วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 07, 2564

ฮ่วย กูรูไทยคุยเรื่องพม่า 'หยุ่น' ว่าเหมือนไทยตรงที่ทหารยื่นข้อเสนอแล้วไม่รับ เลยต้องยึดอำนาจ


อีกหนึ่งวันที่คนพม่าหลายหมื่นพากัน ลงถนน ต่อต้านการยึดอำนาจของทหาร ด้วยกลเม็ดและลูกไม้หลายอย่างเหมือนม็อบราษฎรไทย แม้แต่เป็ดยางเป่าลมสีเหลือง อีกอย่างที่น่าเอ่ยถึง เป็นความพยายามของผู้ชุมนุม

ชักนำกำลังตำรวจซึ่งถูกส่งออกมาควบคุมฝูงชน ให้หันมาเข้าข้างประชาชน การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนไทยระยะแรกๆ ทำเช่นนั้นมาแล้ว แต่ไม่ได้ผลเพราะตำรวจเหล่านั้นมาจากหน่วยที่แสดงอาการเหี้ย_ม ให้สะใจเจ้านาย อย่าง ตชด.และกองปราบฯ

มักเรียกตำรวจพวกนั้นกันว่า คอแดง ซึ่งไม่มีประเภทนี้ในหมู่ตำรวจพม่าที่ถูกส่งออกไปตั้งรับม็อบ จึงพบว่าค่อนข้างวางเฉยไม่แสดงอาการก้าวร้าวอย่างตำรวจคอแดงไทย เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมพยายามผูกมิตรด้วยการนำน้ำขวดไปตั้งไว้ให้หน้าแถว

หนุ่มพม่าผู้ชุมนุมรายหนึ่งถึงกับเดินเข้าไปยื่นแจกกับมือ ทว่าขวดน้ำของเขามีป้ายกระดาษปิดด้วยข้อความชี้ชวน ย้ำเตือนให้เป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ใช่ขี้ข้าทหาร ผู้ชุมนุมหญิงรายหนึ่งไปยืนเผชิญหน้าปราศรัยประจันแถวตำรวจ แล้วประนมมือวิงวอน



ย้อนมาไทยที่ซึ่งผู้คนใส่ใจกับปลายเหตุเผด็จการในพม่านี้กันมากมาย ไม่ว่าจากสายก้าวหน้าหรือฝ่ายซ่าหริ่ม โดยเฉพาะกลุ่มหลังมีการวิเคราะห์เจาะไชกันไปเพลิดเพลิน จนมาสดุดที่ข้อวิจารณ์ของ Puangthong Pawakapan

ต่อรายการของช่อง Thai PBS “คุยเรื่องพม่าที่ สุทธิชัย(หยุ่น) เป็นพิธีกรร่วม...หลังจาก อ.นฤมลและ อ.ลลิตาอธิบายว่าก่อน รปห. ทหารได้ยื่นข้อเสนอหลายข้อ” แต่ ดอว์ซูจี“ไม่รับสักข้อ ทหารจึงตัดสินใจทำ รปห.

สุทธิชัยก็รีบวกเข้าหาไทยทันที พูดทำนองว่าแบบนี้ก็เหมือนของไทย...ขอโทษนะคะ อยากเตือนความจำว่า ยิ่งลักษณ์ยอมยุบสภาแล้ว กปปส.ก็ยังไม่เลิก ต่อมายังถูกบังคับให้ลาออกจากนายกฯ ของรัฐบาลรักษาการณ์อีก กปปส.ก็ยังไม่เลิก”

อจ.พวงทองว่า “แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าพยายามประนีประนอม เขาเรียกอันธพาลครองเมือง...ถ้าตั้งแต่หลัง รปห.๒๕๔๙ เนชั่นในขณะนั้นและไทยพีบีเอส กระตือรือร้นห่วงใยปกป้องประชาธิปไตยไทยแบบที่ห่วงพม่าในขณะนี้ ประเทศคงไม่เละเทะขนาดนี้”

ถึงต้องมีการชุมนุมเยาวชน จนถูก SWAPP ด้วยกฎหมายกำจัดผู้เห็นต่าง ระดมปักหลังไว้กันระนาว แม้นไม่ค่อยตบหัวด้วยการจับกุมคุมขังมากเหมือนเก่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ได้รับหมายเรียกให้ความร่วมมือดีเลิศ จนบางครั้งไปรับข้อหาก่อนตำรวจออกหมาย

เป็นจังหวะที่รัฐบาลกึ่งเผด็จการฉวยโอกาสรุกฆาตด้วยกฎหมายกดขี่ฉบับใหม่ ผลักดันแก้ไข พรบ.ตำรวจ มาตรา ๑๐๖ “เพื่อประโยชน์ในการรักษาวินัย และปราบปรามข้าราชการตำรวจผู้ก่อการกำเริบ หรือเพื่อบังคับข้าราชการตำรวจผู้ละทิ้งหน้าที่”

ดังเคยมีปรากฏในบางประเทศที่ตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชน ไม่ยอมทำตามคำสั่งของเจ้านาย ให้ทำร้ายหรือเข่นฆ่าประชาชน ข้อเสนอใหม่กฎหมายไทยข่มขู่ให้เกิดความเกรงกลัว ระบุว่า “ผู้บังคับบัญชาอาจใช้อาวุธหรือกำลังบังคับได้”

ขอให้บอกได้ว่า “กระทำโดยสุจริต ตามสมควรแก่เหตุ” ละก็ “ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ช่วยเหลือ ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา” เช่นนี้ Siriphon Kusonsinwut ตีความว่า “หากมีผู้บังคับบัญชาเอาแต่ประโยชน์ เอาแต่ใจ ใช้แต่อำนาจ

ถ้าลูกน้องไม่ทำตามใจ จะ Abuse Power อ้างมาตรา ๑๐๖ นี้ ยิงทิ้งได้โดยไม่ต้องรับผิด” ใดๆ “ตำรวจผู้น้อยจะกลายเป็นหุ่นยนตร์ทันที อาชีพตำรวจจะยิ่งตกต่ำลงไปอีก” เนื่องจากความคลุมเคลือของร่างกฎหมาย เปิดช่องให้ผู้บังคับบัญชาตีความ “ได้ตามอำเภอใจ”

เขามองไปถึงในกรณีกลับกันด้วยว่า “ส่งเสริมให้เกิดกรณียิงผู้บังคับบัญชาทิ้งได้ง่ายมาก กรณีลูกน้องทนถูกรังแกไม่ไหว เพราะสู้ทางกฎหมายจะถูกมาตรา ๑๐๖ ปิดปาก ดังนั้นมีทางเดียวคือยิงทิ้งเท่านั้น” กลายเป็นกฎหมายที่จ่อจุดให้เกิดความรุนแรง

“ถ้าผ่านนั่นคือ สักวันคุณจะโดนหนักยิ่งกว่าตำรวจ”

(https://twitter.com/AJEnglish/status/1358268010256084994, https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/3963073270410069