วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 17, 2562

ศึกอภิปรายงบประมาณ "ฝ่ายค้านมีหนาว" แน่เหรอ


แหม่ง ข่าวสด พาดหัวเอามัน “ฝ่ายค้านมีหนาว” ตอนอภิปรายรายจ่ายรัฐบาล ตู่ ๒ ประจำปี ๖๓ สามวันยันเสาร์ (๑๙ ต.ค.) นี้ เนื่องเพราะพลังประชารัฐจัดตัวผู้อภิปรายฝ่ายรัฐบาลแต่ละคน ลำหักลำโค่น หน่วงหนักทั้งนั้น

เปิดชื่อออกมาคนแรกก็เชื่อว่าทำให้ฝ่ายค้านต้องหน้าม้านกันเป็นแถว น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ งี้ ยังมี น.ส.วทันยา โอภาสี อีกคน ไหนจะ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ สมุทรสงคราม นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา และ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ แห่ง กทม.ทั้งคู่

จาก กทม.อีกนางสาว ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ฟังเสียงซุบซิบเห็นว่าไม่เบา ประกบกับฝ่ายชายอย่างวีระกร คำประกอบ จากนครสวรรค์ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แห่งกำแพงเพชร อรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แล้ว

ไม่รู้จะมีเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมแค่ไหน พูดอย่างนี้ไม่ใช่ ‘misogyny’ เหยียดพรรณ ข่มเพศหรอกนะ แค่ดูเอาจากผลงานที่ผ่านมาแปดเก้าเดือน แค่ปารีณาคนเดียวก็พอทำให้ฝ่ายค้านกุมหัวก่ายหน้าผากมากแล้ว มาเจอ สิระ เจนจาคะ จอมแถก พปชร. เข้าอีก
 
เฮียเค้าบอก “ขอให้ฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลมาอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่นำประเด็นทางการเมืองมาตีรวนกับเรื่องงบประมาณ” นักรัฐศาสตร์ไม่เข้าใจว่าเรื่องงบประมาณไม่เกี่ยวการเมืองได้ไง รัฐบาลตั้งค่าใช้จ่ายสนองนโยบายมันการเมืองเต็มตัวอยู่แล้ว

จะว่าเป็นสังฆทานหรือทั่น แล้วยังดันอ้างว่ากังวล “อาจจะเน้นไปที่ตัวบุคคล จนกลายเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ก็ใช่ดิ ตามครรลองการเมืองระบอบรัฐสภา ถ้างบประมาณไม่ผ่านก็เท่ากับไม่ได้รับความไว้วางใจ ถ้าไม่ยุบสภาก็ต้องลาออก

ไม่เห็นว่าจะทำให้ไม่เป็น มืออาชีพ ตรงไหน ยกตัวอย่างการตั้งงบกลางไว้สูงลิบ งบฯ กลาโหมไม่น้อยหน้า แทนที่จะไปหนักด้านเศรษฐกิจอย่างควร ขนาดสำนักข่าวอิศรา และ ‘Prasong Lert’ ที่หลังๆ นี้บี้ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่บ่อยๆ ยังต้องยอมรับ

“ทิศทางงบกลาโหม ต้องบอกว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช.เป็นต้นมา จากปี ๕๘ อยู่ที่ ๑.๙ แสนล้านบาท ถึงปี ๖๓ พุ่งขึ้นไป ๒.๓๓ แสนล้านบาทแล้ว คิดรวมๆ ๕ ปีงบประมาณขึ้นมาราวๆ ๔ หมื่นล้านบาท”
 
แม้นอิศราลงท้ายให้กองทัพชื่นใจว่า “งบปี ๖๓ มีอัตราการเพิ่มขึ้นจากงบปี ๖๒ ต่ำกว่าอัตราการเพิ่มของงบปีก่อนหน้า” ฝ่ายค้านก็ยังต้องอภิปรายว่านายกฯ คนนี้ รมว.กลาโหมคนนั้น ทำงานมา ๕ ปีมีแต่อีลุ่ยฉุยแฉก ได้เครื่องบินไว้ประจำตำแหน่ง รถถังเอาไว้สวนสนาม เป็นต้น


เชื่อแน่เหมือนแช่แป้งได้เลยว่าบรรดาขุนพลอภิปรายปกป้อง ประยุทธ์ ๒จะต้องไม่แตะประเด็นขุดเลือดปู อย่างที่สรรพสามิตเพิ่งเผยไต๋ว่าจะเอาจริงละนะ เรื่องเก็บภาษีความเค็ม อ้างว่าเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชน
 
ที่จริงเป็นวิธีหาเงินเข้าคลังอย่างมักง่าย เพิ่มรายได้เอาไปโปะหนี้ที่ก่อไว้บานเบอะ ๕ ปีที่ผ่านมา แต่แล้วข้ออ้างที่ว่าเบื้องต้นเก็บเฉพาะอาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง อาหารกระป่อง และบะหมี่สำเร็จรูป ไม่เก็บพวกขนมขบเคี้ยว

เนื่องจากเห็นว่า “ขนมเป็นอาหารที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน” อันนี้ตรรกะบิดเบี้ยวหรือเปล่า หลักการที่ถูกต้องนั้นสิ่งจำเป็นต่อการบริโภคของประชากรควรต้องผ่อนผันภาระให้มากที่สุด พวกฟุ่มเฟือยจะยินดีจ่ายภาษีหนัก

แล้วยังเรื่องเมกกาโปรเจ็ค เขตเศรษฐกิจพิเศษงี้ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินงั้น  อีอีซี นั้นเป็นที่กล่าวขานมากขึ้นว่าทำท่าเหมือนโครงการบ้านจัดสรรและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้าไปทุกที เรื่องรถไฟ ซีพี ประมูลได้ไปแล้วยังเกี่ยงไม่ยอมลงมือ

ล่าสุด บอร์ดอีอีซีที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานยอมสยบเจ้าสัว “อนุมัติแก้ไขสัญญาตามที่ซีพีต้องการ” นั่นคือให้รัฐบาลเข้าไปเกื้อหนุนทางการเงิน เป็น ‘subsidy’ โดยแทนที่จะจ่ายค่าก่อสร้างเมื่องานเสร็จ ก็ให้ ทำไปจ่ายไปจนกว่าจะเสร็จ
 
อีกเรื่องที่ซีพีอิดเอื้อนคือการส่งมอบพื้นที่ กลัวว่าจะล้าช้าเสียเวลาเสียค่าโสหุ้ย รัฐบาลก็ยินดีแก้ไขโดยจะขยายเวลาการก่อสร้างให้ ถ้าเลวร้ายถึงขนาด รฟท.ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ได้ภายใน ๑ ปี ๓ เดือน เปิดทางให้เจรจา ‘exit’ ถอนตัวได้


เรื่องทำนอง ฮั้วกับเจ้าสัวอย่างนั้น ถ้าฝ่ายค้านไม่แตะก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นลิงกินกล้วยด้วยบ้างได้ ในเมื่อเสียงซุบซิบเป็นข่าวออนไลน์บอกว่า ก่อนการอิดเอื้อนของซีพีจะลงเอย นายกฯ ได้ต่อสายตรงถึงนายธนินทร์ เจียรวนนท์ ถึงสองครั้งสองครา