อไป เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน หากไม่ทำอย่างนี้ก็จะมีการลักลอบใช้แรงงานเถื่อนอยู่ต่อไปไม่สิ้นสุด
จากข้อเสนอแนวทางต่างๆ คงพอที่จะทำให้เห็นภาพ และออกแบบการบริหารจัดการที่ดีได้ อย่างน้อย สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ ในการเข้าถึงการแก้ไขปัญหา ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ได้อย่างรัดกุมและรอบคอบ
และสามารถขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้
สมพงค์ สระแก้ว รายงาน
https://www.facebook.com/sompong.srakaew/posts/5676109139096961