ว้าว “ผมรับผิดชอบเอง” เห็นว่าประยุทธ์ลั่นกลางที่ประชุม
‘ลับ’ ของ ครม. ซึ่ง ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ล่วงรู้ได้ด้วยว่า “เพราะเป็นผู้ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น”
ในเรื่องที่หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจมาตรา ๔๔ สั่งปิดเหมืองทองคำชาตรี
เหมืองทองคำดังกล่าวที่จังหวัดพิจิตร
บริษัทคิงเกตฯ ของออสเตรเลียเป็นผู้ถือสัมปทานดำเนินการผ่านบริษัทลูกในประเทศไทย
คือ อัครา รีซอร์ชเซส หลังจากถูกปิดได้ทำการเรียกร้องสิทธิตามข้อตกลง TAFTA : ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
จนกระทั่งคดีไปอยู่ที่ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
ซึ่งกำหนดจะเริ่มทำการวินิจฉัยในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายนนี้
“แหล่งข่าวระบุว่า” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รมว.อุตสาหกรรมเป็นผู้เสนอรายงานสรุปต่อ ครม.ถึงทางออก ๔ ประการ ได้แก่
๑.ยอมจ่ายเงินให้แก่บริษัทอัคราแล้วให้เลิกกิจการไป ๒.ยอมความตาม ‘ข้อเสนอ’ ของบริษัทอัครา
‘ข้อเสนอ’ ที่ว่าน่าจะเป็นการที่บริษัทโดน
‘ชนัก’ กฎหมายไทย ปักหลังอยู่สองคดี
เรื่องแรก ปปช.ได้ดำเนินการสอบสวนคำร้องเรียนเรื่องบริษัทผู้ถือหุ้นของอัครารายหนึ่งในออสเตรเลีย
ทำการติดสินบนเจ้าหน้าที่และข้าราชการไทย ๑๓ คน ในการขอประทานบัตรทำเหมืองทองนี้
อีกคดีอยู่ที่ ‘ดีเอสไอ’ กล่าวหาบริษัทอัคราว่าได้ลุกล้ำพื้นที่ป่าและเขตทางหลวง
“บริเวณตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร
และตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์”
ทั้งสองคดีกระทรวงอุตสาหกรรมกำความเอาไว้ต่อสู้ในชั้นอนุญาโตฯ
บริษัทอัคราได้พยายามต่อรองโดยขอให้ทางการไทยระงับการฟ้องร้องคดีทั้งสอง
แต่กระทรวงอุตสาหกรรมปฏิเสธแข็งขันตลอดมา จนกระทั่งคดีใกล้จะถึงวันพิจารณา
แล้วฝ่ายค้าน (โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย) ออกมาประกาศว่า
จะไม่ยอมให้รัฐบาลเอางบประมาณกลางไปใช้เป็นค่าปรับราว
๓๖,๐๐๐ ล้านบาท ถ้าคดีแพ้ ในเมื่อ
คสช.เป็นผู้สั่งระงับประทานบัตรและปิดเหมืองชั่วคราว โดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ถ่องแท้
ก็ขอให้ คสช.เป็นผู้จ่ายค่าปรับเอง
แน่นอนว่าอนุญาโตตุลาการคงไม่ให้น้ำหนักกับคดีที่ทางการไทยใช้ปักหลังบริษัทอัคราไว้เท่าไรนัก
หากตัดสินเฉพาะไทยละเมิดสนธิสัญญาท้าฟต้า
รมว.สุริยะก็มีทางออกให้ประยุทธ์เลือกอีกสองอย่าง คืออนุญาโตฯ
ตัดสินอย่างไรก็ตามนั้น
หรือ “หาช่องจ่ายเงินค่าปรับบางส่วน
โดยให้ชดเชยค่าเสียหาย แล้วให้ดำเนินกิจการต่อ” ข่าวเด็ดเล็ดลอดออกมาได้ของ ‘ฐานฯ’ ว่างั้นแล้วยังมีงี้ “รัฐมนตรีบางรายทักท้วงว่า
เมื่อรัฐบาลสั่งปิดกิจการของเหมืองไปแล้ว ไม่เห็นควรที่จะให้มีการดำเนินกิจการต่อไป
ดังนั้นควรหาแนวทางอื่น”
(https://www.thansettakij.com/content/413275W0Q.twitter และ https://mgronline.com/specialscoop/detail/9620000066261)
ข่าวไม่ได้บอกว่าน้องตู่มีปฏิกิริยาอย่างใดเมื่อพี่ป็อก
“พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แสดงความเห็นว่า
รัฐบาลควรรอผลการตัดสินของอนุญาโตตุลาการก่อน” เพียงแต่บอก “ขอเวลาคิดก่อนว่าจะใช้แนวทางใด”
เรื่องที่ต้องคิดไม่ใช่ว่าจะจ่ายหรือไม่จ่ายเสียแล้ว
จ่ายไม่มากตามข้อหนึ่ง หรือจ่ายน้อยหน่อยตามข้อสี่ ปัญหาอยู่ที่จ่ายแบบไหนก็ต้องเจอศึกฝ่ายค้านกระแทกให้ควักกระเป๋าตัวเองจ่าย
ทำให้ได้ออกลูกฉุน เสีย ‘หะมา’ กลางสภาอีก
ที่คิดหนักอยู่ที่จะหาวิธีให้รัฐเป็นผู้จ่ายอย่างแยบยลได้อย่างไร
ในเมื่อตอนจะเป็นนายกฯ
รอบสองนี่ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินและศาลรัฐธรรมนูญอุตส่าห์ตีความบิดกฎหมาย ให้หัวหน้า
คสช.ไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เลี่ยงรัฐธรรมนูญไปแล้ว
คราวนี้จะให้ตุลาการกลืนน้ำลาย
ตระบัดคำตนเองอีกละ เหมือนที่ถนนลูกรังยังไม่หมด คสช.ดันให้เจ้าสัวจับมือจีน ‘จอง’ สร้างรถไฟเร็วจี๋ (อีกสี่ปีค่อยเสร็จ) ซะแล้ว
คราวนี้จะให้พลิกลิ้นว่าหัวหน้า คสช.ที่สั่งปิดเหมืองชาตรี ตอนนั้นยังเป็น #เจ้าหน้าที่รัฐ อยู่หรือ