‘New High’ จำนวนคนตายจากโควิดวันนี้ขึ้นเป็น ๔๑ แล้ว ผู้ติดเชื้อเพิ่มเกือบสองพันห้า ปริ่มว่าจะเอาไม่อยู่แน่แล้ว หวนนึกไปถึงตอนน้ำท่วม ‘ยิ่งลักษณ์’ เอาไม่อยู่เพราะมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนผิดปกติ แต่นี้เชื้อไวรัสไม่มีใครปล่อย เพียงแค่รัฐบาลไม่มีปัญญาสกัด
อีกเกือบสองอาทิตย์จะดีเดย์ระดมฉีดวัคซีนกันขนานใหญ่ อาจจะสายเกินไปก็ได้นะ เพราะว่าวัคซีนที่สัญญาว่าจะมาเดือนนี้เลื่อนไปวันใดวันหนึ่งในเดือนหน้า แล้วถ้ามาปลายเดือนล่ะ ฉีดน้ำเกลือกันไปก่อนพลางๆ ละหรือ รอปาฏิหาริย์เลข ๙ มาทันวันที่ ๗ พอดี
“#เรื่องเล่าเช้านี้ ระบุสถาบันบำราศนราดูร สถานที่ฉีด #วัคซีนโควิด จุดใหญ่ของประเทศ แจ้งเลื่อนการนัดฉีดวัคซีนในเดือน มิ.ย.ทั้งหมดไปเป็นเดือน ก.ค. เหตุไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีน เมื่อได้รับจัดสรรมาแล้ว จะแจ้งความคืบหน้าต่อไป”
ส่วนวัคซีนที่ประชาชนร้องยี้ไม่อยากฉีดเพราะ ‘Made in China’ คุณภาพต่ำ แม้จะมาเพิ่มก็จิ๊บๆ จ๊อยๆ ไม่พอยาไส้ แถมพอมีคนวิพากษ์กันมากบริษัท ‘เจ้าสัว’ ซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่ามีเอี่ยวเป็นผู้ผลิต ดัน เห็บตัวโตกระโดดหนีเสียนี่ ‘ซีพี’ ออกแถลงมุสาบ้าง
“ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อวัคซีน Sinovac ของรัฐบาล” อ้าง “ผู้ลงทุนคือ Sino Biophamaceutical…ของจีน...เข้าไปถือหุ้นใน Sinovac Life Sciences จำนวน ๕๑๕ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ๑๕.๐๓%” จึงถือว่าเจริญโภคภัณฑ์ไม่เกี่ยว
แต่เอ๊ะ มีคนความจำไม่สั้นเหมือนสลิ่มเยอะอยู่ ช่วยกันชี้ “ตอนซื้อหุ้นใหม่ๆ ก็ลงข่าวใหญ่โตนะ” Somsak Jeamteerasakul เหน็บด้วยแค้ปชั่นหลักฐานโทนโท่เพียบ Puangthong Pawakapan @PuangthongPa อีกคนเติม “ก่อนหน้านี้ยังแชร์ข่าวอย่างภาคภูมิใจว่าตนมีหุ้น ๑๕% นะคะ”
แถมอย่างเด็ดด้วย Theerapat Charoensuk จัดให้ในรายละเอียดว่า Eric Tse เอริค เซี่ย หรือ เซี่ยเฉิงรุ่น เป็น “กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ซีพี ซิโนไบโอฟาร์มา (เจิ้งต้าเจิ้งเย่าจี๋ถวน) ในเครือเจิ้งต้า (ซีพี) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งไปลงทุนในบริษัทซิโนแวค”
อภิมหาเศรษฐีวัย ๒๖ ปีคนนี้ “นับญาติใกล้ชิดกับเจ้าสัวธนินท์ (เจียรวนนท์) ได้ คือเจ้าสัวธนินท์เป็นอาเหล่าเจ็ก หรือเป็นปู่น้อยของเอริค เซี่ย นั่นเอง...เขาเป็นบุตรชายของ เซี่ยปิ่ง ซึ่งเป็นบุตรของ เซี่ยเจิ้งหมิน (เจี่ยเจี๋ยมิ้ง) อันเป็นพี่ชายของเจ้าสัวธนินท์”
แน่ละแค่เป็นญาติสายเลือดเดียวกัน แต่คนละบริษัท (แม้ใช้ชื่อเดียวกัน) คนละสัญชาติ แต่โบราณว่า ถ้าเรือเกิดล่มในหนอง “ทองจะไปไหน” ตอนที่ออกข่าวเมื่อเดือนมกราก็บอกว่า ซิโน ไบโอฟาร์มาฯ เป็นบริษัทในเครือซีพี “ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง”
จะไขสืออย่างไรก็ไปไม่รอดหรอก โดยเฉพาะต่อการที่ซิโนแว็คจะมีส่วนช่วยรับทรัพย์กับการ “ช่วยแก้ปัญหาโควิด” ให้กับรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาต่อไป ถ้าแอ้สตร้าเซเนก้าของสยามไบโอไซน์ยังเงียบเชียบ ล่าช้าต่อไปอีกเป็นเดือน
ราชกิจจาฯ ออกมาแล้ว พรก.กู้เพิ่ม “เพื่อแก้ไขปัญหา...จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙” อีกไม่เกิน ๕ แสนล้านบาทไทย โดยให้แบ่งเป็นสามส่วน คือค่าอุปกรณ์และยา ๓ หมื่นล้าน ค่าเยียวยา ๓ แสนล้าน และไว้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ๑ แสน ๗ หมื่นล้าน
ยังงงกันถ้วนหน้า แม้แต่บรรดานักข่าวก็ไม่แน่ใจว่า ๕ แสนเพิ่มจาก ๗ แสนที่ ครม.อนุมัติไว้ หรือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนั้น จะมีการกู้เพิ่มอีก ๒ แสนล้านให้ครบพาร์ หรือว่าตัดจำนวนเจ็ดแสนลงไปเหลือห้า อันนี้คือปัญหาของการบริหารงานแบบหมกเม็ดในรัฐบาลนี้
เหมือนอย่างเงินกู้ปีที่แล้ว ๑ ล้านล้านบาท ซึ่งว่าเอามาใช้แก้ปัญหาโควิดระลอกแรก ก็หมกๆ มาจนกระทั่งเมื่อวาน ๒๕ พ.ค. สภาพัฒน์ฯ เพิ่งออกมายอมรับว่า ๑ ล้านล้านนั่นหมดเกลี้ยงแล้ว อ้างว่าเอาไปใช้เยียวยามากที่สุด ๖๘๕,๐๐๐ ล้านบาท
ส่วนที่ใช้ในการสาธารณสุขแค่ ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท กับใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจอีก ๒๗๐,๐๐๐ ล้านบาท และเมื่อวันที่ ๕ พ.ค. คณะรัฐมนตรีก็เห็นชอบให้เงินที่เหลือจากการกู้นั้นอีก ๑๔๔,๘๔๖ ล้าน ในอีกสี่โครงการถึงสิ้นปีให้หมดเกลี้ยง
ทีเด็ด พี้คสุด จากที่ ดนุชา พิชยนันท์ แถลงก็ตรงที่บอกว่า “ประเมินจากเงินที่ได้มีการอนุมัติ (เบิกจ่าย) ไปแล้ว (ประมาณ ๘๐%) จะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นประมาณ ๒ เปอร์เซ็นต์” มันมือเสือเขาไหมล่ะ
(https://www.voicetv.co.th/read/UcZ-pH-Yoy68, https://www.facebook.com/terasphere/posts/10157823046796809, https://www.prachachat.net/general/news-594606 และ https://ch3plus.com/news/program/242426)