Nithiwat Wannasiri
12h ·
เปิดโปงขบวนการIOจิตอาสาสายแครอท ep.1
แก๊งค์"อ้างพระมาหลอกไพร่"
สืบเนื่องจากข่าวนี้ [https://mgronline.com/politics/detail/9640000048806] ของผู้จัดการออนไลน์ และแก๊งค์นายสนธิญาน สถาบันทิศทางไทย ก็มีเผยแพร่เช่นกัน โดยมีเนื้อหาในเชิง "หลวงพ่อสุทัศน์ สยบข่าวลือ"
ซึ่งเนื้อข่าวได้อ้าง"คำบอกเล่า"ของนักเขียนที่หากินกับศาสนาและความเชื่อมายาวนานรายหนึ่ง ที่ชื่อ"ราช รามัญ"ได้โพสต์แอบอ้างว่า"หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล"วัดกระโจมทอง บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพระสายกรรมฐานวัย87ปี ได้บอกกับตนว่า
หลวงพ่อสุทัศน์ได้รับอาราธนาให้ไปเข้าเฝ้า"กษัตริย์วชิราลงกรณ์"เพื่อถวายวิปัสนากรรมฐานและสนทนาธรรม ในวันที่ 9-10 พ.ค.64 ที่ผ่านมา และร.10ยังคงแข็งแรงดี และทำวิปัสนากรรมฐานอย่างสงบได้วันละ 2ชั่วโมง จึงถือคำอ้างที่ว่านี่เป็นการ"สยบข่าวลือ"เรื่องอาการป่วยของร.10ที่ดังมาร่วม2อาทิตย์ทั้งหมดได้ โดยอ้างว่าพระสุทัศน์นั้นแก่พรรษาย่อมไม่โกหกเชื่อถือได้
หลังจากการโพสต์อ้างของนักเขียนรายดังกล่าว สื่อฝ่ายที่ต้องการหาการยืนยันจากราชสำนักเรื่องสุขภาพของร.10หลายๆสื่อทั้งmanager สนธิญาน สถาบันทิศทางไทย ฯลฯ ก็รีบกระโดดเข้าตระครุบคำบอกเล่าดังกล่าวมาทำเป็นข่าวใหญ่โต หวังจะสยบกระแสข่าวลือของพวกเสื้อแดง-3นิ้วให้หน้าหงาย
แต่การณ์หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อเข้าไปสืบหาดูจากเพจของทางวัดกระโจมทองเองซึ่งจะโปรโมททุกกิจกรรมที่หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล ได้ปฏิบัติกิจในแต่ละวัน และยิ่งมีความเกี่ยวข้องกับราชสำนักก็จะยิ่งเอามาโปรโมทหนักๆเพื่อผลทางการตลาด
ปรากฎว่า วันที่ 9 เพจของวัดไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ และนาย"ราช รามัญ"ก็มา"โป๊ะแตก"เอาในภาพกิจกรรมวันที่ 10 พ.ค.64 ของทางเพจวัดเอง
10 พ.ค. ไม่มีการรับอาราธนาไปสนทนาธรรมในวังแต่อย่างใด มีเพียงแค่ตัวแทนจากราชสำนัก3นายมาถวายภัตาหารเช้า เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัย และให้แพทย์ส่วนตัวแจ้งการดูแลสุขภาพหลวงพ่อสุทัศน์เข้าเป็นคนไข้ในอุปถัมป์ที่โรงพยาบาลกรุงเทพได้ทุกเมื่อหากเจ็บป่วย ก่อนจะเดินทางกลับตามปกติ เท่านั้น
ดังนั้นคำกล่าวอ้างของนายราช รามัญ จึงตกไปจากข้อความอ้างอันเป็นเท็จ ซึ่งอ้างว่าได้ฟังจากหลวงพ่อสุทัศน์อีกที แต่หลวงพ่อสุทัศน์เองก็ไม่เคยพูด และหลักฐานปรากฎชัดว่าวันที่10พ.ค.ไม่ได้เดินทางเข้าวังตามที่นักเขียนดังกล่าวกล่าวอ้าง
แต่กระนั้นฝ่ายสลิ่มเจ็นบูมเมอร์เหล่าแฟนข่าวTopNews - Manager - ทิศทางไทย ก็ถล่มแชร์ถล่มสาธุกันรัวๆแบบเชื่อสุดหัวใจโดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง และหน่วยงานที่อ้างว่าตั้งมาจัดการFakeNewsก็ทำเป็นมองไม่เห็นเช่นเคย
สืบลงไปให้ลึกกว่านั้น เมื่อปลายปี 63 "คนในราชสำนัก"คนเดียวที่มีภาพปฏิสัมพันธ์กับวัดกระโจมทองนี้ กลับไม่ใช่ทั้งร.10และราชินีสุทธิดาแต่อย่างใด แต่กลับเป็นภาพของ"เจ้าคุณพระฯ"ที่เข้ามาทำบุญถวายสิ่งของและปฏิสัมพันธ์กับชาววัดกระโจมทอง
ดังนั้นการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับราชสำนักของทางวัดนั่นย่อมเดาได้ไม่ยากว่ามาจากใคร และมิใช่มาแบบเป็นทางการ(ไม่มีการออกข่าวในพระราชสำนักเหมือนกิจกรรมทำนุบำรุงศาสนาของราชสำนักตามปกติ)
และยิ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดเข้าไปใหญ่ หากว่าร.10 ได้สนทนาธรรมกับพระผู้ใหญ่ ได้ทำวิปัสนากรรมฐานถึง2ชั่วโมงกับพระวัย87ปี ได้มีภาพลักษณ์ทำนุบำรุงใกล้ชิดพระพุทธศาสนาแบบนั้น เป็นภาพบวกกับสถาบันกษัตริย์มากมาย แต่กลับ"ไม่กลายเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ในพระราชสำนัก"เพื่อโปรโมทกรณียกิจของร.10ในการทำนุบำรุงศาสนาพุทธ ยิ่งเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
สรุป บุคคลทั้งหลายแหล่ที่เอาข่าวดังกล่าวมาแอบอ้างว่าเป็น"เรื่องจริงจากปากพระ"มาสยบข่าวลือเรื่องอาการป่วย กลับยิ่งกลายเป็นตัวตลกเข้าไปใหญ่ นอกจากคนไม่เชื่อแล้ว ฝ่ายตนเองที่เคยพร่ำบอกฝ่ายชาวบ้านที่ฟังข่าวลือว่า"ให้รอข่าวจริง-ให้ฟังราชสำนักแถลงเท่านั้น" ก็ยิ่งหมดเครดิตในตัวเองลงไปใหญ่
เพราะนอกจากพวกตนก็ไม่ยอมฟังแถลงจากราชสำนักแบบที่พร่ำสอนคนอื่นแล้ว ยังแอบอ้างเอาคำพระที่เจ้าตัวไม่เคยพูดเป็นเพียงคำบอกเล่าจากนักเขียนหาแดกกับศาสนาคนนึงมาอ้างอิงเป็นตุเป็นตะไปเสียอีก
ถ้าจะแก้ข่าวน่ะ รูปถ่ายปัจจุบัน 1 ใบ หรือคลิปร.10สุขภาพแข็งแรงสัก 3 วินาที ลงในข่าว2ทุ่ม เรื่องง่ายๆนิดเดียวข่าวลือต่างๆก็ถูกสยบหมดสิ้นแล้ว
ปัญหาคือพวกมึงทำไม่ได้ และไม่มีปัญญาจะทำได้ยังไงล่ะ