วันพุธ, ตุลาคม 30, 2562

ตู่แอ่นรับ แต่ขอคิด "หาวิธีให้รัฐเป็นผู้จ่ายอย่างแยบยลได้อย่างไร" ตลก.เขาขอเถอะ อย่าให้พลิกลิ้นอีกล่ะ

ว้าว “ผมรับผิดชอบเอง” เห็นว่าประยุทธ์ลั่นกลางที่ประชุม ลับ ของ ครม. ซึ่ง ฐานเศรษฐกิจ ล่วงรู้ได้ด้วยว่า “เพราะเป็นผู้ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น” ในเรื่องที่หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจมาตรา ๔๔ สั่งปิดเหมืองทองคำชาตรี

เหมืองทองคำดังกล่าวที่จังหวัดพิจิตร บริษัทคิงเกตฯ ของออสเตรเลียเป็นผู้ถือสัมปทานดำเนินการผ่านบริษัทลูกในประเทศไทย คือ อัครา รีซอร์ชเซส หลังจากถูกปิดได้ทำการเรียกร้องสิทธิตามข้อตกลง TAFTA : ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย จนกระทั่งคดีไปอยู่ที่ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดจะเริ่มทำการวินิจฉัยในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายนนี้

“แหล่งข่าวระบุว่า” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเป็นผู้เสนอรายงานสรุปต่อ ครม.ถึงทางออก ๔ ประการ ได้แก่ ๑.ยอมจ่ายเงินให้แก่บริษัทอัคราแล้วให้เลิกกิจการไป ๒.ยอมความตาม ข้อเสนอของบริษัทอัครา

ข้อเสนอที่ว่าน่าจะเป็นการที่บริษัทโดน ชนัก กฎหมายไทย ปักหลังอยู่สองคดี เรื่องแรก ปปช.ได้ดำเนินการสอบสวนคำร้องเรียนเรื่องบริษัทผู้ถือหุ้นของอัครารายหนึ่งในออสเตรเลีย ทำการติดสินบนเจ้าหน้าที่และข้าราชการไทย ๑๓ คน ในการขอประทานบัตรทำเหมืองทองนี้

อีกคดีอยู่ที่ ดีเอสไอ กล่าวหาบริษัทอัคราว่าได้ลุกล้ำพื้นที่ป่าและเขตทางหลวง “บริเวณตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร และตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์” ทั้งสองคดีกระทรวงอุตสาหกรรมกำความเอาไว้ต่อสู้ในชั้นอนุญาโตฯ

บริษัทอัคราได้พยายามต่อรองโดยขอให้ทางการไทยระงับการฟ้องร้องคดีทั้งสอง แต่กระทรวงอุตสาหกรรมปฏิเสธแข็งขันตลอดมา จนกระทั่งคดีใกล้จะถึงวันพิจารณา แล้วฝ่ายค้าน (โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย) ออกมาประกาศว่า

จะไม่ยอมให้รัฐบาลเอางบประมาณกลางไปใช้เป็นค่าปรับราว ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท ถ้าคดีแพ้ ในเมื่อ คสช.เป็นผู้สั่งระงับประทานบัตรและปิดเหมืองชั่วคราว โดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ถ่องแท้ ก็ขอให้ คสช.เป็นผู้จ่ายค่าปรับเอง

แน่นอนว่าอนุญาโตตุลาการคงไม่ให้น้ำหนักกับคดีที่ทางการไทยใช้ปักหลังบริษัทอัคราไว้เท่าไรนัก หากตัดสินเฉพาะไทยละเมิดสนธิสัญญาท้าฟต้า รมว.สุริยะก็มีทางออกให้ประยุทธ์เลือกอีกสองอย่าง คืออนุญาโตฯ ตัดสินอย่างไรก็ตามนั้น

หรือ “หาช่องจ่ายเงินค่าปรับบางส่วน โดยให้ชดเชยค่าเสียหาย แล้วให้ดำเนินกิจการต่อ” ข่าวเด็ดเล็ดลอดออกมาได้ของ ฐานฯ ว่างั้นแล้วยังมีงี้ “รัฐมนตรีบางรายทักท้วงว่า เมื่อรัฐบาลสั่งปิดกิจการของเหมืองไปแล้ว ไม่เห็นควรที่จะให้มีการดำเนินกิจการต่อไป ดังนั้นควรหาแนวทางอื่น”


ข่าวไม่ได้บอกว่าน้องตู่มีปฏิกิริยาอย่างใดเมื่อพี่ป็อก “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แสดงความเห็นว่า รัฐบาลควรรอผลการตัดสินของอนุญาโตตุลาการก่อน” เพียงแต่บอก “ขอเวลาคิดก่อนว่าจะใช้แนวทางใด”

เรื่องที่ต้องคิดไม่ใช่ว่าจะจ่ายหรือไม่จ่ายเสียแล้ว จ่ายไม่มากตามข้อหนึ่ง หรือจ่ายน้อยหน่อยตามข้อสี่ ปัญหาอยู่ที่จ่ายแบบไหนก็ต้องเจอศึกฝ่ายค้านกระแทกให้ควักกระเป๋าตัวเองจ่าย ทำให้ได้ออกลูกฉุน เสีย หะมากลางสภาอีก
 

ที่คิดหนักอยู่ที่จะหาวิธีให้รัฐเป็นผู้จ่ายอย่างแยบยลได้อย่างไร ในเมื่อตอนจะเป็นนายกฯ รอบสองนี่ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินและศาลรัฐธรรมนูญอุตส่าห์ตีความบิดกฎหมาย ให้หัวหน้า คสช.ไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เลี่ยงรัฐธรรมนูญไปแล้ว

คราวนี้จะให้ตุลาการกลืนน้ำลาย ตระบัดคำตนเองอีกละ เหมือนที่ถนนลูกรังยังไม่หมด คสช.ดันให้เจ้าสัวจับมือจีน จอง สร้างรถไฟเร็วจี๋ (อีกสี่ปีค่อยเสร็จ) ซะแล้ว คราวนี้จะให้พลิกลิ้นว่าหัวหน้า คสช.ที่สั่งปิดเหมืองชาตรี ตอนนั้นยังเป็น #เจ้าหน้าที่รัฐ อยู่หรือ

ตลก. เขา ขอเถอะ นะลุงนะ