วันเสาร์, มกราคม 02, 2564

'ทักษิณ' โยนหินลงหัว 'ปารีณา' พอดี แนะวิธีแก้โควิด อยากกลับไปเลี้ยงหลาน


จะว่าไป เที่ยวนี้ปารีณา ‘rose to the occasion’ หละนะ ได้จังหวะจะโกลนตามหน้าที่ เจ้าของเลี้ยงไว้กัด ก็ออกมาฟัดทักษิณทันควัน “ฉลาดไม่ได้ครึ่ง พล.อ.ประยุทธ” จากการที่อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอ แนะการแก้ปัญหาโควิดในไทย

ว่าไปอีก สิ่งที่ทักษิณพูดเจ๋งไหม แค่ไหน ก็ยังออกมาจากกึ๋น โดยเฉพาะในส่วนของประสบการณ์ติดโควิด ว่าให้คนไทยอย่าตื่นตูม สร้างเสริมความรู้เกี่ยวกับโรค รักษาได้ไม่ยาก นั่นก็เป็นไปได้เพราะเมืองไทยผ่านการควบคุมมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างดี

ต่างกับบุคคลิกและวิธีการพูดของนายกฯ คนนี้ ตลอดเจ็ดปีพัฒนาจากการสำราก ตวาด อวดรู้ ตลกฝืด ออดอ้อน มาจนหลังๆ นี่ท่องจำ เป็นนกแก้วนกขุนทอง ฉะนั้นสิ่งที่ปารีณาบริภาษณ์ในโพสต์จึงไม่ควรแก่การรับรู้ เพราะล้วนอวดอ้างอย่างขาดความจริง

เช่นที่ว่า “การเยียวยา อัดฉีดเม็ดเงินลงตรงพี่น้องประชาชน ชิมช็อปใช้ คนละครึ่ง อัดฉีดจนประชาชนพ่อค้าแม่ค้า ออกปากชื่นชมกันทั่วแผ่นดิน” ก็เป็นโฆษณาชวนเชื่อเต็มเปาตามสไตล์ คสช. ที่สืบทอดกันมา ส่วนที่บอกให้ “เลี้ยงหลานเถอะค่ะ” ก็เข้าทางทักษิณพอดี

การให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอของทักษิณ ชินวัตรครั้งนี้ ว้อยซ์ทีวีเสนอข่าวสามชิ้นไล่เรี่ยกัน ชิ้นสุดท้ายของวันว่าด้วย “เจ็บนี้อีกนาน...เมื่อถามว่า คนในตระกูลชินวัตรยังมีผู้นำทางการเมืองหรือไม่” อดีตนายกฯ บอกว่า “พอก่อนครับ...

วัย ๗๒ แล้ว จะไปนั่งเล่นการเมืองอะไรอีก มีแต่ห่วงบ้านเมืองเท่านั้น จะกลับเมืองไทยเมื่อไรนั้น มันไม่ใช่ผมเป็นคนกำหนดครับ...ถามว่าคนเราออกไป อยากกลับประเทศไหม ผมอยากกลับมา ผมอยากมาเลี้ยงหลาน ๓ คน กำลังจะได้คนที่ ๔ เดือนหน้า”

หลายคนมองว่า ทักษิณ โยนหินอีกแล้วไหมล่ะ แต่แน่ๆ ปารีณาติดบ่วง ล่อควายในเมื่อเรื่องทั้งหลายที่ทักษิณพูดถึง การสู้โควิดรอบนี้ควรที่จะใช้วิธีป้องกันมากกว่า ควบคุม โดยยกตัวอย่างดูไบ นั่นก็เป็นหนทางหนึ่งอาจทำได้ ในเมื่อเหตุเกิดครั้งนี้รัฐบาลการ์ดตกเอง

หรือเรื่องรัฐธรรมนูญ “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” ทำให้คนมีฝีมือไม่อยากเปลืองตัว ดูแต่ตอนควานหา รมว.คลังมาแทน อุตตม สาวนายน หนึ่งในแก๊งสามคนนั่นสิ มีแต่คนไม่อยากรับขี้ ทักษิณพูดตรงปัญหาเป๊ะที่ใครๆ ก็รู้ เรื่องอะไรจะมารับใช้โจรกระจอก


อย่างการแก้โควิดรอบนี้ ก็ว่าไปตามเพลง สั่งปิดสถานบริการ สถานที่เล่นสนุก กีฬา โรงนาบ ฯลฯ แต่ให้ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หาบเร่ และโชห่วย ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด นอกนั้นให้ปฏิบัติวิธีป้องกัน สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง

ทั้งหมดนั้นบังคับใช้ในพื้นที่ กทม.กับอีก ๘ จังหวัดในข่ายเสี่ยง เช่นสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปากน้ำ ระยอง ชลบุรี เมืองนนท์ ปทุม นครปฐม “จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง” ยกเว้นโรงเรียนให้ปิดถึงวันที่ ๑๗ มกราเท่านั้น

แต่ปัญหาใหญ่ที่ประชากรไทยโดยรวมเป็นห่วงและไม่น้อยถึงขั้นประสาทแดกกันทุกวันนี้ มากกว่ากลัวติดโควิด อยู่ที่จะอดตาย หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวยากยิ่งๆ ขึ้นไปทุกวัน ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายขอบฟ้า เมื่อปีใหม่ฟ้าเก่ามาถึงแล้ว

เพราะในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไม่ใช่จากโควิดอย่างเดียว พี่น้องไทยได้รับแบ่งปันอาการไม่มีจะกินกันตั้งแต่หลังรัฐประหารนั่นแล้ว โดน “กรรมซัดวิบัติเป็น” ไวรัสซ้ำเข้าอีก เพราะรัฐบาลประยุทธ์และพวกคลำหาปมแก้ไม่เจอ กลายเป็นโชคช่วยตู่ได้อ้างโควิด

แล้วที่ ‘E-A’ อ้าง อัดฉีดนั่นก็ดูเหมือนเป็นฉากพรางให้ทัพบกซื้อ สไตร๊ค์เกอร์ ทัพเรือซื้อ ดำน้ำจีน ทัพอากาศซื้อ ฮอขนส่งราชวงศ์ (และห้องน้ำบนเครื่องพระราชพาหนะ ๕๔ ล้าน) เสียมากกว่า ส่วน ชิมช้อปใช้ กับ คนละครึ่ง นั่นก็เพิ่ม หนี้ครัวเรือน แท้ทรู

๑ มกรา ๖๔ มีรายงานจากแบ๊งค์ชาติ “เผยแพร่ตัวเลขสถิติการกู้ยืมเงินของภาคครัวเรือนประจำไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๓” เพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าอีกเกือบสองแสนล้าน “คิดเป็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ ๘๖.% สูงสุดในรอบ ๑๘ ปี”

หนี้ครัวเรือนคราวนี้ ๑๓,๗๖๖,๒๐๙ ล้านบาท ไม่เท่านั้น เพิ่มอีก ๓ เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสสอง แล้วยังเพิ่มมากกว่าไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้วเกือบ ๗ เปอร์เซ็นต์ (จาก ๗๘.๙%) ให้มันได้อย่างนี้สิ ‘I hear Tube’ รักษาการไต่ระดับ กู้เพิ่ม-หนี้เพิ่ม

คือตอนนี้ใครมีเงินเดือนต่ำกว่าสองหมื่น “มีหนี้สินมากกว่าเงินออม” ถ้วนหน้า น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า “อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง” ยิ่ง แม้จะมีโครงการ จ้างเด็กจบใหม่ทำได้อย่างดีก็แค่ ประคับประคอง

ก็ขนาดม็อบขายกุ้งช่วยฟาร์มยังต้องเทกุ้งทิ้งหน้าทำเนียบฯ เพราะโดนตำรวจรังควาญแล้วเลย อย่างนี้จะไม่ให้ปี ๖๔ เป็นปี ยกระดับ ม็อบเยาวชน ได้อย่างไรเล่า

(https://www.matichon.co.th/economy/news_2509989, https://www.voicetv.co.th/read/O8xkp33hw และ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2509881)