วันศุกร์, มกราคม 01, 2564
2563 เป็นปีไม่เคยเห็นมาก่อน หรือ L’Année de jamais vue ตามภาษาฝรั่งเศส อ.จรัล ขอร่วมสรุป
ของขวัญปีใหม่ จากนักศึกษาปริญญาเอกคนเดิม อักษรจีน “กล้าสู้ กล้าเอาชนะ “
(ก่านหยู โต้วเจิง ก่านอยู เซิ่งลี่) จากความคิดเหมา เจ๋อ ตง
Jaran Ditapichai
22h ·
2563 เป็นปีไม่เคยเห็นมาก่อน หรือ L’Année de jamais vue ตามภาษาฝรั่งเศส ผมขอร่วมสรุปบางประการดังนี้
1 ประเทศไทยเข้าสู่ปี2563 เหมือนปีก่อนๆ อยู่ใต้รัฐบาลประยุทธ์ที่สืบทอดอำนาจเผด็จการคสช. กษัตริย์วชิราลงกรณ์ ประมุขของรัฐ ยังมีอำนาจเด็ดขาด และร้ำรวยที่สุดของโลก รัฐสภาไม่มีบทบาทเหมือนเดิม ประชาชนถูกจำกัดเสรีภาพ เศรษฐกิจตกต่ำลงไปอีก
2 แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปอย่างไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ประเทศไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อวัน21 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นชนวนให้นักศึกษาลุกขึ้นชุมนุมทั่วประเทศ 39 สถาบัน กลายเป็นสถานการณ์การต่อสู้ใหญ่ของประชาชนหลังจากชบเซาอยู่ในกระแสต่ำมา6 ปี แต่การระบาดของโควิด19 ทำให้การต่อสู้ดังกล่าวหยุดไประยะหนึ่ง และรัฐบาลฉวยโอกาสออกพระราขกำหนดบริหารราชการในสถานะฉุกเฉิน ล็อคดาวน์ประเทศ ควบคุมประชาชน จำกัดเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น แต่กลางเดือนกรกฎาคม เยาวชนปลดแอกจัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นหัวชื้อจุดกระแสของการต่อสู้ของเยาวชนนักเรียนนักศึกษาประชาชนที่ไม่ทนกับการปกครองเก่า มีการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาประชาชนกว่าครึ่งประเทศ กระแสสูงขึ้นๆกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ลักษณะพิเศษของการต่อสู้ครั้งนี้ มีนักเรียนมัธยมเป็นกองหน้าและกำลังหลักไม่เคยมีมาก่อนในประเทศและในโลก การเคลื่อนไหวชุมนุม ขนาดใหญ่ หลากหลายรูปแบบ ระดมกันด้วยอินเตอร์ เนต มีคนเข้าร่วมมหลากหลาย ชู3 นิ้ว เสรีภาพ เสมอภาค ภาราดรภาพ เปล่งคำขวัญประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ต่อสู้อย่างฉลาด กล้าหาญ สันติ ยืดหยุ่น พลิกแพลง ไม่ยืดเยื้อ
ในทางเนื้อหา เมื่อแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดชุมนุมวันที่10 สิงหาคม ประกาศยกระดับเพดานการต่อสู้ขึ้นสูงสุด ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ บวกกับก่อนหน้านั้นทนายอานนท์ นำพา ปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ เป้าหมายนี้ เป็นที่ยอมรับของขบวน การวิจารณ์กษัตริย์ กลายเป็นกระแสขยายไปทั่วประเทศ และในต่างประเทศอย่างไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย กษัตริย์วชิราลงกรณ์ถูกโจมตีอย่างเปิดเผย กว้างขวาง และรุนแรงมาจนถึงสิ้นปี
ถึงวันนี้ ข้อเรียกร้อง3 ข้อ ประยุทธ์ต้องลาออก เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของคณะราษฎร 2563 เป็นธงผืนใหญ่ ชี้นำการเคลื่อนไหวต่อสู้มากกว่าบุคคลและองค์การแล้ว
อนึ่ง นักศึกษาประขาชนไทยในต่างประเทศในเอเชีย ยุโรป อเมริกา ก็เคลื่อนไหวชุมนุม เดินขบวน อภิปรายออนไลน์ประสานกับการต่อสู้ในประเทศอย่างคึกคัก
3 ทางด้านกษัตริย์และรัฐบาล ใช้วิธีการหลอกลวง และปราบปรามเป็นหลัก ด้านหนึ่ง ยอมให้ชุมนุม ให้รัฐสภาเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อีกด้านหนึ่ง ใส่ร้ายป้ายสี ข่มขู่คุกคาม พยายามสลายการชุมนุม 3 ครั้ง ใข้มาตรการทางกฎหมาย แจ้งความจับกุมคุมขังแกนนำ กระทั่งกลับไปใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ดูหมิ่น หมิ่นประมาทกษัตริย์ อีนเป็นกฎหมายโบราณ ป่าเถื่อนขัดต่อสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรมมาดำเนินคดีกับแกนนำ้เกือบ40 คน หลายคนนับสิบๆคดี แต่ไม่มีใครกลัวเกรงกฎหมายนี้
แม้จะถูกโจมตีอย่างหนัก ประชาชนเสื่อมศัทธาต่อสถาบันกษัตริย์และรัฐบาล แต่ประยุทธ์ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กษัตริย์วชิราลงกรณ์ยังไม่ปรับตัว เพราะยังมีอำนาจปกครองต่อไป ด้วยชนชั้นนำสนับสนุน กลไกรัฐสำคัญ กองทัพ ตำรวจ ระบบราชการยังปฏิบัติตามคำสั่งของตนและบรรดากลุ่มจงรักภักดี ศักดินานิยม อนุรักษ์นิยมออกมาปกป้อง
คงต้องสรุปอีกนิดว่า ความคิดการคาดคะเนสถานการณ์ จะปราบใหญ่เหมือนกรณี 6 ตุลาคม 2519 หรือจะเกิดรัฐประหาร แม้ยังไม่เกิด แต่ก็ต้องไท่ประมาท เตรียมรับสถานการณ์ดังกล่าว
4 ปี2563 ภาวะระบาดของโควิด19 แม้ไม่หนักหน่วงเท่าประเทศอื่นๆ แต่การฉวยโอกาสใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ ยาวนาน และออกพรก.กู้เงินมหาศาล ยิ่งเพิ่มอำนาจแก่รัฐบาลมากขึ้น ยังไม่พูดถึงการบริหารจัดการช่วยเหลือเยียวยาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศพัง ประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า
5 ปี2563 เป็นปีที่สื่อมวลชนและประชาคมโลกให้ความสนใจสถานการณ์ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อนเช่นกัน สหภาพยุโรป สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน และรัฐบาลหลายประเทศแสดงท่าทีสนับสนุนการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในประเทศไทยเป็นระยะๆ
ความจริง ยังมีหลายสถานการณ์ที่จะต้องสรุปโดยเฉพาะการต่อสู้ของแต่ครั้ง แต่ละกลุ่มเพื่อเก็บรับบทเรียนใข้ในการเคลื่อนไหวต่อสู้ในปีหน้า ควรจะทำกันด้วย
..
Jaran Ditapichai
15h ·
บทเรียนใหญ่แห่งปี 2563
1 ในยุคไอที เมื่อประชาชนไม่ยอมทนต่อการปกครองเก่า และลุกขึ้นต่อสู้จนขึ้นสู่กระแสสูง มีความคิดขี้นำเป็นเอกภาพกัน การเคลื่อนไหวชุมนุม เดินขบวน หรือรูปแบบใดๆ ย่อมทำได้ โดยไม่ต้องมีเวที มีนักปราศรัยเก่ง ระดมคน ฯลฯ แม้นักเรียนมัธยมก็นำได้ ยิ่งสู้ ยิ่งกล้าหาญ ยิ่งถูกสลาย ถูกข่มขู่ คุกคาม ถูกคดีความ ยิ่งขยายตัว ยิ่งไม่กล้วลำบาก ไม่กลัวตาย เนื้อทางความคิดจะปฏิวัติมากขึ้น
2 เมื่อผู้คนต้องการเสรีภาพ ความเสมอภาค ประชาธิปไตย สังคมสมัยใหม่ และความเชื่อกษัตริย์เป็นเทพเทวดาเสื่อมคลายลงเพราะทำตัวของกษัตริย์ และมีคนกล้าออกหน้าวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ กระแสโจมตีกษัตริย์อย่างเปิดเผย และกว้างขวางอย่างไม่มีใครคาดคิด แม้ฝันก็ยังไม่กล้ามานับร้อยๆปี เกิดขึ้นแล้ว
3 ชนชั้นปกครองไทยตั้งแต่กษัตริย์ รัฐบาล ลงมาถึงข้าราชการ ยังใช้วิธีพื้นฐานเหมือนเดิม คือ ปราบปรามและหลอกลวง ปราบไม่ได้ ก็หลอกลวง หรือทั้งปราบและทั้งหลอกลวง แบบจับเช้า ปล่อยเย็น ตำรวจจับ ศาลปล่อยโดยให้ประกันตัวหรือไม่ต้องประกันตัว แม้คดี 112 ก็ตาม บทเรียนนี้ ต้องร่วมกันขบคิดรับมือ
..