วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 03, 2562

ไม่ไหวแล้วมั้ง ขนาดต้องให้ 'สมีฟรีดอม' เตือน "PM 2.0 ‘ปากเปรอะ’ พ่นขยะใส่ชาวบ้าน"


ขนาดต้องให้อาจารย์เก่า อดีตพุทธะอิสระสุวิทย์ ทองประเสริฐ ออกมาเตือนเรื่องวุฒิภาวะนายกฯ นี่ก็คงเหลือขอเต็มทนแล้ว หลังจากที่ PM 2.0 ปากเปรอะ พ่นขยะใส่ชาวบ้านไปทั่ว

ล่าสุดที่พูดเรื่องฝุ่นจิ๋ว (พีเอ็ม ๒.๕) ใน กทม. กลับมาเป็นปัญหาคุกคามสุขภาพชาวกรุงขนาดหนักอีก แทนที่จะพูดในทางสร้างสรรค์ ถ้าเพียงบอกว่าจะฉีดน้ำขึ้นฟ้า ฉีดยาแรงโรงงานที่ปล่อยสารพิษ อัดฉีดขนส่งมวลชนให้ลดปล่อยควันดำ บลา บลา บลา อย่างเมื่อก่อนก็ยังพอทน

แต่นี่ดันบอกปัญหาเกิดจากประชาชนสร้างกันเอง ก็ต้องช่วยกันแก้ แน่นอนว่าปัญหามลพิษนั้นพฤติกรรมมนุษย์มีส่วนสร้างอย่างมาก แต่ทางแก้แท้จริงอยู่ที่มาตรการอันแยบยลในการแก้ไขและป้องกันให้ตรงกับสมุฏฐาน

แต่ปากของคนเหลิงอำนาจเช่น PM 2.0 กลับบอกให้รอฝนตกมาชะล้างฝุ่นผงในอากาศก็แล้วกัน รัฐมนตรีสาธารณสุขนั่นยังพอทำเนา ไม่รู้จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไร ก็เลี่ยงไป “ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกัน”แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

แนะให้ประชาชนใช้รถส่วนตัวน้อยลง ถามว่า “ขึ้นรถไฟฟ้าแทนได้หรือไม่” มีคนตอบว่าอยากให้อนุทินเองลองใช้ขนส่งสาธารณะบ้าง ไม่ต้องมีคนเตรียมการให้ล่วงหน้า ไม่ต้องมีคณะติดตาม ลองก่อนสัก ๑ วันว่ามันยากง่ายแค่ไหน
 
อนุทิน ชาญวีรกูล โชว์กึ๋นต่อ พูดเรื่อง “เครื่องดีเซลที่เสื่อมสภาพจะลดใช้ได้ไหม ต่างจังหวัดจะลดการเผาได้หรือไม่” และ “ประชาชนต้องดูแลตัวเองด้วย ออกจากบ้านกรุณาใช้หน้ากากอนามัย งดออกกำลังกายกลางแจ้ง”

ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ชาวบ้านรู้แล้วทั้งนั้น แต่ไม่สามารถยับยั้งปริมาณฝุ่นจิ๋วในอากาศที่เดี๋ยวก็มาอีกได้ ซ้ำร้ายคราวนี้กล่าวกันว่าเป็นชนิด พีเอ็ม ๑.๐แรงกว่า ๒.๕ แต่กระนั้นก็ยังแรงไม่เท่า Prime Minister 2.0 ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จึงถึงขั้นต้องให้ สมีฟรีด้อมออกมาตักเตือนประยุทธ์ “อย่าพูดเยอะจนเกิดความรู้สึกอึดอัดกับชาวบ้านที่รับฟัง” มันทำให้เกิดความรู้สึกว่าวุฒิภาวะของผู้นำคนนี้มันช่างเปราะบาง เป็นจุดบอดของรัฐบาล และ “ทำให้ชาวบ้านสัมผัสความดีไม่ได้”

ความนัยเบื้องหลังคำเตือนของสุวิทย์จะเป็นเรื่อง รัฐบาลนี้มีความดีความเด่น แต่นายกฯ ทำให้ชาวบ้านสัมผัสไม่ได้ ดังที่ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ทายทักหรือไม่ก็ตามแต่ ความประพฤติของประยุทธ์ในการพูดให้ร้ายและป้ายสีประชาชนทั่วไป เป็นสิ่งที่เห็นได้เกลื่อนกลาดในทุกวันนี้
 
ดังประยุทธ์พูดแดกดันต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่กลุ่มพรรคฝ่ายค้านรณรงค์ให้เกิด ว่าเป็นการ “ไม่เคารพกฎหมาย” นี่ก็พูดผิดหลักทั้งข้อเท็จจริงและวิชาการ ยิ่งในประเทศที่เจริญแล้วรัฐธรรมนูญเป็นระเบียบสังคมที่แก้ไขได้

ไม่ใช่เช่นที่ประยุทธ์คิดเอาเองอย่างไม่มีสติปัญญารองรับว่า “ทุกประเทศที่เขาเจริญ เขาเคารพกฎหมายทุกตัว” โดยเฉพาะอย่างไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่คณะรัฐประหารจัดการให้เขียนขึ้นมา “ให้พวกเราได้เปรียบ” ดังที่ลิ่วล้อ คสช.คนหนึ่งเคยอ้าง

ขณะที่เศรษฐกิจของชาติอ่อนลงมาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน ไม่เคยกระเตื้อง มีแต่ทรงกับทรุดตลอดห้าปีที่ผ่านมา แล้วรัฐมนตรีคลัง ของ คสช. ยังมีหน้าอ้างว่า Fitch Rating “ขยับอันดับเพิ่มขึ้นจาก Stable เป็นบวก” หมายถึงพ้น ทรง มาได้หน่อย


ทว่านายอุตตม สาวนายน ไม่สามารถบ่งว่าจะขยายตัวได้ถึง ๓% ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ ต้องไม่ลืมกันว่าก่อนหน้านี้ไม่ถึงปี คุยใหญ่คุยโตไว้จะให้โตถึง ๔% โน่นแน่ะ ล้วน ดีแต่พูด ทำไม่ได้เสียที ทั้งนั้น แล้ว ลุงทู้บนั่นเองอีก

“ขอประชาชนเสียสละจ่ายภาษีเป็น ๘% ทำให้รายได้รัฐเพิ่มแสนล้านบาท #เสียสละกันได้ไหม” @ThaiFarmer15 พยายามตอบให้ “ประชากรคนไทยมี ๖๐ กว่าล้านคน มันก็จะยากอยู่นะครับลุง

แต่ถ้า...(ขออนุญาตเปลี่ยนคำเป็น เฮีย) เสียสละลาออกแค่คนเดียวมันจะง่ายกว่ามั้ย”